พี่ชาย "น้องแอ๋ม" นศ.ปริญญาโท ที่ถูกฆ่าพร้อมกับเพื่อนสนิท ภายในอพาร์ทเมนต์ ที่สหรัฐฯ เผยไม่มีสิ่งบอกเหตุร้าย เผยอีกแค่ 7 เดือน น้องแอ๋มเตรียมกลับมาสอบเป็นผู้พิพากษา มอบอำนาจญาติประสานตำรวจสหรัฐฯหาสาเหตุ “สื่อท้องถิ่น” อ้างผลชันสูตรเบื้องต้น อาจเป็นการฆาตกรรมแล้วฆ่าตัวตายตาม เหตุไม่มีร่องรอยบุคคลภายนอก
จากกรณี น.ส.กรกมล หรือ น้องแอ๋ม อายุ 25 ปี นักศึกษาสาวนิติศาสตร์ ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของ นายปภาวิน หลีนวรัตน์ หรือ เฮียย้ง อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลธัญบุรี และเป็นหลานของนายกฤษฎา หลีเนาวัรตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลธัญบุรี และเป็นน้องสาวของนายวีระศักดิ์ หลีนวรัตน์ สจ.ปทุมธานี ถูกฆาตกรรมพร้อม น.ส.ฐิฏิอร โชติช่วงทรัพย์ เ เพื่อนสนิท เสียชีวิตภายในอพาร์ตเมนต์ใกล้กับมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เมืองซีแอทเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา โดยเจ้าหน้าที่เข้าไปพบศพเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
วานนี้ (6 ก.ย.) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไทย พบว่า น.ส.กรกมล หลีนวรัตน์ หรือแอ๋ม ได้เดินทางออกจากประเทศไทย ปลายทางสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ส.ค.61 ส่วน น.ส.ฐิฏิอร โชติช่วงทรัพย์ เดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 ส.ค.61 ซึ่งทั้ง 2 คนเดินทางออกจากประเทศห่างกัน 1 สัปดาห์ และก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยเดินทางไปสหรัฐอเมริกาก่อนหน้านี้หลายครั้ง เท่าที่สอบถามข้อมูลพบว่า เพื่อไปศึกษาต่อ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่มีหน้าที่ประสานงานเกี่ยวกับคดีโดยตรง แต่จะประสานทางข้าง ใช้ความสัมพันธ์ของหน่วยงานที่เคยประสานงานกัน เพื่อสอบถามช่วยเหลือ ประสานข้อมูลต่างๆ
ด้าน นายวีระศักดิ์ พี่ชายของ น.ส.กรกมล กล่าวว่า ยังไม่พบว่ามีปมเหตุใดๆ ที่จะบ่งบอกถึงเหตุฆาตกรรมถึงกับชีวิต ปกติน้องแอ๋ม ก็จะติดต่อมาพูดคุยกับทางครอบครัว อยู่เป็นประจำ รวมทั้งเพื่อนชายที่คบหาอยู่เมืองไทย ก็ได้พูดคุยกันปกติตลอด ไม่มีทีท่าจะพบปัญหาใดๆ ทุกอย่างดูปกติดี ส่วนในเรื่องของสาเหตุการเสียชีวิต ทางครอบครัวต้องรอการติดต่อกลับมาจากทางญาติที่ต่างประเทศเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฯ ซึ่งทางญาติที่อยู่ต่างประเทศก็จะสามารถเข้าไปติดต่อได้หลังจากได้หนังสือมอบอำนาจของพ่อจากเมืองไทยเช่นกัน จึงจะพอทราบเรื่องเกี่ยวกับคดีทั้งหมดได้
นายวีระศักดิ์ ยังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คแสดงความอาลัยน้องสาวตัวเองด้วยว่า “น้องแอ๋ม อยากเรียนกฎหมายที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ทำได้ น้องกับพ่อ วางแผนกันไว้ว่า หนูเรียนจบแล้วจะขอไปเรียนเนติบัณฑิตไทย ก็จบภายใน 1 ปี แล้วจะขอไปเรียนต่อปริญญาโทกฎหมายยังต่างประเทศ ก็สำเร็จมา 1 ใบ เดินทางต่อไปเพื่อเรียนต่ออีกใบ อีกเพียงแค่ 7 เดือน จะกลับมาสอบเป็นผู้พิพากษาสนามจิ๋ว... แต่สุดท้าย ความตายที่พวกเราไม่เคยคาดคิดก็มาพรากหนูไปจากพวกเรา”
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของ น.ส.ฐิฏิอร ผู้เสียชีวิตอีกราย ตามที่อยู่ในประชาชนระบุว่า ตำบลอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ปรากฏว่า เป็นบ้านร้างที่มีการประกาศขาย/เช่า มีลักษณะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น 4 คูหา ซึ่งจากการสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียงเล่าว่า บ้านหลังนี้ประกาศขายตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2554 หลังจากที่ประสบภัยน้ำท่วม และได้ย้ายออกไป ทราบว่าไปซื้อบ้านใหม่อาศัยอยู่แถวพุทธมณฑลสาย 2
ขณะที่ เว็บไซต์ฟ็อกซ์นิวส์ ได้รายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระบุว่าหลังจากตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและตรวจสอบประวัติของผู้เสียชีวิตแล้ว ไม่พบว่าเป็นภัยต่อสาธารณะ และผลการชันสูตรเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ไม่มีผู้ต้องสงสัยเด่นชัด ซึ่งเป็นคำอธิบายที่บอกเป็นนัยว่า คดีนี้น่าจะเป็นการฆาตกรรมแล้วฆ่าตัวตายตาม ซึ่งสอดคล้องกับรายงานข่าวของเว็บไซต์ซีแอตเทิล แพตช์ ที่ระบุว่า ตำรวจแจ้งว่าในเหตุการณ์นี้ไม่มีคนร้ายหลบหนีไปแต่อย่างใด.
