xs
xsm
sm
md
lg

หยุดการสร้างอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


วันนี้...คงต้องเลิกปวดหัวกับเรื่องการแซงช่ง แซงชั่น การขึ้นภาษีการค้า หรือเรื่อง “สงครามการค้า” ของ “ทรัมป์บ้า” เอาไว้ซักวัน เปลี่ยนไปว่ากันเรื่อง “สงครามเลือด” ที่ฆ่ากันจริงๆ ตายกันจริงๆ ดูมั่ง โดยเฉพาะเมื่อผู้ตาย ผู้บาดเจ็บ ที่นอนระเกะระกะอยู่กลางท้องถนน ล้วนเป็นเด็กๆ ผู้ไม่รู้ประสีประสา อายุแค่ 4 ขวบ 5 ขวบเท่านั้นเอง เด็กซะยิ่งกว่าเด็กๆ แห่ง “ทีมหมูป่าอะคาเดมี” บ้านเราซะอีกด้วย แต่มีอันต้องหลั่งเลือด ตายโหง ตายห่ารวดเดียวถึง 50 ศพ บาดเจ็บอีกไม่น้อยกว่า 60 ราย...

ฉากเหตุการณ์อันโหดเหี้ยม อำมหิตผิดมนุษย์มนาที่ว่านี้...เพิ่งอุบัติขึ้นมาในประเทศที่ได้ชื่อว่า “ยากจนที่สุดในโลก” อย่างประเทศเยเมน เมื่อช่วงวันพฤหัสที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมานี่เอง เมื่อรถนักเรียนขบวนหนึ่ง กำลังแล่นผ่านเมือง “Dhahian” ที่อยู่ทางด้านใต้ของจังหวัด “Saada” และต้องเจอกับเครื่องบินทิ้งระเบิดของกองกำลังผสมซาอุดีอาระเบีย ที่กำลังปฏิบัติการไล่ล่าพวก “กบฏฮูตี” (Houthi) มาตลอดช่วงระยะ 3 ปี หรือเริ่มตั้งแต่การเปิดฉากบุกเยเมน เมื่อปี ค.ศ. 2015 อย่างไม่คิดจะเลิก ด้วยการอ้างเหตุผลหลังจากเหตุการณ์ ว่าบรรดาพวกกบฏอาศัยเด็กๆ เป็น “โล่มนุษย์” เครื่องบินรบของซาอุฯจึงไม่ได้คิดลังเลใดๆ เลย ในการหย่อนระเบิด “Mark 82” หรือ “MK-82” ที่ผลิตโดยบริษัทค้าอาวุธอเมริกัน คือบริษัท “Lockheed Martin” ผู้ซึ่งกอบโกยรายได้แบบรวยเอาๆ ให้กับกองทัพซาอุฯ มาโดยตลอด ใส่ลงบนหัวกบาลพวกเด็กๆ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจถึงสิ่งที่เรียกว่า “ความเป็นมนุษย์” เอาเลยแม้แต่น้อย...

ภาพของเด็กๆ ที่ตายกันเกลื่อนกลางท้องถนน ชิ้นส่วนอวัยวะ และชิ้นส่วนระเบิด ที่ถูกบันทึกและถ่ายทอดออกมาให้เห็นกันจะจะช่างเป็นอะไรที่น่าเศร้า น่าหดหู่เอามากๆ แม้ว่าภาพและข่าวเหล่านี้ อาจไม่ค่อยได้รับความสนใจ หรือความสำคัญจากบรรดา “สำนักข่าวตะวันตก” มากมายซักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครอยากรับรู้ถึง “ความจริงอันเหี้ยมโหด” เช่นนี้ ก็น่าจะพอไปรับรู้ รับทราบกันได้จากบรรดา “สื่อฯ” ที่ยังคงหลงเหลือความเป็นมนุษย์เอาไว้บ้าง โดยเฉพาะสำนักข่าว “Mint Press News” หรือสำนักข่าว “Russia Today” ฯลฯ ที่พยายามเกาะติดเรื่องราวเหล่านี้มาโดยตลอด...

ในรายงานชิ้นล่าสุดของสำนักข่าว “Russian Today” เรื่อง “5 reason the nightmarish war in Yemen should never be forgotten” หรือ 5 เหตุผลที่เราไม่ควรลืมเลือนถึงฝันร้ายแห่งสงครามเยเมนนั้น ได้พยายามรวบรวมสถิติจากบรรดาหน่วยงานช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ตลอดไปจนถึงองค์กรระหว่างประเทศอย่างสหประชาชาติ ที่พอสรุปได้ว่า...ตลอดช่วง 3 ปีของการบุกรุกเข้าไปเยเมนของกองทัพซาอุฯ และพันธมิตร เพื่อรักษาอำนาจให้กับผู้นำเยเมนที่ฝักใฝ่ต่อผลประโยชน์ของซาอุฯ นั้น จำนวนชาวเยเมนที่ต้องล้มตายไปเพราะการทำสงครามคราวนี้ น่าจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 50,000 คนเป็นอย่างน้อย และในจำนวนนี้ เหยียบหมื่นคนล้วนแต่เป็น “พลเรือน” ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้น...นับพันๆ คน ยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ที่ยังไม่รู้ประสีประสา อย่างเช่นเด็กอายุ 4 ขวบ 5 ขวบ ในรถโรงเรียนแห่งเมือง “Dhahian” นั่นเอง...

