จุดยืน “อภิสิทธิ์”...ไม่เอา “ชินวัตร”

ข่าวการหารือระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กับนายโภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย ในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล และมอบให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ถูกปฏิเสธทันทีจากนายอภิสิทธิ์

นายอภิสิทธิ์ให้เหตุผลว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยยังอยู่ภายใต้ครอบครัวชินวัตร ไม่ดึงตัวเองให้พ้นจากระบอบทักษิณ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำงานร่วมกัน

คำอธิบายเพียงสั้นๆ เป็นการปิดฉากข่าวลือและความพยายามในการนำพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย จับมือกันจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการกลับมาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ความร่วมมือในการต่อต้านการกลับมาของพล.อ.ประยุทธ์มีความเป็นไปได้ และไม่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่แสดงท่าทีคัดค้านการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลทหาร ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ยินดีที่จะให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ แม้จะไม่มีความหวังทางการเมือง จากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในต้นปีหน้าก็ตาม

การประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคเพื่อไทย ตราบใดที่อยู่ภายใต้การครอบงำของตระกูลชินวัตร เป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งกำลังลงสนามวัดศรัทธากับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในการแข่งขันชิงหัวหน้าพรรค

ทำไมนายอภิสิทธิ์ตั้งแง่รังเกียจตระกูลชินวัตร เหตุผลมีมากมาย ทั้งเหตุผลทางการเมือง เหตุผลเรื่องความสงบสุขของส่วนรวม และเหตุผลส่วนตัวนายอภิสิทธิ์เอง

คนตระกูลชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 3 คนแล้ว ตั้งแต่นายทักษิณ ชินวัตร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทำให้ประเทศแทบเกิดกลียุค ประชาชนเกิดความแตกแยกระส่ำระสาย สังคมเกิดความวุ่นวาย ไม่มีขื่อไม่มีแปร เพราะกฎหมายถูกละเมิดหรือถูกใช้อย่างเลือกปฏิบัติ ระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงที่พรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุนกับกลุ่มประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ

สิบกว่าปีที่ระบอบทักษิณครองอำนาจ ประเทศแทบย่อยยับ การทุจริตเกิดขึ้นแทบทุกหย่อมหญ้า มีการใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลของตระกูลชินวัตร กลุ่มคนเสื้อแดงถูกจัดตั้ง ทำหน้าที่เป็นอันธพาลคุกคามฝ่ายตรงข้าม

ประชาธิปไตยกลายเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อของนายทักษิณ ซึ่งมีพฤติกรรมรวบอำนาจในระบบรัฐสภาอย่างเบ็ดเสร็จ จนมีภาพของเผด็จการในคราบพลเรือน

ถ้าประชาชนไม่ลุกฮือขึ้นมาโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ถ้าประชาชนไม่ออกมาขับไล่รัฐบาลหุ้นเชิดของตระกูลชินวัตร ประเทศอาจล่มสลาย สังคมเดินเข้าสู่กลียุคไปแล้ว

และประชาธิปัตย์อาจถูกทำลายย่อยยับไม่เหลือซาก

คนประชาธิปัตย์ที่ผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองที่เลวร้าย ได้สัมผัสกับการถูกคุกคาม ได้เห็นความพินาศของแผ่นดินเกิด ในช่วงระบอบทักษิณกุมอำนาจ ถ้ามีสำนึกในจุดยืนทางการเมือง ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดจับมือกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม

สำหรับนายอภิสิทธิ์ มีบทเรียนอันเจ็บแสบจากตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทยมายาวนานนับสิบปี เข้าใจถึงความอำมหิต โหดเหี้ยมของระบอบทักษิณเป็นอย่างดี และเกือบเอาชีวิตไม่รอดนับครั้งไม่ถ้วน เพราะถูกกลุ่มคนเสื้อแดงไล่ฆ่า

เหตุการณ์คนเสื้อแดงบุกกระทรวงมหาดไทย เพื่อตามล่านายอภิสิทธิ์ที่หนีรอดมาอย่างคลาดแคล้ว ปฏิบัติการกดสัญญาณไฟแดงกลางสี่แยกเมืองพัทยา เพื่อดักขบวนรถนายอภิสิทธิ์ และเปิดโอกาสให้คนเสื้อแดงบุกทำร้าย การใช้ฝูงคนเสื้อแดงปิดล้อมรุมปาหินใส่นายอภิสิทธิ์ที่จังหวัดเชียงใหม่ หรือการเตรียมระเบิดถล่มใส่บ้านนายอภิสิทธิ์ย่านซอยทองหล่อ เป็นสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ไม่มีวันลืม

ใบสั่งจองเวรนายอภิสิทธิ์กระจายไปสู่มวลชนคนเสื้อแดงทั่วทั้งประเทศ จนแผ่นดินไทยแทบไม่มีพื้นที่ให้นายอภิสิทธิ์ยืน และไปไหนแทบไม่ได้ โดยไม่รู้ว่า ใครอยู่เบื้องหลังคำบงการใช้ความป่าเถื่อนทำลายล้างพรรคประชาธิปัตย์

ในยุคที่ครองอำนาจ พรรคเพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้อยู่ในอำนาจต่อไป ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยไม่มีอำนาจ และกำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้กลับเข้าไปมีอำนาจอีกครั้ง ยอมแม้แต่การจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งครั้งหนึ่งพยายามทำลายล้าง

ยอมกระทั่งเปิดทางให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเคยปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงตามไล่ฆ่า

นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจถูกแล้วในการประกาศจุดยืน ไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคเพื่อไทย ตราบใดที่สมาชิกพรรคยังทำตัวเป็นลูกสมุนตระกูลชินวัตร

ร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยต่อต้านการสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีใครว่า แต่ถ้าจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนทั้งประเทศรุมประณามนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ย่อยยับแน่