วานนี้ (26 ก.ย.) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กลุ่มเครือข่ายศิลปินและภาคประชาสังคม กว่า 100 คน แต่งชุดดำ จัดกิจกรรมคัดค้าน กรณีกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตัดงบประมาณบริหารหอศิลป์ฯ มากว่า 2 ปี ทำให้ประสบปัญหาการบริหารจัดการ จัดแสดงนิทรรศการ และจัดงานต่างๆ ได้น้อยลง
ผศ.ปวิตร มหาสารินันท์ ผอ.หอศิลป์ฯ กล่าวว่า ในการประชุมสภา กทม. เมื่อ ส.ค.60 มีการท้วงติงเรื่อง กทม.สนับสนุนงบอุดหนุนให้หอศิลป์ เป็นเวลา 7 ปี ซึ่งอาจขัดกับสัญญาโอนสิทธิ์ ที่ กทม.ทำกับหอศิลป์ ในข้อ 8 ที่ระบุว่า บรรดาค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียม หรือค่าภาษีใดๆ ซึ่งเกิดจากการบริหารจัดการหอศิลป์ฯ ตกเป็นความรับผิดชอบของผู้รับสิทธิ และผู้รับสิทธิ มีหน้าที่ต้องชำระค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียม หรือค่าภาษี ให้ทันตามเวลาที่กำหนด กทม. โดยข้อตกลง หรือกฎหมาย แล้วแต่กรณี ทำให้มีการตีความว่า กทม. ไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายอะไรให้ หอศิลป์ได้
แต่ที่ผ่านมา กทม. อนุมัติงบอุดหนุนมา 40-45 ล้านบาทต่อปี มาตลอด ซึ่งมูลนิธิหอศิลป์ฯ นำเอาไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารักษาความปลอดภัย ค่าแม่บ้าน ต่างๆ เนื่องจากสภา กทม.ในยุคที่ผ่านมา เห็นว่าชอบธรรม แต่ยุคนี้มีการติงขึ้นมา และขอให้กทม.ดำเนินการแก้ไขรายละเอียดสัญญา ดังนั้น การพิจารณางบฯ ของสภา กทม. จึงไม่อนุมัติงบอุดหนุนให้หอศิลป์ ในปีงบประมาณ 2562 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค.61
"วันนี้ทางหอศิลป์ได้รับใบแจ้งระงับการใช้น้ำประปา ซึ่งระบุชื่อผู้ใช้ว่า เป็นสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว โดยจะตัดการจ่ายน้ำในวันนี้ เนื่องจากหอศิลป์ ไม่สามารถจ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ เพราะเราไม่ได้ตั้งงบประมาณตรงนี้ หากจะจ่าย ต้องตัดการจัดนิทรรศการต่างๆ อย่างไรก็ตาม มาตรการต่อไปที่ต้องดำเนินการ คือ การรัดเข็มขัด ซึ่งหอศิลป์ ตั้งงบฯ ปีที่แล้วไว้ 81 ล้านบาท ตอนนี้ตัดเหลือ 53 ล้านบาท แต่ก็ไม่พอ จากการคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่ใช่ค่าน้ำ ค่าไฟ สามารถบริหารได้ถึงกลางปีหน้าเท่านั้น หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ส่วนอีกมาตรการที่กำลังพิจารณาผลดีผลเสีย คือ การลดเวลาเปิดบริการ จากเดิม 10.00 - 21.00 น. อาจพิจารณาเป็น 11.00 - 20.00 น. และปิดวันจันทร์ เช่นเดิม หรือลดเวลเปิด 2 ชั่วโมง จะช่วยประหยัดค่าไฟ ค่าน้ำได้ วันนี้จึงขอเรียนเครือข่ายศิลปิน ที่กำลังทำเทศกาลละครกรุงเทพ และเทศกาลศิลปะนานาชาติบางกอกอาร์ต เบียนนาเล่ ที่อาจรับผลกระทบจากมาตรการรัดเข็มขัดตรงนี้" ผศ.ปวิตร กล่าว
ด้าน เครือข่ายศิลปินและภาคประชาสังคมเพื่อหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ได้ออกแถลงการณ์ ขอประณามความพยายามยึดหอศิลป์กรุงเทพฯ ของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. มีใจความว่า ขณะนี้สถานการณ์ชัดแล้วว่า ผู้ว่าฯ อัศวิน ไม่ได้หยุดแผนการยึดคืนหอศิลป์ ตามที่ประกาศไว้ แต่กลับเดินหน้ากลั่นแกล้ง บั่นทอนการบริหารงานอย่างเป็นขั้นตอน คือ 1. ตัดงบประมาณอุดหนุนปี 61 - 62 อ้างว่า สภากทม.ไม่ยอมอนุมัติเพราะอาจผิดระเบียบ
2.การแต่งตั้งกก.สรรหา เพื่อเสนอรายชื่อ คณะกรรมการมูลนิธิหอศิลป์ฯ ชุดใหม่ มาจากทหารถึง 3 คน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะที่ผ่านมากิจการด้านศิลปวัฒนธรรม เป็นเรื่องของภาคประชาชน และผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เฉพาะ ซึ่งอดีตผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง ได้เคารพหลักการปฏิญญาระหว่างกรุงเทพมหานคร และภาคประชาชน ที่จะดำรงไว้ซึ่งความอิสระในการบริหารจัดการหอศิลป์ เพื่อความคล่อตัว และไม่เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน แต่การแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาในครั้งนี้ ชัดเจนว่า ผู้ว่าฯ อัศวิน มีเจตนายึดหอศิลป์ ผ่านคณะกรรมมูลนิธิชุดใหม่ จึงขอเรียกร้องให้ยุติความพยายามดังกล่าว