ที่หนักหนาสาหัสยิ่งไปกว่านั้น...ก็คือความพยายามที่จะกดดัน ล้อมปราบ บีบบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามยอมรับความพ่ายแพ้ให้จงได้ ของกองทัพซาอุฯ และพันธมิตร อันมีคุณพ่ออเมริกาและประเทศตะวันตกบางประเทศ อย่างอังกฤษ คอยให้ความสนับสนุนและถือเป็นตลาดค้าอาวุธ เพื่อสร้างผลกำไรให้กับตัวเองไปในตัว ยังทำให้เกิดการปิดกั้นความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม ที่บรรดาองค์กรมนุษยธรรมระหว่างประเทศพยายามส่งเข้าไปยังบรรดาพลเรือนชาวเยเมนทั้งหลาย ไม่ว่าอาหาร น้ำ ยารักษาโรค ฯลฯ ส่งผลให้ประชากรชาวเยเมนเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ หรือผู้คนนับสิบๆ ล้าน ตกอยู่ในสภาพหิวโหยเพราะขาดอาหาร ขาดน้ำสะอาด ขาดยารักษาโรค ชนิดโรคระบาดแบบง่ายๆ ธรรมดาๆ อย่าง “อหิวาตกโรค” แพร่ระบาด คร่าชีวิตของชาวเยเมน โดยเฉพาะเด็กทารก ชนิดนาทีต่อนาทีเอาเลยก็ว่าได้...

โดยเฉพาะการปิดล้อมเมืองท่าแห่งเดียว ที่ยังพอใช้เป็นศูนย์กลางในการส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเข้าไปยังชาวเยเมนได้ คือเมืองท่า “Hodeida” ที่ทำให้องค์กรช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ไปจนถึงองค์กรสหประชาชาติ พยายามเรียกร้อง วิงวอน ต่อรัฐบาลซาอุฯ ไปจนถึงผู้สนับสนุนตัวหลักๆ อย่างอเมริกาและอังกฤษ แบบชนิดแทบปากฉีก เพื่อให้เปิดช่อง เปิดทาง พอที่องค์กรเหล่านี้จะพอขนยา ขนอาหาร ขนน้ำดื่ม เข้าไปแจกจ่ายให้กับบรรดามนุษย์ตาดำๆ ทั้งหลายได้บ้าง แต่สุดท้าย...ไม่เพียงสิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกคลี่คลาย ผ่อนคลาย บรรดาชาวเยเมนผู้หิวโหยที่พยายามออกไปหาอาหาร ไปจับปลาในทะเลแถวๆ บริเวณเมืองท่าแห่งนี้ ก็ยังมิวายถูกฆ่า ถูกสังหาร ถูกทิ้งระเบิดใส่เรือประมงที่กำลังออกไปจับปลา ล่าสุด...เมื่อวันจันทร์ที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมานี่เอง เรือหาปลาที่กำลังแล่นอยู่แถวๆ เกาะ Madkoub Dhaher ถูกทิ้งระเบิดใส่ ชาวประมงในลำเรือตายไปรวดเดียว 15 ศพ และถ้านับจากตัวเลขสถิติที่องค์กร “General Authority for Marine Fishers” ได้รวบรวมเอาไว้ ตลอดช่วง 3 ปีของสงครามเยเมนที่ผ่านมา ชาวประมงที่ถูกกองทัพซาอุฯ สังหารด้วยกรรมวิธีต่างๆ ตายไปแล้วถึง 217 ศพ บาดเจ็บไม่น้อยกว่า 204 ราย บรรดาเรือหาปลาถูกจมไปแล้ว 205 ลำ...ฯลฯ...

ส่วนภายในเมืองท่า “Hodeida” ที่ยังคงยื้อกันไป-ยื้อกันมา ระหว่างกองทัพซาอุฯกับพวกกบฏเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ-เสียเปรียบระหว่างกันและกัน ผู้คนในเมืองอย่าง “Ali Qussem al Dreihemi” วัย 50 ปี ที่มีโอกาสใช้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าว “Mint Press News” อดไม่ได้ที่จะต้องระบายความรู้สึกออกมาว่า... “เรากลายเป็นผู้ต้องติดกับอยู่ภายในบ้านของเราเอง เพราะเมืองทั้งเมืองกลายเป็นเป้าหมายของการทิ้งระเบิด การโจมตีด้วยจรวดและปืนใหญ่ชนิดไม่เลือกหน้า มีคนนอนจมกองเลือดตายอยู่ตามถนน แต่ไม่มีใครสามารถออกไปช่วยได้ เพราะต้องเจอกับระเบิด จรวด ปืนใหญ่ ที่กระหน่ำใส่ไม่หยุด เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ Apache ของทหาร UAE กระจายกันออกโจมตีอาคารรัฐบาล บ้านเรือน ฟาร์ม ร้านค้า สุเหร่า หรือแม้แต่โรงพยาบาล สถานีอนามัย จนไม่เหลือพื้นปลอดภัยสำหรับพลเรือนรายใดเลย...”

ภายใต้สภาพเช่นนี้...จึงไม่มีอะไรพอที่จะทำได้มากไปกว่าสิ่งที่บรรดานักวิชาการชาวเยเมนกำลังพยายามเรียกร้องวิงวอน ไปยัง “ผู้รักสันติภาพทั่วโลก” ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้นำองค์กรต่างๆ นักเคลื่อนไหว หน่วยงานทางศาสนา สื่อฯ ไปจนปัจเจกบุคคลทั้งหลาย ให้ช่วยร่วมกันกดดัน ให้กองกำลังผสมภายใต้การนำของกองทัพซาอุฯ หยุดยั้ง “การสร้างอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” กดดันให้รัฐบาลอเมริกาและอังกฤษ หันมาให้ความสำคัญกับ “ความเป็นมนุษย์” มากขึ้นไปกว่านี้ ด้วยเหตุนี้...เลยคงต้องขออนุญาตตอบสนองเสียงเรียกร้อง วิงวอนของนักวิชาการชาวเยเมน ด้วยความเศร้าสลดหดหู่เอาไว้ ณ ที่นี้ นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น