xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**เทอร์มินอลศาลเจ้าแค่สิวๆ !! “สถาปนิก-วิศวกร-นักบิน”ระดับแนวหน้าของประเทศร่วมกันค้าน “มะเร็งร้าย”แก้แผนแม่บท “สนามบินสุวรรณภูมิ” จนมั่ว ส่อทำประเทศเจ๊งมหาศาลประเมินไม่ได้ ทำเอา “นิตินัย”บิ๊กบอส ทอท. ลิ้นพันกัน แค่ “บัญญัตไตรยางค์ ง่ายๆ”อย่าง 124 หลุ่มจอด ของเทอร์มินอล 1 รับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคน แล้ว 14 หลุมจอดของเทอร์มินอล 2 จะไปรับได้ 30 ล้านคน ตามแผนของทอท.ได้อย่างไร ก็ยังตอบไม่ถูก

น่ากลั๊ว น่ากลัว .. "เสี่ยด้วง"ดวงฤทธิ์ บุนนาค เจ้าของผลงาน "เทอร์มินอลศาลเจ้า" ที่คว้างานออกแบบอาคาร ผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ขู่ฟ้อง “คนหมิ่น”แบบ "สุวรรณภูมิ 2" ตั้งราคาค่าเสียหาย 300 ล้าน .. ออกอาการ “ตาขวาง”ขู่ฟ่อ เอาเรื่องหมด ไม่ว่าคนกล่าวหา สื่อทั่วไป สื่อออนไลน์ .. คิวแรกไม่น่ารอด “วสท.”วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ฐานกล่าวหาว่า ใช้ไม้ไม่ได้มาตรฐานกันไฟ(NFPA) ..ข้ามวัน “บอร์ด ทอท.”มีมติเห็นชอบให้ลงนามสัญญาจ้าง "เสี่ยด้วง" วงเงิน 329 ล้านบาท ไปเรียบร้อย .. เป็นมติที่ “ทำได้”เพราะศาลปกครองไม่ได้คุ้มครองตามที่ “ผู้ชนะที่ 1” ร้องเรียนไป แต่อย่าลืมว่า “คดียังไม่ถึงที่สุด”หากมีการลงนามสัญญาไปแล้ว คำสั่งศาลมาอีกทาง ก็หนีไม่พ้น “ค่าโง่-ค่าชดเชย”ที่จะตามมา .. แต่ “บอร์ด - ผู้บริหาร ทอท.”อาจจะเห็นว่าไม่ใช่ “เงินตัวเอง”ก็เลยไม่คิดจะหยุดรอสักครู่สักยาม ตามที่มีผู้ทักท้วง .. ถึงขั้นนี้แล้วก็คิดว่า พื้นที่นี้คงงดไปพาดพิง“เทอร์มินอลศาลเจ้า”หรือ “ลอก-ไม่ลอก”ไว้ชั่วคราว รอคำวินิจฉัยศาลอีกที ค่อยว่ากัน ..
ไม่ใช่ว่ากลัว แต่ก็เห็นตาม ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน สถาปนิกมากประสบการณ์ ที่ระบุถึง “เทอร์มินอลเสี่ยด้วง”ว่าแค่ “เรื่องสิวๆ” .. เป็น “เรื่องสิวๆ”ที่เทียบไม่ได้กับ “มะเร็งร้าย”ใต้สิว นั่นก็คือ เรื่องที่ตั้งของเทอร์มินอล 2 สนามบินสุวรรณภูมิ ที่หลุดกรอบ“มาสเตอร์แพลน”..อันจะส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมหาศาล จน 300 ล้านบาท ค่าแบบของ “เสี่ยด้วง”กลายเป็นเศษเงินไปเลย .. เรื่องแบบนี้ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูจะปล่อยผ่าน-ลอยตัวไม่ได้ หลังสถาปนิก นำโดย พล.ร.อ.ฐนิธ กิตติอำพน นายกสภาสถาปนิก เข้ายื่นหนังสือให้ตรวจสอบข้อมูลและทบทวนโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว .. อีกทั้งยังมี “แคมเปญออนไลน์”ที่ขณะนี้ “สถาปนิก-วิศวกร-นักบิน” ระดับแนวหน้าของประเทศ ทั้ง “ม.ล.ชัยนิมิตร”หรือ ต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานฯ กำลังสามัคคีกันตีฆ้องร้องป่าว คัดค้านการแก้ไขผังแม่บทของ ทอท. ..
