ผู้จัดการรายวัน360-กลุ่ม เอส เอ ยื่นหนังสือถึง "บิ๊กตู่" ขอให้ยกเลิกการประกวดจ้างออกแบบโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเปิดประกวดราคาใหม่ เพื่อให้เกิดความยุติธรรม โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ยันกระบวนการมีพิรุธเพียบ ทั้งให้เสนองาน 2 ครั้ง กำหนดให้ซองราคาเป็นสาระสำคัญมากกว่าคุณภาพงาน และผิดระเบียบพัสดุ เหตุใช้ใบเสนอราคาที่หมดอายุแล้วมาพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 ก.ย.) นายพัฒนะ จงถาวรสถิตย์ ตัวแทนกลุ่มที่ปรึกษาเอสเอ ซึ่งประกอบด้วยบริษัท สแปน คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท ไซน์เทคเอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ บริษัท อะซูซา เซคเคอิ และบริษัท สกายปาร์ตี้ ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบ และยกเลิกการประกวดการจ้างออกแบบโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และขอให้มีการประกวดจ้างออกแบบครั้งใหม่ เพื่อให้เกิดความยุติธรรม เกิดความโปร่งใส่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวได้ระบุเหตุผลว่า กระบวนการประกวดราคามีข้อพิรุธ ประกอบด้วยการจัดให้มีการเสนองาน 2 ครั้ง ทั้งที่ไม่ได้มีข้อกำหนดไว้ในรายละเอียดในทีโออาร์ , การกำหนดให้ซองราคาเป็นสาระสำคัญ ทั้งที่ในการประกวดแบบนั้น สาระสำคัญต้องอยู่ที่ซองคุณภาพงาน , การสิ้นสุดของการยืนราคา โดย ทอท.ไม่ได้แจ้งทั้ง 4 กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาให้เสนอซองราคาเข้าไปใหม่ การที่ ทอท.ไม่พิจารณาใบเสนอราคาของกลุ่ม เอสเอ และยังคงให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาที่มีคะแนนอันดับที่ 2 มีสิทธิ์เข้าเปิดซองราคาได้จึงเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่ยุติธรรมกับทางกลุ่ม เอสเอ
สำหรับรายละเอียดการเสนอราคา เริ่มจากกลุ่ม เอสเอ ได้ซื้อข้อกำหนด (ทีโออาร์) และส่งข้อเสนอตามที่รายละเอียดครบถ้วนทุกประการ ซึ่งทางกลุ่มเอสเอ ได้รับการคัดเลือกด้านคุณภาพด้วยคะแนนสูงสุด 97.8 คะแนน และได้มีหนังสือจากบริษัทท่าอากาศยานไทย ให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา เอสเอ ไปเปิดซองข้อเสนอด้านราคาในวันที่ 14 ส.ค.2561 เวลา 14.00 น. และคณะกรรมการคัดเลือกได้แจ้งว่ากลุ่มที่ปรึกษาเอสเอ ไม่ได้แนบต้นฉบับใบเสนอราคาตามที่บริษัทท่าอากาศยานได้กำหนดไว้ในทีโออาร์ จึงไม่รับพิจารณา ซึ่งทางกลุ่มเอสเอ ได้แย้งต่อคณะกรรมการคัดเลือกว่าไม่ได้รับเอกสารต้นฉบับใบเสนอราคา และชี้แจงว่ามีข้อเสนอด้านราคาที่มีเนื้อหาด้านราคาที่ครบถ้วน เพียงพอต่อการพิจารณา และร้องขอเอกสารต้นฉบับใบกรอกราคาที่ไม่ได้รับ เพื่อกรอกรายละเอียดราคาที่เหมือนข้อเสนอด้านราคา ซึ่งผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติกรรมมาพร้อมแล้ว แต่คณะกรรมการคัดเลือกไม่รับพิจารณาเอกสารข้อเสนอด้านราคาของกลุ่มเอสเอ และจากนั้นได้เรียกกลุ่มที่ได้อันดับที่ 2 ทางโทรศัพท์ให้มาเปิดซอง และต่อรองราคาในเวลา 17.00 น. ซึ่งเลยเวลาราชการ และไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการ
