xs
xsm
sm
md
lg

อวสานเงินดอลลาร์???

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

<b>นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย</b>
เห็นว่า...เงิน “ลีร์” หรือ “ลีรา” ของตุรกี ชักทำท่าว่าจะเริ่มแข็งๆ ขึ้นมามั่งแล้ว จากเดิมทีที่ถูก “ทรัมป์บ้า” ไล่บด ไล่บี้ จนอัตราแลกเปลี่ยนหล่นไปอยู่ที่ 7.24 ลีราต่อ 1 ดอลลาร์ และ 8.12 ลีราต่อ 1 ยูโร ช่วงวันอังคาร (14 ส.ค.) ที่ผ่านมานี้ ก็เด้งกลับไปอยู่ที่ 6.57 ลีราต่อ 1 ดอลลาร์ และ 7.50 ลีราต่อ 1 ยูโร ส่งผลให้บรรดาตลาดหุ้นทั่วโลก พลอยได้ลืมตาอ้าปาก ฟื้นสติสตังค์กลับคืนมาได้เหมือนเดิม...

อย่างไรก็ตาม...การที่เงินดอลลาร์แข็งโด่ๆ เด่ๆ ปานประดุจซดยาดอง “โด่มิรู้ล้ม” ขณะที่ค่าเงินลีราของตุรกี รีอัลของอิหร่าน ยูโรของอียู หยวนของจีน ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไร รวมไปถึงราคาทองคำ มีอันต้องอ่อนยวบๆ ยาบๆ ปานประดุจดันไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวเวียดนามเป็นชามๆ นั้น ว่าไปแล้ว...ก็น่าจะเป็นไปดังที่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ การเมืองชื่อดัง อย่าง “นายTom Luongo” บรรณาธิการนิตยสารจดหมายข่าวการลงทุน รายเดือน (Gold Goats’n Guns) ได้เคยให้ความคิด ความเห็นไว้กับสำนักข่าว “Sputnik” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นแหละว่า มันไม่ได้เป็นเพราะ “ความเชื่อมั่น” หรือ “ความมีสมรรถภาพ” ของเงินดอลลาร์แต่อย่างใด แต่หนักไปทาง “มายาภาพ” นั่นแหละมากกว่า...

คือเพราะความกลัว ความโลภ ความกระหายในกำไร ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ของบรรดาผู้ที่ถูกเรียกขานกันในนาม “นักลงทุน” ทั้งหลาย ซึ่งอาจคิดเอง เออเอง ไปในทำนองว่า ถ้าหากเงินลีราของตุรกีถูกถล่ม อาจส่งผลกระทบไปถึงการชำระหนี้คืนของบรรดาบรรษัทธุรกิจต่างๆ ที่กู้หนี้ยืมสินจากธนาคารในยุโรปและที่อื่นๆ มาลงทุนในตุรกี เลยทำให้เกิดการเทขายเงินยูโร ขายหุ้นธนาคารในยุโรป หันไปซื้อเงินดอลลาร์ที่ให้ผลการเก็งกำไรสูงกว่าราคาทองคำ ทุกสิ่งทุกอย่าง...เลยต้องออกอาการ “โด่มิรู้ล้ม” ไปด้วยประการละฉะนี้...

แต่การที่ดอลลาร์แข็งโป๊ก หรือแข็งโปกนั้น...แม้จะทำให้ “ทรัมป์บ้า” ออกอาการสะใจอยู่ไม่น้อย ที่มีโอกาสได้เห็นความฉิบหายเล็กๆ น้อยๆ ของเงินลีราตุรกี แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เศรษฐกิจอเมริกาแข็งแกร่ง มั่นคง ยั่งยืนตามไปด้วยก็หาไม่ ไม่เช่นนั้น...เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว (20 ก.ค.) ผู้นำอเมริการายนี้ คงไม่ถึงขั้นต้องออกมาตั้งข้อกล่าวหาคุณพี่จีนและสหภาพยุโรป ด้วยการ “ทวิต” ข้อความเอาไว้ประมาณว่า... “จีนและสหภาพยุโรป รวมทั้งประเทศอื่นๆ กำลังปั่นค่าเงิน ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สหรัฐฯ กำลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดอลลาร์กำลังแข็งค่ายิ่งขึ้นเรื่อยๆ อันอาจทำให้อเมริกาสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม”...