ขออนุญาตคัดความคิดเห็นของ“ม.ล.ชัยนิมิตร”มาถ่ายทอดให้ถึง “นายกฯตู่”ตามเจตนารมณ์ของผู้เขียน .. ความว่า “หากเลื่อนการเร่งรีบลงนามในสัญญาว่าจ้างออกแบบอาคารหลังที่ 2 ออกไปก่อน ก็จะไม่เสียหายดังที่ ทอท. เคยเบิกความต่อศาลปกครอง เพราะอาคารผู้โดยสารรอง ซึ่งท่านไปทำพิธีเริ่มไว้ ก็สร้างคืบไปมากแล้ว แต่แทนที่ ทอท. จะขยายส่วนข้างอาคารเดิมออกไป เพื่อเป็นโถงเช็กอินประกอบกัน กลับเฉไฉไม่ทำ ทั้งที่ออกแบบเสร็จแล้ว พร้อมประมูลสร้างได้ทันที ประหยัดทั้งเวลาและค่าก่อสร้างหลายหมื่น หลายล้านบาท ทั้งนี้เพื่อทบทวนตำแหน่งที่ตั้งอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 อันเป็นประเด็นที่คัดค้านว่า ไม่เป็นไปตามแผนแม่บทเดิมที่ดีอยู่แล้ว หากจะสร้างกันอีก หลังจากส่วนขยายข้างบนเริ่มอิ่มตัวก็ควรไปสร้างด้านทิศใต้ ซึ่งจะทำให้การจราจร ทั้ง Airside และ Landside คล่องตัวกว่าที่จะมาแปะไว้คู่กันทางฝั่งทิศเหนือ แค่ปัญหารถติดก็แย่แล้ว ยังมีปัญหาเครื่องบินติดอีก” .. เรื่องทางเทคนิคเหล่านี้ ทำให้ นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ไปไม่เป็น ชี้แจงข้างๆ คูๆ จนเจอ “สอนมวย”กลับมาหลายดอก .. เอาแค่ “บัญญัตไตรยางค์ง่ายๆ”อย่างเทอร์มินอล 1 ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ มี 124 หลุมจอด รองรับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคน แล้ว 14 หลุมจอด ของเทอร์มินอล 2 ที่ประกวดจนจะเซ็นสัญญาไปนั้น จะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มปีละ 30 ล้านคน ตามแผนของ ทอท.ได้อย่างไร .. แล้วที่มาไกลจน “บิ๊ก ทอท.”ถูกตราหน้าว่า “โกหก”ก็ถูกมองว่า“พื้นที่ใช้สอยเชิงพาณิชย์”ที่ถูกยัดเข้ามาในเมอร์มินอล 2 เพื่อหารายได้ของทอท. จนไปกระทบแผนแม่บท จนปั่นป่วน และก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่าหรือไม่

**ชำแหละ “เพื่อธรรม”!!ข่าว “หญิงหน่อย”คุมเพื่อไทยหนาหู “แม่เลี้ยงเมืองเหนือ”สบช่องปัดฝุ่น “พรรคเพื่อธรรม”ยึดออฟฟิสเก่า “ไทยรักไทย”ทำการ ให้ “สมพงษ์”นั่งหัวหน้า “นลินี”อดีต รมต.