**จะเรียกว่าเป็นวาระ "ร่วมทุกข์" กับชาวบ้านก็ได้สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ล่าสุดประกาศแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมใน 3 เดือน
พร้อมกันนี้ ยังมีวาทะที่บีบคั้นหัวใจในแบบที่ว่า "ผมพร้อมร่วมทุกข์กับพี่น้องประชาชน ยอมอยู่บนท้องถนนกับพี่น้อง" ที่นำมาสู่การสั่งการให้ ขอความร่วมมือ ให้ระดับรัฐมนตรี ฝ่ายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) หรือระดับ "บิ๊กคสช." ให้ปรับขบวนรถให้น้อยลงเท่าที่จำเป็น หรือให้ปิดกั้นจราจรเท่าที่จำเป็น หรือไม่ต้องปิดกั้นเลย
โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่ย้ำว่า "ผมพร้อมที่จะติดอยู่บนถนน" เหมือนกับพี่น้องประชาชนนั่นแหละ พูดแบบนี้มันย่อมได้ใจชาวบ้าน เพราะรับรู้ถึงความทุกข์ยากของชาวบ้านที่ต้องผจญกับปัญหาจราจรติดขัดในขั้นสาหัสได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน เขาลงมาให้ความสำคัญกับปัญหาจราจรอย่างจริงจัง โดยสั่งการให้มีการแก้ปัญหาให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน ซึ่งในสภาพความเป็นจริงแล้ว สาเหตุสำคัญของปัญหาจราจรในวันนี้นอกเหนือจากจำนวนปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากจนเกินกำลังของถนนที่จะรองรับไหวแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือ ปัญหาการจราจรติดขัดจากการลงมือก่อสร้างรถไฟฟ้าสารพัดสีในกรุงเทพมหานคร และการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกในเมือง และการก่อ
สร้างสะพานข้ามทางแยกในเวลาพร้อมๆ กัน จนทำให้เกิดวิกฤติที่เรียกว่า "สาหัส" กันอยู่ในเวลานี้
แน่นอนว่า นอกเหนือจากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแสดงอารมณ์ร่วมออกมาในแบบที่พร้อมจะร่วมทุกข์ไปกับชาวบ้าน ที่ยอม "ติดอยู่บนถนน"ไปด้วยกันแล้ว เขายังเรียกร้องให้อดทนกันอีกสักนิด เพื่อรอให้การก่อสร้างต่างๆ ดังกล่าวให้เสร็จสิ้นลงในอีกไม่นานนัก เพื่อทำให้การเดินทางและคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพมหานคร และคนไทยดีขึ้นจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เช่น รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงในต่างจังหวัด ได้เสร็จสิ้นลง
**โดยเขาไม่ลืมที่จะย้ำว่า เป็นเพราะรัฐบาลนี้ต้องการทำให้ประชาชนในวันหน้า และตั้งคำถามกลับมาอีกว่า "ที่ผ่านมาไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมไม่ทำ"
นั่นเป็นท่าทีและความเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องกันล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่เพิ่งสั่งการให้เร่งแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานคร ให้เป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน และยังให้บรรดารัฐมนตรีและ "บิ๊กคสช." ลดการใช้รถนำขบวนให้น้อยลง และให้ปิดการจราจรเท่าที่จำเป็นจริงๆ หรือหากเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องทนรถติดบนถนนร่วมกับชาวบ้าน