ต่อมา กลุ่ม เอสเอ ได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน เพราะเห็นว่ามีผลกระทบเสียหาย ต่อประเทศด้านเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมและความปลอดภัยในอาคารสนามบิน ซึ่งผลงานของกลุ่ม "ดวงฤทธิ์" ที่ปรึกษาที่มีคะแนนคุณภาพที่ 2 ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ ในเชิงลบอย่างกว้างขวา มีการท้วงติงในด้านการลอกเลียนแนวคิด ความเป็นอันตลักษณ์ และความไม่ปลอดภัยของการใช้งานอาคาร แต่ศาลปกครองยกคำร้องขอคุ้มครองฉุกเฉิน เพราะเห็นว่า ทอท.แถลงต่อศาลฯ ว่าสามารถจ่ายค่าชดเชยความเสียหายได้ หากกลุ่มที่ปรึกษา เอสเอ เป็นผู้ชนะคดีในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม เอส เอ ได้พบความพิรุธของการประมูลงานครั้งนี้พบว่าใบเสนอราคาต้นฉบับ ที่กำหนดเวลายืนราคา 90 วัน นับตั้งแต่วันเปิดซองประกวดแบบ ซึ่งมีความขัดแย้งกับรายละเอียดข้อกำหนดของทีโออาร์ ที่ว่าให้ยืนราคา 120 วันตั้งแต่วันที่ยื่นข้อเสนอ (ยื่นข้อเสนอวันที่ 6 พ.ย.2560) แต่พบว่าวันเปิดซองราคา คือ วันที่ 14 ส.ค.2561 ซึ่งได้ล่วงเลยมาแล้ว 281 วัน จึงนับได้ว่าการยืนราคาในการเสนอราคาของ 4 กลุ่มที่บริษัทที่ปรึกษาสิ้นสุดการยืนราคาไปแล้ว แต่ทาง ทอท.กลับพิจารณาให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาที่ได้คะแนนอันดับที่ 2 สามารถใช้ใบเสนอราคาที่หมดอายุไปแล้วในการต่อรองราคา ซึ่งอาจจะเป็นการผิดระเบียบพัสดุ
นอกจากนี้ ทอท.ส่อพิรุธในการแจ้งใบเสนอราคาต้นฉบับ ที่อ้างว่ามีความสำคัญและเป็นสาระสำคัญตามข้อ 13.3.1. (TOR) ซึ่ง ทอท.จะต้องมีหนังสืออย่างเป็นทางการแจ้งให้ทั้ง 4 กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ยืนยันราคาเข้าไปใหม่นับตั้งแต่วันที่ยืนราคาหมดอายุ จึงส่อให้เห็นว่า ทอท.เกิดความผิดพลาด และไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือไม่เป็นสาระสำคัญของใบเสนอราคา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 ก.ย.) นายพัฒนะ จงถาวรสถิตย์ ตัวแทนกลุ่มที่ปรึกษาเอสเอ ซึ่งประกอบด้วยบริษัท สแปน คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท ไซน์เทคเอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ บริษัท อะซูซา เซคเคอิ และบริษัท สกายปาร์ตี้ ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบ และยกเลิกการประกวดการจ้างออกแบบโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และขอให้มีการประกวดจ้างออกแบบครั้งใหม่ เพื่อให้เกิดความยุติธรรม เกิดความโปร่งใส่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวได้ระบุเหตุผลว่า กระบวนการประกวดราคามีข้อพิรุธ ประกอบด้วยการจัดให้มีการเสนองาน 2 ครั้ง ทั้งที่ไม่ได้มีข้อกำหนดไว้ในรายละเอียดในทีโออาร์ , การกำหนดให้ซองราคาเป็นสาระสำคัญ ทั้งที่ในการประกวดแบบนั้น สาระสำคัญต้องอยู่ที่ซองคุณภาพงาน , การสิ้นสุดของการยืนราคา โดย ทอท.ไม่ได้แจ้งทั้ง 4 กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาให้เสนอซองราคาเข้าไปใหม่ การที่ ทอท.ไม่พิจารณาใบเสนอราคาของกลุ่ม เอสเอ และยังคงให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาที่มีคะแนนอันดับที่ 2 มีสิทธิ์เข้าเปิดซองราคาได้จึงเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่ยุติธรรมกับทางกลุ่ม เอสเอ
