โผแต่งตั้งตำรวจระดับพล.ต.ท.ปีนี้ ซึ่งปรากฏชื่อของพล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ หรือพ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ฉายา “โอ๋สืบ 6” สมัยดำรงตำแหน่ง ผกก.สส.บก.น. 6 ติดอยู่ใน 1 นายตำรวจที่จะได้เลื่อนยศ คงทำให้ประชาชนไม่สบายใจนัก โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร
เพราะนายตำรวจคนนี้ ไม่ควรก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโต ไม่ควรสวมเครื่องแบบตำรวจด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับพฤติกรรมความผิดที่ก่อไว้ ในช่วงที่นายทักษิณเรืองอำนาจ
โอ๋สืบ 6 เป็นหนึ่งในนายตำรวจที่แสดงตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์นายทักษิณ เช่นเดียวกับนายตำรวจใหญ่อีกหลายคนที่ได้ตำแหน่งใหญ่โต เพราะก้มหัวรับใช้นายทักษิณจนได้รับการตบรางวัล
ฉายาโอ๋สืบ 6 ดังคับประเทศ เมื่อเกิดกรณีกลุ่มอันธพาลที่ถูกเกณฑ์มารุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เดินทางมาตะโกนขับไล่นายทักษิณ บริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2549 โดยที่พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ซึ่งถูกส่งมาดูแลความปลอดภัยให้นายทักษิณ ไม่จับกุมตัวกลุ่มอันธพาล
พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ถูกฟ้องในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามความผิดมาตรา 157 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติว่า พ.ต.อ.ฤทธิรงค์มีความผิดจริง
ส่วนศาลฎีกาตัดสินลงโทษจำคุกพ.ต.อ.ฤทธิรงค์เป็นเวลา 2 ปี ปรับ 10,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี
การถูกตัดสินว่ามีความผิด ทำให้โอ๋สืบ 6 ถูกลบชื่อออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยถูกให้ออกจากราชการ แต่ได้ยื่นคำร้องให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการต่อศาลปกครองจังหวัดเชียงใหม่
และในยุครัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลายปี2551 ศาลปกครองเชียงใหม่ ได้ตัดสินให้เพิกถอนคำสั่งให้โอ๋สืบ 6 ออกจากราชการ
หลังจากนั้นพ.ต.อ.ฤทธิรงค์ได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง ในยศเดิม ภายใต้ชื่อใหม่ พ.ต.อ.ธนายุตม์ และได้ไต่เต้าขึ้นมาอย่างเงียบ จนกระทั่งเตรียมจ่อคิวขึ้นเป็นพล.ต.ท. ซึ่งสามารถก้าวขึ้นเป็นนายตำรวจระดับผู้บัญชาการได้
ทำไมโอ๋สืบ 6 จึงเลือกยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการต่อศาลปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ยังเป็นสิ่งที่ถามไถ่กันอยู่
แต่สิ่งที่ประชาชนคับข้องใจคือ ทำไมนายตำรวจที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดร้ายแรงตามมาตรา 157 และเป็นนายตำรวจที่มีพฤติกรรมรับใช้นายทักษิณ จึงยังเจริญก้าวหน้าได้ ทั้งที่ระบอบทักษิณถูกโค่นล้มไปแล้ว
ในยุคที่นายทักษิณคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีตำรวจใหญ่หลายนายที่ประกาศอย่างไม่อายว่า ได้ตำแหน่งเพราะพี่ทักษิณให้
และนายตำรวจที่ได้ตำแหน่ง แสดงตัวรับใช้นายทักษิณอย่างเปิดเผย ทั้งเลือกปฏิบัติ ละเว้นการปฏิบัติ ใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลนายทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิด จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่กลับไม่มีใครต้องชดใช้กรรม
นายตำรวจลูกสมุนนายทักษิณหลายคน ควรจะต้องรับโทษหนักให้สาสมกับความผิดที่ก่อไว้ แต่ไม่มีนายตำรวจคนใดรับโทษหนัก บางคนไม่ถูกดำเนินคดี เพราะไม่มีการสอบสวนความผิด
และบางคน แม้จะถูก ป.ป.ช.ตัดสินว่ามีความผิด ถูกศาลพิพากษาลงโทษ แต่ไม่มีใครติดคุก โดยแม้จะถูกให้ออกจากราชการ ซึ่งถือเป็นโทษสถานเบาเมื่อเทียบกับความผิดที่ก่อไว้ แต่ทุกคนได้กลับเข้ารับราชการหมด แถมยังกลับมาใหญ่กว่าเดิมอีกด้วย
โอ๋สืบ 6 เป็นอีกตัวอย่างที่เห็นชัด
การรัฐประหาร การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาโค่นล้มรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ทำให้ประชาชนตั้งความหวังว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสังคายนาใหญ่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียที
และบรรดานายตำรวจที่ละทิ้งประชาชน ก้มหัวเป็นลูกสมุนรับใช้นายทักษิณ เพียงเพื่อตำแหน่ง จนบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย จะต้องถูกตามเช็กบิล ไล่ตรวจสอบความผิดย้อนหลัง จนไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด
ใครจะคิดว่า ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ภายใต้รัฐบาลทหาร นายตำรวจที่ทำตัวเป็นลูกสมุนนายทักษิณจะใช้ชีวิตอย่างสบาย ได้มีโอกาสชุบตัว และเลื่อนขั้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีการสาวความผิดนายตำรวจคนใดที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลนายทักษิณ ส่วนนายตำรวจที่มีคดีใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลภายใต้การบงการของ “ทักษิณ” กลับได้รับช่วยเหลือกลับรับราชการได้หมด ไม่ว่าจะเป็นคดีปล่อยให้คนเสื้อแดงรุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กลางเมืองอุดรธานี การสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ในเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ทมิฬ และคดีโอ๋สืบ 6
รัฐบาลทหารปล่อยให้ตำรวจที่ทำตัวเป็นลูกสมุนนายทักษิณลอยนวลมา 4 ปี โดยไม่คิดจะทำอะไร ปล่อยให้ตำรวจมะเขือเทศสามารถขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโต และเป็นไปได้ว่า
ตำรวจที่มีประวัติกระทำความผิดร้ายแรง ถูกลงโทษถึงขั้นไล่ออกและให้ออกจากราชการ อาจก้าวขึ้นเป็น ผบ.ตร.
โอ๋สืบ 6 ไม่ได้โตในยุค “ทักษิณ” แต่ชุบตัวและกำลังจะก้าวขึ้นมาใหญ่โตในยุค “ประยุทธ์”
สิ้นหวังกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ยังต้องสิ้นหวังกับรัฐบาลทหารอีกหรือ