ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ผู้อำนวยการหลักสูตร Ph.D. และ M.Sc. (Business Analytics and Data Science)
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผู้อำนวยการหลักสูตร Ph.D. และ M.Sc. (Business Analytics and Data Science)
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ช่วงนี้มีการร่าง พ.ร.บ.จราจร กันใหม่ และมีประเด็นที่เกิดการถกเถียงกันในสังคมในวงการที่จะเพิ่มโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทสำหรับการขับขี่รถยนต์โดยไม่มีใบขับขี่และจะมีโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนด้วย เรื่องนี้ถกเถียงกันมากว่าจะเป็นการรังแกคนยากคนจนหรือไม่
ค่าปรับมากขนาดนี้สมเหตุสมผลกับประเทศที่ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ต้องทำงานไปเกือบ 180 วันถึงจะจ่ายค่าปรับเต็มพิกัดนี้ได้
เพิ่มอำนาจหน้าที่ให้กับตำรวจจราจรมากเกินไปหรือไม่
จะเกิดการตามล่าส่วนแบ่งจากค่าปรับหรือไม่
จะทำให้เกิดการใช้ดุลพินิจมากขึ้นหรือไม่
และการใช้ดุลพินิจมากขึ้นจะทำให้เกิดการรีดไถประชาชนหรือไม่
ประชาชนเองเมื่อเห็นว่าโทษหนักก็จะเสนอสินบน (Bribery) เจ้าพนักงานมากขึ้นหรือไม่
การเขียนกฎหมายนั้นเป็นการออกแบบสังคมหรืออีกนัยหนึ่งนำไปสู่นวัตกรรมสังคมเช่นกัน ที่จริงค่าปรับจะมากหรือจะน้อยไม่สำคัญเท่ากับกระบวนการยุติธรรมในการปรับดังกล่าว
ผมเองเคยขนเฟอร์นิเจอร์ไม้สักโบราณอายุนับร้อยปีใส่รถหกล้อจากบ้านย่ามาบ้านตัวเอง พอถึงหน้าสวนจตุจักร จ่าแก่ ๆ ก็โบกรถเรียกลงมาปรับ บอกว่าบรรทุกไม้ไม่ได้ตีตรามีความผิด ไม้เถื่อนนะ ผมก็ชี้แจงว่า ไม่ใช่ดูสิของโบราณเป็นร้อยปีจะมีตีตราที่ไหน ดูสภาพสิจ่าของเก่ามากทั้งนั้น จ่ายัดเยียดข้อกล่าวหาให้ใหม่ทันที บรรทุกเกินน้ำหนัก 28 ตัน ผมก็ชี้แจงว่าจ่าครับ ตู้เตียงโปร่ง ๆ แค่รถหกล้อยกกันไม่กี่คนก็เสร็จนี่จะให้หนักเกิน 28 ตัน งั้นผมให้ตีรถไปด่านชั่งน้ำหนักนะ พิสูจน์กันเลย จ่าไม่ยอมเลิกราบรรทุกสูงเกิน อันตรายต้องปรับ ผมก็ชี้แจงว่าไม่เกิน ไม่ได้เกินกว่าผนังไม้ที่สูงของรถหกล้อเพื่อเอาไว้บรรทุก จ่าเงียบ ผมบอกจะปล่อยผมไปได้ยัง อย่าพยายามยัดข้อกล่าวหาเลยจ่า รถติดยาวไปถึงแยกสะพานควายแล้วคนเขาจะว่าผมได้ ผมไม่สนใจเดินมาขึ้นรถ ทราบในภายหลังว่าเฮียลัก มิตรผู้แสนดีเดินลงมาเจรจาพร้อมกับยื่นให้ไปห้าร้อยบาทหรือพันบาทผมก็ไม่แน่ใจ แต่แกบอกมันจะรีดไถ รถติดยาวหลายกิโลเมตร แล้วเอ็งจะเถียงกับมันอีกสองชั่วโมง มันก็ไม่ยอมหรอกเพราะมันหิวเงินจะรีดไถ เอ็งให้มันไปเถอะ เรื่องจะได้จบ นี่วิธีคิดแบบคนทำมาค้าขาย และคงเป็นวิธีคิดแบบคนไทยทั่ว ๆ ไปด้วย