ก็ต้องถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียวสำหรับ "บิ๊กตู่" คนนี้ เพราะเรื่องแบบนี้มันเหมือนกับพลิกวิกฤติมาเป็นโอกาส โกยแต้ม อาจพลิกจากเสียงด่าให้กลายมาเป็นคำชม และยังทำให้มองเห็นอนาคตที่จะต้องเปลี่ยนไปจากหน้ามือ เป็นหลังมือ หากโครงการก่อสร้างทั้งหลายในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้เสร็จสิ้นลงในอีกสามสี่ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดี หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าในช่วง "โค้งสุดท้าย" ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า และที่สำคัญก่อนที่จะมีการ "ประกาศท่าทีทางการเมือง" ในเดือนหน้าซึ่งคาดกันว่า น่าจะเป็นปลายๆ เดือนกันยายน จะเห็นความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในลักษณะที่พบปะกับประชาชนหรือ "มวลชน"กันอย่างถี่ยิบ อย่างคราวนี้ก็ลงไปพบปะกับชาวกรุงเทพมหานครในแบบร่วมทุกข์ร่วมสุขจากปัญหาจราจร รวมไปถึงการเดินสายไปต่างจังหวัดทั้งในแบบไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจที่เกิดประสบภัย หรือการไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในต่างจังหวัด ซึ่งก็ตามมาด้วยโครงการพัฒนามากมาย
โดยในต้นสัปดาห์หน้า ก็มีคิวไปประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือครม.สัญจรในภาคใต้ ที่จังหวัดระนอง และชุมพร โดยมีการเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทยทั้งหมดอีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ ที่ผ่านมายังสั่งการให้เดินหน้าแก้ปัญหาในระดับรากหญ้ากันอย่างเต็มกำลัง ทั้งในเรื่องการต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้หลากหลายมากขึ้น พักหนี้ ลดดอกเบี้ยให้เกษตรกร และยังมีการสั่งลุยแก้หนี้นอกระบบ เรียกว่าลุยกันเต็มพิกัด จนต้องกล่าวขวัญถึงเลยทีเดียว
**ถึงได้บอกว่าแต่ละย่างก้าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ดังนั้น ฟันธงได้ล่วงหน้าเลยว่าการประกาศท่าทีในเดือนกันยายนจะออกมาแบบไหน ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมมี "เจตนาไปต่อ" เพียงแต่ว่าจะปล่อยออกมารวดเดียว หรือว่าทีละขยักเท่านั้น ขณะเดียวกัน แต่ละลีลาเหมือนกับฝากรอยประทับใจเอาไว้ จนต้องเรียกหาให้กลับมา "สานต่อ" ให้จบไงละ !!
พร้อมกันนี้ ยังมีวาทะที่บีบคั้นหัวใจในแบบที่ว่า "ผมพร้อมร่วมทุกข์กับพี่น้องประชาชน ยอมอยู่บนท้องถนนกับพี่น้อง" ที่นำมาสู่การสั่งการให้ ขอความร่วมมือ ให้ระดับรัฐมนตรี ฝ่ายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) หรือระดับ "บิ๊กคสช." ให้ปรับขบวนรถให้น้อยลงเท่าที่จำเป็น หรือให้ปิดกั้นจราจรเท่าที่จำเป็น หรือไม่ต้องปิดกั้นเลย
โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่ย้ำว่า "ผมพร้อมที่จะติดอยู่บนถนน" เหมือนกับพี่น้องประชาชนนั่นแหละ พูดแบบนี้มันย่อมได้ใจชาวบ้าน เพราะรับรู้ถึงความทุกข์ยากของชาวบ้านที่ต้องผจญกับปัญหาจราจรติดขัดในขั้นสาหัสได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน เขาลงมาให้ความสำคัญกับปัญหาจราจรอย่างจริงจัง โดยสั่งการให้มีการแก้ปัญหาให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน ซึ่งในสภาพความเป็นจริงแล้ว สาเหตุสำคัญของปัญหาจราจรในวันนี้นอกเหนือจากจำนวนปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากจนเกินกำลังของถนนที่จะรองรับไหวแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือ ปัญหาการจราจรติดขัดจากการลงมือก่อสร้างรถไฟฟ้าสารพัดสีในกรุงเทพมหานคร และการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกในเมือง และการก่อ
สร้างสะพานข้ามทางแยกในเวลาพร้อมๆ กัน จนทำให้เกิดวิกฤติที่เรียกว่า "สาหัส" กันอยู่ในเวลานี้