แบล็คลิสต์สหรัฐฯ เป็นเลขาฯ เผื่อไว้เป็นอะไหล่ หาก“เพื่อไทย”ถูกยุบ แล้วลึกๆ น่าจะเป็นสาขาหลัก “วงศ์สวัสดิ์”มากกว่า แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นอิทธิพล “ชินดาวงศ์”อยู่ดี

พลิกไปพลิกมา .. สถานการณ์หา “หัวใหม่”ของ “ระบอบทักษิน”กับเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น .. เดิมเคยคาดกันว่าจะเชิด พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค ที่อยู่โยงรักษาการหัวหน้าพรรค ตั้งแต่ “เจ้าของเดิม”อย่าง จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ติดคดีจนเตลิดไปอยู่เมืองนอก .. แต่ต้องยอมรับว่า “วิโรจน์”แม้พรรษาได้ แต่บารมีไม่ถึง เป็นแค่ตัวเลือกประเภท “บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น”เบรก “แรงกระเพื่อม” ในพรรคเท่านั้น .. ถึงรู้กันโดยทั่วว่า “จ่าฝูงเพื่อไทย”กี่รุ่นต่อกี่รุ่น ก็เป็นแค่ “นอมินี”ไม่ใช่ “ตัวจริง” แต่การจะเป็นผู้นำพรรคที่ขึ้นแท่น“ที่หนึ่ง”ในการเลือกตั้งค่อนข้างแน่ ก็ควร “มีราคา”กว่านี้ .. เป็นเหตุให้หลังปี่กลองการเมืองเริ่มบรรเลงไม่นาน ชื่อของ “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่นครบาล จึงกลับมาแรงอีกครั้ง ว่าได้ไฟเขียวจาก “นายใหญ่-นายหญิง”แล้ว .. แต่ก็มีกระเพื่อมหน่อยๆ เมื่อมี “ข่าวปล่อย”ว่า ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตผู้แทนการค้าไทย และสมาชิกก๊วนกอล์ฟของ “นายแม้ว”ทักษิณ ชินวัตร โผล่มาท้าชิงชัยกับ “หญิงหน่อย” .. อย่างไรก็ดี แนวโน้มที่ “หญิงหน่อย”จะได้เป็นใหญ่ ทำให้ “แม่เลี้ยงเมืองเหนือ”ฉุนไม่น้อย ด้วยเคยทุบโต๊ะต่อหน้า “พี่ชาย”ว่า “ใครก็ได้ ไม่ใช่...หน่อย” .. อันเป็นที่มาของการไปเอาหัว “พรรคเพื่อธรรม” ที่จัดตั้งทิ้งไว้ตั้งแต่ปี 2553 มาปัดฝุ่นอีกครั้ง .. โดย “ผู้บริหารเดิมๆ”ก็วนเวียนอยู่ในวง “ลิ่วล้อระบอบทักษิณ” มาตลอด “วัลลภ สุปริยศิลป์ - ชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง - พงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ - ม.ล.ณัฏฐพล เทวกุล” ทั้งหมดเคยผ่านงานการเมืองในชื่อ “ไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย”ทั้งนั้น .. ชัดเจนที่สุดคงเป็น “ที่ทำการพรรค”ก็ยึดเอา “ออฟฟิสดั้งเดิม”ของพรรคไทยรักไทย ที่อยู่บน ถ.นครสรรค์ ข้างๆ ทำเนียบรัฐบาล เป็นที่ตั้ง ..
