xs
xsm
sm
md
lg

บทบาทของอียูกับการ “ต้มกบ”

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

<b>ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส</b>
ร่อนไปอิหร่าน ไปซีเรีย ไปคาบสมุทรเกาหลี...วนไป-วนมาอยู่แถวภูมิภาคเอเชียมาพอสมควรแล้ว วันนี้...ลองเปลี่ยนบรรยากาศแวบไปแถวๆ ยุโรปก็แล้วกัน ไปดูว่า “อียู” ณ ขณะนี้ จะยังคงตกอยู่ในสภาพ “อีย้วย” หรือพร้อมผงาดกลายมาเป็น “อียืนหยัด” กล้าพูด กล้าคิด กล้ากระทำ ไม่ต้องกุมลูกกะเป๋ง หรือเป็นแค่ลูกกะโป่ง ของคุณพ่ออเมริกาอีกต่อไป อย่างที่ผู้นำฝรั่งเศส ประธานาธิบดี “เอ็มมานูเอล มาครง” ท่านพยายามออกมาแสดงอาการฮึดๆ ฮัดๆ อยู่ในช่วงระหว่างนี้...

คือจะด้วย “ความหนุ่ม” หรือด้วยอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่...ผู้นำฝรั่งเศสรายนี้ ท่านได้พยายามแสดงอาการยืนหยัด ทั้งในแง่ความคิดและคำพูด ในลักษณะท้าทายต่ออเมริกามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง หลายหน ไม่ว่าการเสนอความคิดริเริ่ม ที่จะให้บรรดาประเทศต่างๆ ในยุโรปรวมตัวกัน กระชับความร่วมมือซึ่งกันและกันในทางความมั่นคง หรือในทางทหาร (European Intervention Initiative) โดยไม่จำเป็นต้องตกอยู่ภายใต้ร่มเงา บารมี ภายใต้ชายคาของ “NATO” ที่มีคุณพ่ออเมริกาเป็นผู้หันซ้าย-หันขวาอีกต่อไป ออกมากระทบกระเทียบ เปรียบเปรย เหน็บแนมผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” คราวแล้ว คราวเล่า และล่าสุด...ขณะไปพูด ไปสปีชต่อที่ประชุมของบรรดาเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำปี อันมีทั้งสมาชิกรัฐสภา ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเข้าร่วมด้วย เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ท่านยังถึงกับตอกย้ำเอาไว้อีกครั้งประมาณว่า “นิยายรักระหว่างยุโรปและอเมริกาได้สิ้นสุดลงไปแล้ว” โดยที่ยุโรปมิอาจไว้วางใจต่ออเมริกา ในเรื่องความมั่นคงใดๆ ได้อีกต่อไป อีกทั้งยังได้ตั้งคำถามเอาไว้ด้วยว่า...ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ยุโรปควรต้องหันไปก้อร่อก้อติกกับรัสเซียกันแทนที่ (Love story over: Macron says EU can’t rely US for security-is it time to start wooing Russia???)...

นี่...ถ้าฟังจาก “คำพูด” แล้ว ต้องเรียกว่า...ออกไปทาง “ยืนหยัด ใจสมุทร” อยู่พอสมควรเหมือนกัน แต่ก็อย่างว่า...สำหรับในทาง “ปฏิบัติ” แล้ว บรรดาผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้สังเกตการณ์โดยส่วนใหญ่ ก็ยังเชื่อว่าสุดท้าย... “อียู” คงหนีไม่พ้นที่จะต้องเป็นไปได้แค่ “อีย้วย” อยู่อีกนั่นเอง คือต้องย้วยไป-ย้วยมา ตามคำขู่ หรือตามแรงกดดันของคุณพ่ออเมริกา อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธแค่โดน “ทรัมป์บ้า” บีบไข่ ให้ต้องเพิ่มงบประมาณความมั่นคงเพื่อสนับสนุน “NATO” ขึ้นไปให้ถึง 2.0 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีภายในปี ค.ศ. 2024 คนหนุ่มประเภทปากไว ใจกล้า อย่างประธานาธิบดี “มาครง” หนีไม่พ้นต้องออกอาการงกๆ เงิ่นๆ ประกาศพร้อมที่จะทำตามคำขู่ของ “ทรัม์บ้า” อย่างไม่คิดจะลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่นิด...