จากกรณี น.ส.กรกมล หรือ น้องแอ๋ม อายุ 25 ปี นักศึกษาสาวนิติศาสตร์ ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของ นายปภาวิน หลีนวรัตน์ หรือ เฮียย้ง อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลธัญบุรี และเป็นหลานของนายกฤษฎา หลีเนาวัรตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลธัญบุรี และเป็นน้องสาวของนายวีระศักดิ์ หลีนวรัตน์ สจ.ปทุมธานี ถูกฆาตกรรมพร้อม น.ส.ฐิฏิอร โชติช่วงทรัพย์ เ เพื่อนสนิท เสียชีวิตภายในอพาร์ตเมนต์ใกล้กับมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เมืองซีแอทเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา โดยเจ้าหน้าที่เข้าไปพบศพเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
วานนี้ (6 ก.ย.) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไทย พบว่า น.ส.กรกมล หลีนวรัตน์ หรือแอ๋ม ได้เดินทางออกจากประเทศไทย ปลายทางสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ส.ค.61 ส่วน น.ส.ฐิฏิอร โชติช่วงทรัพย์ เดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 ส.ค.61 ซึ่งทั้ง 2 คนเดินทางออกจากประเทศห่างกัน 1 สัปดาห์ และก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยเดินทางไปสหรัฐอเมริกาก่อนหน้านี้หลายครั้ง เท่าที่สอบถามข้อมูลพบว่า เพื่อไปศึกษาต่อ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่มีหน้าที่ประสานงานเกี่ยวกับคดีโดยตรง แต่จะประสานทางข้าง ใช้ความสัมพันธ์ของหน่วยงานที่เคยประสานงานกัน เพื่อสอบถามช่วยเหลือ ประสานข้อมูลต่างๆ
ด้าน นายวีระศักดิ์ พี่ชายของ น.ส.กรกมล กล่าวว่า ยังไม่พบว่ามีปมเหตุใดๆ ที่จะบ่งบอกถึงเหตุฆาตกรรมถึงกับชีวิต ปกติน้องแอ๋ม ก็จะติดต่อมาพูดคุยกับทางครอบครัว อยู่เป็นประจำ รวมทั้งเพื่อนชายที่คบหาอยู่เมืองไทย ก็ได้พูดคุยกันปกติตลอด ไม่มีทีท่าจะพบปัญหาใดๆ ทุกอย่างดูปกติดี ส่วนในเรื่องของสาเหตุการเสียชีวิต ทางครอบครัวต้องรอการติดต่อกลับมาจากทางญาติที่ต่างประเทศเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฯ ซึ่งทางญาติที่อยู่ต่างประเทศก็จะสามารถเข้าไปติดต่อได้หลังจากได้หนังสือมอบอำนาจของพ่อจากเมืองไทยเช่นกัน จึงจะพอทราบเรื่องเกี่ยวกับคดีทั้งหมดได้
นายวีระศักดิ์ ยังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คแสดงความอาลัยน้องสาวตัวเองด้วยว่า “น้องแอ๋ม อยากเรียนกฎหมายที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ทำได้ น้องกับพ่อ วางแผนกันไว้ว่า หนูเรียนจบแล้วจะขอไปเรียนเนติบัณฑิตไทย ก็จบภายใน 1 ปี แล้วจะขอไปเรียนต่อปริญญาโทกฎหมายยังต่างประเทศ ก็สำเร็จมา 1 ใบ เดินทางต่อไปเพื่อเรียนต่ออีกใบ อีกเพียงแค่ 7 เดือน จะกลับมาสอบเป็นผู้พิพากษาสนามจิ๋ว... แต่สุดท้าย ความตายที่พวกเราไม่เคยคาดคิดก็มาพรากหนูไปจากพวกเรา”
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของ น.ส.ฐิฏิอร ผู้เสียชีวิตอีกราย ตามที่อยู่ในประชาชนระบุว่า ตำบลอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ปรากฏว่า เป็นบ้านร้างที่มีการประกาศขาย/เช่า มีลักษณะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น 4 คูหา ซึ่งจากการสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียงเล่าว่า บ้านหลังนี้ประกาศขายตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2554 หลังจากที่ประสบภัยน้ำท่วม และได้ย้ายออกไป ทราบว่าไปซื้อบ้านใหม่อาศัยอยู่แถวพุทธมณฑลสาย 2
ขณะที่ เว็บไซต์ฟ็อกซ์นิวส์ ได้รายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระบุว่าหลังจากตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและตรวจสอบประวัติของผู้เสียชีวิตแล้ว ไม่พบว่าเป็นภัยต่อสาธารณะ และผลการชันสูตรเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ไม่มีผู้ต้องสงสัยเด่นชัด ซึ่งเป็นคำอธิบายที่บอกเป็นนัยว่า คดีนี้น่าจะเป็นการฆาตกรรมแล้วฆ่าตัวตายตาม ซึ่งสอดคล้องกับรายงานข่าวของเว็บไซต์ซีแอตเทิล แพตช์ ที่ระบุว่า ตำรวจแจ้งว่าในเหตุการณ์นี้ไม่มีคนร้ายหลบหนีไปแต่อย่างใด.