สำหรับรายละเอียดการเสนอราคา เริ่มจากกลุ่ม เอสเอ ได้ซื้อข้อกำหนด (ทีโออาร์) และส่งข้อเสนอตามที่รายละเอียดครบถ้วนทุกประการ ซึ่งทางกลุ่มเอสเอ ได้รับการคัดเลือกด้านคุณภาพด้วยคะแนนสูงสุด 97.8 คะแนน และได้มีหนังสือจากบริษัทท่าอากาศยานไทย ให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา เอสเอ ไปเปิดซองข้อเสนอด้านราคาในวันที่ 14 ส.ค.2561 เวลา 14.00 น. และคณะกรรมการคัดเลือกได้แจ้งว่ากลุ่มที่ปรึกษาเอสเอ ไม่ได้แนบต้นฉบับใบเสนอราคาตามที่บริษัทท่าอากาศยานได้กำหนดไว้ในทีโออาร์ จึงไม่รับพิจารณา ซึ่งทางกลุ่มเอสเอ ได้แย้งต่อคณะกรรมการคัดเลือกว่าไม่ได้รับเอกสารต้นฉบับใบเสนอราคา และชี้แจงว่ามีข้อเสนอด้านราคาที่มีเนื้อหาด้านราคาที่ครบถ้วน เพียงพอต่อการพิจารณา และร้องขอเอกสารต้นฉบับใบกรอกราคาที่ไม่ได้รับ เพื่อกรอกรายละเอียดราคาที่เหมือนข้อเสนอด้านราคา ซึ่งผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติกรรมมาพร้อมแล้ว แต่คณะกรรมการคัดเลือกไม่รับพิจารณาเอกสารข้อเสนอด้านราคาของกลุ่มเอสเอ และจากนั้นได้เรียกกลุ่มที่ได้อันดับที่ 2 ทางโทรศัพท์ให้มาเปิดซอง และต่อรองราคาในเวลา 17.00 น. ซึ่งเลยเวลาราชการ และไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการ
ต่อมา กลุ่ม เอสเอ ได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน เพราะเห็นว่ามีผลกระทบเสียหาย ต่อประเทศด้านเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมและความปลอดภัยในอาคารสนามบิน ซึ่งผลงานของกลุ่ม "ดวงฤทธิ์" ที่ปรึกษาที่มีคะแนนคุณภาพที่ 2 ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ ในเชิงลบอย่างกว้างขวา มีการท้วงติงในด้านการลอกเลียนแนวคิด ความเป็นอันตลักษณ์ และความไม่ปลอดภัยของการใช้งานอาคาร แต่ศาลปกครองยกคำร้องขอคุ้มครองฉุกเฉิน เพราะเห็นว่า ทอท.แถลงต่อศาลฯ ว่าสามารถจ่ายค่าชดเชยความเสียหายได้ หากกลุ่มที่ปรึกษา เอสเอ เป็นผู้ชนะคดีในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม เอส เอ ได้พบความพิรุธของการประมูลงานครั้งนี้พบว่าใบเสนอราคาต้นฉบับ ที่กำหนดเวลายืนราคา 90 วัน นับตั้งแต่วันเปิดซองประกวดแบบ ซึ่งมีความขัดแย้งกับรายละเอียดข้อกำหนดของทีโออาร์ ที่ว่าให้ยืนราคา 120 วันตั้งแต่วันที่ยื่นข้อเสนอ (ยื่นข้อเสนอวันที่ 6 พ.ย.2560) แต่พบว่าวันเปิดซองราคา คือ วันที่ 14 ส.ค.2561 ซึ่งได้ล่วงเลยมาแล้ว 281 วัน จึงนับได้ว่าการยืนราคาในการเสนอราคาของ 4 กลุ่มที่บริษัทที่ปรึกษาสิ้นสุดการยืนราคาไปแล้ว แต่ทาง ทอท.กลับพิจารณาให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาที่ได้คะแนนอันดับที่ 2 สามารถใช้ใบเสนอราคาที่หมดอายุไปแล้วในการต่อรองราคา ซึ่งอาจจะเป็นการผิดระเบียบพัสดุ
นอกจากนี้ ทอท.ส่อพิรุธในการแจ้งใบเสนอราคาต้นฉบับ ที่อ้างว่ามีความสำคัญและเป็นสาระสำคัญตามข้อ 13.3.1. (TOR) ซึ่ง ทอท.จะต้องมีหนังสืออย่างเป็นทางการแจ้งให้ทั้ง 4 กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ยืนยันราคาเข้าไปใหม่นับตั้งแต่วันที่ยืนราคาหมดอายุ จึงส่อให้เห็นว่า ทอท.เกิดความผิดพลาด และไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือไม่เป็นสาระสำคัญของใบเสนอราคา