แน่นอนว่า นอกเหนือจากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแสดงอารมณ์ร่วมออกมาในแบบที่พร้อมจะร่วมทุกข์ไปกับชาวบ้าน ที่ยอม "ติดอยู่บนถนน"ไปด้วยกันแล้ว เขายังเรียกร้องให้อดทนกันอีกสักนิด เพื่อรอให้การก่อสร้างต่างๆ ดังกล่าวให้เสร็จสิ้นลงในอีกไม่นานนัก เพื่อทำให้การเดินทางและคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพมหานคร และคนไทยดีขึ้นจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เช่น รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงในต่างจังหวัด ได้เสร็จสิ้นลง
**โดยเขาไม่ลืมที่จะย้ำว่า เป็นเพราะรัฐบาลนี้ต้องการทำให้ประชาชนในวันหน้า และตั้งคำถามกลับมาอีกว่า "ที่ผ่านมาไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมไม่ทำ"
นั่นเป็นท่าทีและความเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องกันล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่เพิ่งสั่งการให้เร่งแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานคร ให้เป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน และยังให้บรรดารัฐมนตรีและ "บิ๊กคสช." ลดการใช้รถนำขบวนให้น้อยลง และให้ปิดการจราจรเท่าที่จำเป็นจริงๆ หรือหากเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องทนรถติดบนถนนร่วมกับชาวบ้าน
ก็ต้องถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียวสำหรับ "บิ๊กตู่" คนนี้ เพราะเรื่องแบบนี้มันเหมือนกับพลิกวิกฤติมาเป็นโอกาส โกยแต้ม อาจพลิกจากเสียงด่าให้กลายมาเป็นคำชม และยังทำให้มองเห็นอนาคตที่จะต้องเปลี่ยนไปจากหน้ามือ เป็นหลังมือ หากโครงการก่อสร้างทั้งหลายในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้เสร็จสิ้นลงในอีกสามสี่ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดี หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าในช่วง "โค้งสุดท้าย" ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า และที่สำคัญก่อนที่จะมีการ "ประกาศท่าทีทางการเมือง" ในเดือนหน้าซึ่งคาดกันว่า น่าจะเป็นปลายๆ เดือนกันยายน จะเห็นความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในลักษณะที่พบปะกับประชาชนหรือ "มวลชน"กันอย่างถี่ยิบ อย่างคราวนี้ก็ลงไปพบปะกับชาวกรุงเทพมหานครในแบบร่วมทุกข์ร่วมสุขจากปัญหาจราจร รวมไปถึงการเดินสายไปต่างจังหวัดทั้งในแบบไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจที่เกิดประสบภัย หรือการไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในต่างจังหวัด ซึ่งก็ตามมาด้วยโครงการพัฒนามากมาย
โดยในต้นสัปดาห์หน้า ก็มีคิวไปประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือครม.สัญจรในภาคใต้ ที่จังหวัดระนอง และชุมพร โดยมีการเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทยทั้งหมดอีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ ที่ผ่านมายังสั่งการให้เดินหน้าแก้ปัญหาในระดับรากหญ้ากันอย่างเต็มกำลัง ทั้งในเรื่องการต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้หลากหลายมากขึ้น พักหนี้ ลดดอกเบี้ยให้เกษตรกร และยังมีการสั่งลุยแก้หนี้นอกระบบ เรียกว่าลุยกันเต็มพิกัด จนต้องกล่าวขวัญถึงเลยทีเดียว
**ถึงได้บอกว่าแต่ละย่างก้าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ดังนั้น ฟันธงได้ล่วงหน้าเลยว่าการประกาศท่าทีในเดือนกันยายนจะออกมาแบบไหน ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมมี "เจตนาไปต่อ" เพียงแต่ว่าจะปล่อยออกมารวดเดียว หรือว่าทีละขยักเท่านั้น ขณะเดียวกัน แต่ละลีลาเหมือนกับฝากรอยประทับใจเอาไว้ จนต้องเรียกหาให้กลับมา "สานต่อ" ให้จบไงละ !!