กระทั่งล่าสุด ที่มีการเปลี่ยนผู้บริหารพรรค มาเป็นชุดของ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวขบวนกลุ่ม 16 อดีต รองนายกฯ และอดีต ส.ส.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพรรค .. รวมทั้ง นลินี ทวีสิน อดีตผู้แทนการค้าไทย อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นรองหัวหน้าพรรค และ พงศกร อรรณนพพร อดีตสมาชิกกลุ่ม 16 อดีต รมช.ศึกษาธิการ สมัยรัฐบาลสมัคร เป็นเลขาธิการพรรค .. ทุกชื่อที่เอ่ยมา ล้วนแล้วแต่เป็น “คนเพื่อไทย” ทั้งสิ้น จึงหนีไม่พ้นข้อครหาว่า “พรรคนอมินี”หรือ “พรรคสำรอง”ของ “เพื่อไทย”..แน่นอนว่า วัตถุประสงค์หลักของพรรคนี้ ย่อมเตรียมไว้รองรับอุบัติเหตุ กรณี “เพื่อไทย”ถูกยุบ กรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ์ จากคดีความค้างเก่า .. แต่หากลงลึกในแง่ “ยุทธศาสตร์”ก็อาจไว้ “เก็บสแปร์” คะแนนที่หลุดจาก “เพื่อไทย”สะสมเป็นแต้ม “ปาร์ตี้ลิสต์”ตามสูตรเลือกตั้งใหม่ ที่มีความหมายทุกคะแนน .. เข้าใจดีว่า 2 วัตถุประสงค์ที่ว่า ก็พอที่จะทำให้ได้รับ “ไฟเขียว”จาก “นายใหญ่ - นายหญิง”แล้ว .. แต่ยังมี “นัยซ่อนเร้น”ของ “บางคน”ที่หวังใช้แบรนด์ “เพื่อธรรม”เป็น “สาขาหลัก”หล่อเลี้ยงอิทธิพลของตัวเอง และบ้านตัวเอง .. เดิมจึงมีข่าวว่า สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ สามี “เจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ อาจย้ายที่พำนักมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม ด้วยซ้ำ แต่ก็มอบให้ “สมพงษ์”นำไปพลางก่อน .. ยิ่งพอสำรวจร่องรอย “คีย์แมนเพื่อธรรม”ก็จะพบว่า อยู่ภายใต้อิทธิพล “ชินดาวงศ์”อันประกอบด้วย “ชินวัตร - ดามาพงศ์ - วงศ์สวัสดิ์”ชัดกว่าพรรคเพื่อไทย เสียอีก .. เอาแค่ “สมพงษ์”เป็นขุนพลในเชียงใหม่ของ “ตระกูลชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์”มาตลอด .. หรือ “นลินี”อดีต รมต.ผู้ติดแบล็กลิสต์สหรัฐฯ ก็ไม่เพียงแต่เป็น “สายตรงชินวัตร”ยังเป็นระดับวงในของ “ก๊วนจันทร์ส่องหล้า”แนบแน่น คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ ไม่น้อยกว่าใคร

**คดียังไม่สิ้นสุด!! “ศาลอุทธรณ์”ยกฟ้อง “ลูกสุเทพ”รุกป่าเขาแพง เหตุพยานหลักฐาน “ยังมีข้อสงสัยตามสมควร”จำต้อง “ยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย”เหลืออีกยกให้ “อัยการโจทก์”แก้มือ ยื่นฎีกาภายใน 30 วัน และต้องทำให้ศาลสิ้นสงสัย ตามที่ “ดีเอสไอ - อัยการ”บรรยายพฤติการณ์ “ร่วมกันกระทำความผิด”ไว้ในสำนวน

ยังเฮไม่สุดเสียง .. แทน เทือกสุบรรณ บุตรชายของ “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และเจ้าของพรรครวมพลังประชาชาติไทย .. หลังศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา “ศาลอุทรณ์”คดีดังรุกที่ “เขาแพง”เกาะสมุย .. ปรากฏว่าในชั้น “อุทธรณ์”สั่ง “ยกฟ้อง”จำเลยทั้ง 4 ที่มี “ลูกแทน”เป็นจำเลยที่ 3 .. มีการระบุ “เหตุผล”ในคำพิพากษาว่า เนื่องจากพยานหลักฐาน “ยังมีข้อสงสัยตามสมควร”ว่า ที่ดินที่สร้างอ่างเก็บน้ำและถนนคอนกรีต ขณะเกิดเหตุนั้นเป็นที่ดินป่าตามที่องค์ประกอบกฎหมาย หรือไม่ และ “ยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย” .. อย่างไรก็ตาม “คดียังไม่สิ้นสุด โดย “อัยการโจทก์”หรือ พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ยังสามารถยื่นฎีกาตามกฎหมายได้ ภายในระยะเวลา 30 วัน .. สำหรับ “คดีเขาแพง” นี้ “ศาลชั้นต้น”มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 21 ก.ย.59 ให้จำคุก 3 ปี “ลูกแทน”โดยไม่รอลงอาญา ขณะที่อีก 3 จำเลย ซึ่งเป็น “นายหน้า”ให้จำคุกคนละ 3-5 ปี โดยไม่รอลงอาญาเช่นกัน ..