ตัดมาที่สหรัฐอเมริกา ผมไปเป็นนักเรียนที่โน่น ไปซื้อจักรยานมาปั่น ไม่รู้เรื่องว่าปั่นบนบาทวิถีหรือทางเท้าไม่ได้ NYPD พี่เปิดไซเรนเลยครับผม ไล่กวดตามผมมา ผมก็งงสิครับ พี่ NYPD บอกว่ายูทำผิดนะ ไม่ให้ปั่นจักรยานบนทางเท้า ต้องบนถนน กรรมแล้วเรา บอกไปว่าผมไม่รู้เพิ่งมาจากไทยแลนด์ จักรยานก็เพิ่งจะขี่ในนิวยอร์ก ขอความเมตตาด้วย ผมไม่มีเจตนาจะหลบหนี พี่ NYPD ถามว่าไหนหละ Passport ของคุณ ผมก็ไม่ได้พกมาด้วยสิ เลยบอกว่า ไปที่อพาร์ทเมนท์ผมใกล้ๆ ผมจะเอาลงมาให้ พี่ NYPD ยอมตามผมไป ผมขึ้นไปบนอพาร์ทเมนท์แล้วเอาพาสปอร์ตลงมาให้ พี่หยิบ laptop มากรอกข้อมูล แล้วบอกว่า ยูถูกปรับนะ 50 เหรียญ นี่ความผิดครั้งแรก ผมก็ไม่คิดอะไร ทำแบบเมืองไทย หยิบ 50 ดอลล่าร์สีเขียวๆ ยื่นส่งให้พี่ NYPD ทันที พี่ NYPD โกรธมาก ตบมือผมอย่างแรง จนเงิน 50 เหรียญร่วงหล่นลงบนถนน ยูทำไมพยายามจะ bribe ฉัน นี่มันผิดกฎหมายนะ ไอจะให้ยูโดนอีกข้อหาหนักมากได้เลย แล้วนี่ถ้าใครมาเห็นถ่ายรูปไว้ว่าไปรับสินบนยู ไอจะถูกไล่ออกจากราชการทันทีนะ ผมก็ตกใจยกมือไหว้ขอโทษ (ฝรั่งมันคงงงกับการไหว้แบบไทยของเรา) อธิบายว่าผมเข้าใจว่าเป็นแบบเมืองไทย ตำรวจรับเงินค่าเปรียบเทียบปรับได้เลย NYPD เลยอธิบายว่าไม่ได้ ต้องไปศาล และต้องไปให้ศาลพิจารณาและเปรียบเทียบปรับ ไปซะอย่าทำเช่นนี้อีก อีกหลายวันต่อมาผมต้องไปศาลตามนัด ไปไกลซะด้วย แล้วเจอคิวยาวเหยียดหน้าศาลล้นออกมาริมถนนท่ามกลางอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเป็นเวลาหลายชั่วโมง
ไม่ได้พิจารณาหน้าบัลลังก์หรอกครับ เจ้าหน้าที่ศาลไม่ใช่ท่านผู้พิพากษาด้วยครับ ตัดสินให้เลย บอกว่าผิดครั้งแรก มาจากต่างบ้านต่างเมือง ไม่ถือว่าเจตนา แต่ทำไปเพราะไม่รู้กฎหมายจริงๆ วันหลังอย่าทำเช่นนี้อีก ขอให้เข็ดหลาบ
โอ๊ย! ผมเข็ดหลาบตั้งแต่พี่ NYPD ตบมือที่ถือเงินยื่นให้ เข็ดหลาบที่ต้องมาต่อแถวตากลมหนาวเหน็บหน้าศาลหลายชั่วโมงกว่าจะได้เจอเจ้าหน้าที่ศาล
แต่พึงพอใจว่า เออ! ประเทศนี้กระบวนการยุติธรรมการบังคับใช้กฎหมายเขาดีนะน่าชื่นชม
ตำรวจจับเงินไม่ได้นี่เหมือนกับพระธรรมยุติกนิกายจับเงินแล้วจะเป็นอาบัติ
เป็นของที่ควรทำอย่างยิ่ง จับเงินไม่ได้เลย ใครถ่ายวีดีโอถ่ายรูปได้ ตำรวจถูกไล่ออกสถานเดียว ของ NYPD นี่ไม่ใช่แค่อาบัติ เอาเรื่องได้ถึงปาราชิกทีเดียว คงเทียบเคียงได้กับพระฉ้อโกงทรัพย์เกินกว่าห้ามาสก ต้องปาราชิกพ้นสภาพความเป็นพระ
มองอเมริกามาแก้ปัญหาตำรวจไทย ผมคิดว่าเรื่องค่าปรับจะมากจะน้อยคงพอจะยอมรับกันได้
แต่ห้ามตำรวจจับเงิน ถ้าถ่ายรูปไว้ได้ ถูกไล่ออกจากราชการ ให้ไปปรับกันที่ศาลหรือกรมราชฑัณฑ์ อันนี้น่าจะเป็นเรื่องดีงามทำให้ลดการทุจริตรีดไถของตำรวจไทยลงไปได้มากทีเดียวครับ
เรื่องนี้ต่างหากที่ควรทำ รับรองว่าตำรวจจะดีขึ้น รีดไถลดลง รับสินบนลดลง ลองไปคิดดูกันครับว่าเราอยากได้สังคมแบบไหน ผมเชื่อว่าประชาชนย่อมมีคำตอบในใจครับ