xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กแดง"คุมกองทัพ ช่วยระวังหลัง.."คนนี้พี่ขอ"!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รับรู้กันโดยทั่วไปแล้วว่าบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายระดับบิ๊กในทุกกองทัพปีนี้ถือว่า "ราบรื่น" ราบเรียบกว่าทุกปีที่ผ่านมา แม้ว่าในปีนี้จะเป็นการแต่งตั้งระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพพร้อมกันรวดเดียว เริ่มตั้งแต่ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ
**แต่ที่ต้องโฟกัสกันเป็นพิเศษสำหรับประเทศไทย ก็คือผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก โดยเขาเป็น "ตท.20" และเป็นสาย "วงศ์เทวัญ" รายที่สองต่อเนื่องจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน ที่จะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนกันยายนนี้
แน่นอนว่าสำหรับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ถือเป็น"ขุมพลัง"ทางอำนาจ มีอิทธิพลทั้งด้านการเมืองและการทหารมาอย่างยาวนาน ซึ่งทุกคนก็รับรู้กันดี และในยุคปัจจุบันที่อยู่ในช่วงของการใช้ "อำนาจพิเศษ" โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกก็จะเป็น "เลขาธิการคสช." โดยตำแหน่งในคราวเดียวกันด้วย แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหลือแบบคาบเกี่ยวกันในช่วงเวลาไม่นานนักก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ว่า คสช.จะต้องสิ้นสภาพไป หลังจากที่บ้านเมืองมีรัฐบาลใหม่ผ่านการเลือกตั้งตามกติกาใหม่
แต่ถึงอย่างไร ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกถือว่าสำคัญอย่างยิ่งยวดแม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งเลขาฯคสช. แล้วก็ตาม และด้วยความสำคัญดังกล่าวนี่เอง จึงต้องผ่านการคัดเลือกมาเป็นพิเศษ เหมือนกับในปีนี้ที่ต้องเป็น "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เพราะ "ไว้ใจได้"
รับรู้กันใน"วงการ" มานานแล้วว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น"น้องรัก" ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผลักดันเติบโตต่อเนื่องกันมา และสังคมภายนอกเห็นชัดกันมาตั้งแต่ที่ "บิ๊กตู่" เข้าสู่ไลน์อำนาจในกองทัพ ตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และเข้าสู่เส้นทาง "5 เสือทบ." ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก "บิ๊กแดง" ก็เติบโตตามกันมา และเริ่มเห็นชัดเจนจากการเป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ จากนั้น เส้นทางในกองทัพบกก็ดำเนินไปในแบบเดียวกัน จนก้าวขึ้นมาเป็น (ว่าที่) ผู้บัญชาการทหารบก ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี หากโฟกัสกันถึงตัวบุคคลที่คาบเกี่ยวกับความสำคัญต่ออนาคตในวันข้างหน้าจนแทบแยกไม่ออก หากพิจารณาจากท่าที และแนวโน้มที่มองเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการ "ไปต่อ" ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญในแบบ "บัญชีนายกฯของพรรคการเมือง" ซึ่งนาทีนี้คาดกันว่า น่าจะเป็น "พรรคพลังประชารัฐ" นั่นเอง
ขณะเดียวกันด้วยกลไก และเวลาที่ "ต้องถอย" กลับเข้ากรมกองกันมากขึ้น หลังจากฐานะอำนาจของ คสช. ต้องจบลง มันก็จำเป็นต้องเข้า"สู่โหมดใหม่"
**ในช่วงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีอำนาจพิเศษอยู่ในมือ มันก็จำเป็นอยู่เองที่ต้องมี "กำแพง" ให้พิงที่หนักแน่นมั่นคง และก็คงไม่มีกำแพงที่ไหนมั่นคงเท่ากับกองทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก และนี่ก็คือคำตอบชัดๆ ว่าทำไมถึงต้องเป็น"บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่อย่างน้อยด้วยอายุราชการที่เหลืออีก 2 ปี ก็พออุ่นใจได้
ขณะเดียวกัน หากมองข้ามช็อตก็ต้องมองไปถึงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชการทหารบกคนใหม่ ที่ก้าวตามขึ้นมาเป็นเงา ทั้งพล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา ที่ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และพล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ เช่นเดียวกัน
นี่โฟกัสกันเฉพาะบางตำแหน่งที่สำคัญยิ่งยวดต่อขุมกำลังในภายหน้า และเป็นแบ็กสนับสนุนให้กับรัฐบาลใหม่ที่คาดว่า "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปต่อ เพราะภายใต้สถานการณ์ใหม่ ที่ใช้อำนาจพิเศษไม่ได้ ต้องพึ่งพาประนีประนอมรอมชอมกับพวกนักการเมืองมากขึ้น เพราะเลี่ยงไม่ได้ การเกลี่ยตำแหน่งรัฐมนตรี ในรัฐบาลผสมเพื่อแลกกับเสียงสนับสนุนในสภา ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่ได้แรงกดดันจากกองทัพมาช่วยหนุนอีกทางหนึ่ง ย่อมทำให้ "ขาลอย" อำนาจต่อรองย่อมลดลง
**ดังนั้น ด้วยสถานการณ์ความเป็นจริงในวันข้างหน้าที่ต้องเปลี่ยนโหมดใหม่ต้องร่วมงานกับพรรคการเมือง นักการเมืองในรัฐบาลผสม หากได้ไปต่อมันเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องหวังได้กำลังหลักประเภท "ใจถึงพึ่งได้" จากกองทัพมาเป็นกำแพงเหล็ก และนี่คือเหตุผลง่ายๆ ว่าทำไม "คนนี้พี่ขอ" !!


กำลังโหลดความคิดเห็น