ย้อนกลับไปกรณีบุกรุกที่ดินบนเขาแพง ถูกเปิดโปงในช่วง “ศึกซักฟอก”รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อ พ.ค.53 นู่น .. โดยฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย ส่งมือดีอย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ ล็อกเป้าจัดหนัก “สุเทพ”รองนายกฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้น .. หลังอภิปราย ก็เขี่ยลูกให้หลายหน่วยงานตรวจสอบต่อ รวมทั้ง ป.ป.ช. และ กรมที่ดิน ที่ได้มีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินพิพาท .. ส่วนในทางคดี เป็นคิวของ อดีตคนคุ้นเคยของกำนันสุเทพ อย่าง ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำเป็น “คดีพิเศษ”.. ก่อนที่ “ดีเอสไอ” จะมีความเห็นสั่งฟ้อง ส่งไม้ต้อให้ ให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ที่ต่อมาก็ได้สั่งฟ้องต่อศาล จนมาถึงชั้นอุทธรณ์ .. ทั้งในชั้น “ดีเอสไอ - อัยการ”มีการบรรยายพฤติการณ์ “ร่วมกันกระทำความผิด”ที่นำเอา นส.3 ก มาออกเป็นโฉนด เกินจากหลักฐานเดิม และป็นพื้นที่ ที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ .. หลังออกโฉนด มีการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มาปิดกั้นลำรางสาธารณะประโยชน์ ที่ไหลจากภูเขาเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็น โรงแรมและบ้านพักตากอากาศหรูบนเขาแพง อีกด้วย .. หลายคนยัง “เสียดายไม่น้อย”ที่ความผิดสาวไม่ถึง “สุเทพ”ด้วยซ้ำ เพราะความจริง“ผู้เกี่ยวข้อง”ในกระบวนการซื้อขาย ครอบครอง สนิทสนมกับ “กำนันเทือก”ทั้งสิ้น ดีที่ “ลูกแทน”บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น .. ย้ำอีกครั้งว่า“คดียังไม่สิ้นสุด”ศาลอุทธรณ์ไม่ได้บอกว่า “ไม่ผิด” และเหลืออีกยก ในชั้น “ฎีกา” ก็อยู่ที่ว่า “อัยการ”ในฐานะ “ทนายแผ่นดิน”จะทำให้ศาลสิ้นสงสัยได้ไหม .. แล้วยังมีความผิดเรื่องออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ในส่วน “เจ้าหน้าที่รัฐ”ที่ยังค้างอยู่ในชั้น ป.ป.ช. ที่ดูจะ “ช้าผิดปกติ”ด้วย

ช.ชฎา
รูป

- ดวงฤทธิ์ บุนนาค- ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน - ต่อตระกูล ยมนาค--นิตินัย ศิริสมรรถการ
-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ - ปานปรีย์ พหิทธานุกร - สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ -นลินี ทวีสิน
-แทน เทือกสุบรรณ - สุเทพ เทือกสุบรรณ
กำลังโหลดความคิดเห็น