ผศ.ปวิตร มหาสารินันท์ ผอ.หอศิลป์ฯ กล่าวว่า ในการประชุมสภา กทม. เมื่อ ส.ค.60 มีการท้วงติงเรื่อง กทม.สนับสนุนงบอุดหนุนให้หอศิลป์ เป็นเวลา 7 ปี ซึ่งอาจขัดกับสัญญาโอนสิทธิ์ ที่ กทม.ทำกับหอศิลป์ ในข้อ 8 ที่ระบุว่า บรรดาค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียม หรือค่าภาษีใดๆ ซึ่งเกิดจากการบริหารจัดการหอศิลป์ฯ ตกเป็นความรับผิดชอบของผู้รับสิทธิ และผู้รับสิทธิ มีหน้าที่ต้องชำระค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียม หรือค่าภาษี ให้ทันตามเวลาที่กำหนด กทม. โดยข้อตกลง หรือกฎหมาย แล้วแต่กรณี ทำให้มีการตีความว่า กทม. ไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายอะไรให้ หอศิลป์ได้
แต่ที่ผ่านมา กทม. อนุมัติงบอุดหนุนมา 40-45 ล้านบาทต่อปี มาตลอด ซึ่งมูลนิธิหอศิลป์ฯ นำเอาไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารักษาความปลอดภัย ค่าแม่บ้าน ต่างๆ เนื่องจากสภา กทม.ในยุคที่ผ่านมา เห็นว่าชอบธรรม แต่ยุคนี้มีการติงขึ้นมา และขอให้กทม.ดำเนินการแก้ไขรายละเอียดสัญญา ดังนั้น การพิจารณางบฯ ของสภา กทม. จึงไม่อนุมัติงบอุดหนุนให้หอศิลป์ ในปีงบประมาณ 2562 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค.61
"วันนี้ทางหอศิลป์ได้รับใบแจ้งระงับการใช้น้ำประปา ซึ่งระบุชื่อผู้ใช้ว่า เป็นสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว โดยจะตัดการจ่ายน้ำในวันนี้ เนื่องจากหอศิลป์ ไม่สามารถจ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ เพราะเราไม่ได้ตั้งงบประมาณตรงนี้ หากจะจ่าย ต้องตัดการจัดนิทรรศการต่างๆ อย่างไรก็ตาม มาตรการต่อไปที่ต้องดำเนินการ คือ การรัดเข็มขัด ซึ่งหอศิลป์ ตั้งงบฯ ปีที่แล้วไว้ 81 ล้านบาท ตอนนี้ตัดเหลือ 53 ล้านบาท แต่ก็ไม่พอ จากการคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่ใช่ค่าน้ำ ค่าไฟ สามารถบริหารได้ถึงกลางปีหน้าเท่านั้น หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ส่วนอีกมาตรการที่กำลังพิจารณาผลดีผลเสีย คือ การลดเวลาเปิดบริการ จากเดิม 10.00 - 21.00 น. อาจพิจารณาเป็น 11.00 - 20.00 น. และปิดวันจันทร์ เช่นเดิม หรือลดเวลเปิด 2 ชั่วโมง จะช่วยประหยัดค่าไฟ ค่าน้ำได้ วันนี้จึงขอเรียนเครือข่ายศิลปิน ที่กำลังทำเทศกาลละครกรุงเทพ และเทศกาลศิลปะนานาชาติบางกอกอาร์ต เบียนนาเล่ ที่อาจรับผลกระทบจากมาตรการรัดเข็มขัดตรงนี้" ผศ.ปวิตร กล่าว
ด้าน เครือข่ายศิลปินและภาคประชาสังคมเพื่อหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ได้ออกแถลงการณ์ ขอประณามความพยายามยึดหอศิลป์กรุงเทพฯ ของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. มีใจความว่า ขณะนี้สถานการณ์ชัดแล้วว่า ผู้ว่าฯ อัศวิน ไม่ได้หยุดแผนการยึดคืนหอศิลป์ ตามที่ประกาศไว้ แต่กลับเดินหน้ากลั่นแกล้ง บั่นทอนการบริหารงานอย่างเป็นขั้นตอน คือ 1. ตัดงบประมาณอุดหนุนปี 61 - 62 อ้างว่า สภากทม.ไม่ยอมอนุมัติเพราะอาจผิดระเบียบ
2.การแต่งตั้งกก.สรรหา เพื่อเสนอรายชื่อ คณะกรรมการมูลนิธิหอศิลป์ฯ ชุดใหม่ มาจากทหารถึง 3 คน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะที่ผ่านมากิจการด้านศิลปวัฒนธรรม เป็นเรื่องของภาคประชาชน และผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เฉพาะ ซึ่งอดีตผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง ได้เคารพหลักการปฏิญญาระหว่างกรุงเทพมหานคร และภาคประชาชน ที่จะดำรงไว้ซึ่งความอิสระในการบริหารจัดการหอศิลป์ เพื่อความคล่อตัว และไม่เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน แต่การแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาในครั้งนี้ ชัดเจนว่า ผู้ว่าฯ อัศวิน มีเจตนายึดหอศิลป์ ผ่านคณะกรรมมูลนิธิชุดใหม่ จึงขอเรียกร้องให้ยุติความพยายามดังกล่าว