ไม่ต่างไปจากเรื่องการยืนหยัดอยู่กับข้อตกลง “JCPOA” หรือข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่านนั่นแหละ สิ่งที่ฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมนี สามารถให้ “หลักประกัน” กับอิหร่านได้ ก็ยังคงเป็นแค่ “คำพูด” หรือคำมั่นสัญญาแบบลมๆ แล้งๆ ที่ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้กลายเป็น “การปฏิบัติ” อย่างจริงๆ จังๆ ชนิดส่งผลให้ผู้นำอิหร่านออกอาการ “ผิดหวัง” มาแล้วหลายครั้ง หลายหน ด้วยเหตุเพราะบรรดา “ภาคเอกชน” หรือบรรษัทยักษ์ๆ ในยุโรปโดยส่วนใหญ่ ไม่ว่าหน้าไหนต่อหน้าไหน ล้วนแต่กลัวคุณพ่ออเมริกาไปด้วยกันทั้งสิ้น อย่างที่ “Luc Rivet” ผู้สื่อข่าวอิสระที่เชี่ยวชาญในด้านยุโรป ได้ให้ข้อสรุปต่อสำนักข่าว “รัสเซีย ทูเดย์” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นแหละว่า... “ไม่มีบรรษัทยุโรปรายใดที่กล้าแสดงตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลอเมริกัน ในกรณีการแซงชั่นอิหร่าน รวมทั้งรัฐบาลยุโรปเองก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับอเมริกาในเรื่องนี้ เพราะต่างรับรู้ดีว่า...ยุโรปเองนั่นแหละต้องตกเป็นฝ่ายสูญเสียอยู่แล้วแน่ๆ...”

การกล้าหือ หรือกล้าที่จะดิ้นรนเป็นอิสระจากอิทธิพลของอเมริกา...จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรือต้องถือเป็น “โจทย์” ที่ยากเอามากๆ สำหรับบรรดาประเทศในยุโรป ที่ไม่เพียงแต่จะขาด “เอกภาพ” หรือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แบบถึงไหน-ถึงกันมาตั้งแต่แรก หลายต่อหลายประเทศ...ยังคงคิด “สะบัดตูด” จาก “อียู” ยังเต็มไปด้วยพวก “Brexit” “Frexit” หรือ “Nexit” ฯลฯ สอดแทรกอยู่ในประเทศอีกเยอะแยะมากมาย แถมเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจของอียูทั้งอียู ก็ติดๆ ดับๆ มาโดยตลอด โอกาสที่จะลุกขึ้นมายืนหยัดบนลำแข้ง ลำขาของตัวเอง จึงคงต้องอาศัย “เวลา” และ “เงื่อนไข” ต่างๆ อีกเป็นจำนวนไม่น้อย ดังที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ” ออกมาให้ความเห็นเมื่อวัน-สองวันมานี้เอาไว้นั่นแหละว่า... “สถานะของกลุ่มประเทศอียูแบบที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสตั้งความหวังเอาไว้นั้น คงไม่อาจก่อรูป ก่อร่าง ขึ้นภายในชั่วเวลาวันเดียว โดยเฉพาะเมื่อบทบาทของอเมริกาในระดับนานาชาตินั้น เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายยังคงต้องตระหนักอีกต่อไป...”

แต่ก็นั่นแหละ...การที่ “ทรัมป์บ้า” ยังไม่ได้หายบ้า และทำท่าว่าอาจจะบ้าหนักยิ่งขึ้นไปอีก เช่น กรณีการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากอียูเพิ่มขึ้นไปอีก 25 เปอร์เซ็นต์ ที่แม้เคยทำท่าว่าคิดจะยกเลิกไปแล้ว แต่ก็ยังอดที่จะ “ได้ทีไล่ขี่แพะ” อีกต่อไปไม่ได้ แม้ว่าหัวหน้าคณะกรรมาธิการการค้าของอียู จะเสนอยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมและยานยนต์ของทั้งสองฝ่ายด้วยกันทั้งหมด แต่ข้อเสนอดังกล่าวกลับเป็นข้อเสนอที่ “ยังไม่ดีพอ” สำหรับผู้นำอเมริกา การไล่บีบ ไล่บี้ ผู้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบตามสไตล์ของอดีตพ่อค้านักต่อรองเจรจาทางธุรกิจ ที่ไม่ได้ผ่านประสบการณ์ทาง “การเมือง” ใดๆ มาก่อนเลย โดยเฉพาะการเมืองระดับโลกอีกซะด้วย จึงอาจกลายเป็น “ตัวเร่ง” ให้อียูต้องหาทางยืนหยัดบนแข้ง บนขาของตัวเอง ให้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น...

และเมื่อไหร่ที่ “อียู” ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพ “อีย้วย” อีกต่อไป...เมื่อนั้นนั่นแหละ “ระเบียบโลกแบบใหม่” ก็อาจเป็นจริง เป็นจัง ขึ้นมาได้เมื่อนั้น ด้วยเหตุนี้...ฉากสถานการณ์ความเป็นไปของโลก มันจึงต้องอาศัยความอดทน อดกลั้น และ “ช่วงระยะเวลา” อยู่พอสมควรเหมือนกัน แบบเดียวกับการอาศัยความประณีต พิถีพิถัน ในการ “ควบคุมอุณหภูมิของหม้อต้มกบ” ไม่ให้ร้อนจนเกินไป และไม่ให้เย็นจนเกินไป เพื่อให้กบไม่คิดจะกระโดดออกมาจากหม้อต้ม ไปจนกว่าจะกลายเป็น “กบต้มสุก” พอที่จะนำมารับประทานได้ เมื่อนั้นนั่นแหละ...โลกทั้งโลกถึงพอได้อิ่มเอมเปรมปรีดิ์กันโดยถ้วนหน้า แบบ “Win-Win” ไปด้วยกันทุกฝ่าย...


กำลังโหลดความคิดเห็น