พูดง่ายๆ ว่า...การแข็งโด่เด่ของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ โดยเฉพาะคู่แข่งขันอย่างจีน หรือยุโรป ที่ล้วนแล้วแต่ถูกมาตรการ “แซงชั่น” หรือมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไปด้วยกันทั้งนั้น กลับทำให้สินค้าของประเทศคู่แข่งมีแต่ถูกลงๆ แม้ว่าจะโดนขึ้นภาษีไปแล้วก็ตาม จนยังอาจซื้อง่ายขายคล่องกว่าสินค้าของอเมริกา ที่มีแต่ต้องแพงเอาๆ ยิ่งขึ้นทุกที หรือไม่ได้ส่งผลให้การเล่นงานผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า “แข่งขันโดยไม่เป็นธรรม” กับสหรัฐฯ นั้น เกิดความเจ็บปวดรวดร้าวได้อย่างที่ “ทรัมป์บ้า” ปรารถนาและต้องการจะให้เป็นไปเช่นนั้น ด้วยเหตุเพราะการ “แข็ง” หรือการ “อ่อน” ของค่าเงินในแต่ละครั้ง แต่ละครา มันย่อมสามารถก่อให้เกิด “ผลบวก” และ “ผลลบ” ได้เสมอๆ ขึ้นอยู่กับมุมมอง หรืออยู่กับจังหวะและโอกาส ว่าจะเป็นไปในทางบวก หรือทางลบมากน้อยไปกว่ากัน...

การขึ้นๆ-ลงๆ ของค่าเงินต่างๆ ในแต่ละครั้ง แต่ละครา...จึงไม่ได้ถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึง “เสถียรภาพ” หรือ “ประสิทธิภาพ” ของค่าเงินสกุลนั้นๆ เสมอไป ยิ่งถ้าหากค่าเงินสกุลใดๆ ก็ตาม ดันขึ้นๆ ลงๆ แบบชนิดน่าเวียนหัว น่าปวดหัวจนเกินไป กลับยิ่งเป็นตัวสะท้อนถึง “ความไม่น่าเชื่อถือ” “ความไร้เสถียรภาพ” และ “ขาดประสิทธิภาพ” ยิ่งๆ ขึ้นไป และดูเหมือนว่า “เงินดอลลาร์” นั่นเองที่กำลังแสดงออกถึงลักษณะอาการในแนวนี้ แม้จะเป็นสกุลเงินตราที่เคยได้รับความเชื่อมั่น เชื่อถือถึงขั้นทำให้ประเทศไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ในโลก นำไปใช้เป็น “ทุนสำรองเงินตรา” กันมาโดยตลอด แต่เมื่อมาถึง ณ ขณะนี้...หลายสิ่งหลายอย่าง ดูจะเป็นไปดังที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ” ได้กล่าวเอาไว้ในขณะร่วมแถลงข่าวกับรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี “นายMevlut Cavusoglu” เมื่อช่วงอังคารที่ผ่านมานั่นแหละว่า “บทบาทของเงินดอลลาร์ในฐานะทุนสำรองของโลก กำลังถูกลบล้างให้หายไปจากบรรดาประเทศต่างทั่วทั้งโลกยิ่งขึ้นทุกที...”

ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือว่า...อันเนื่องมาจากความพยายามที่จะบิดเบือนสถานะของเงินดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นงานใครต่อใคร ไม่ว่าทั้งในทางการเมืองและการค้า จนทำให้บทบาทของเงินดอลลาร์ มีแต่จะเสื่อมลงๆ ยิ่งเข้าไปทุกทีหรือทำให้... “บรรดาประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแซงชั่น หรือจากสงครามการค้าของอเมริกา ซึ่งนับวันจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างต้องพยายามหาทางสลัดตัวเองออกไปจากอิทธิพลของเงินดอลลาร์ แล้วหันไปหาหลักประกันที่สอดคล้อง เหมาะสม และเป็นจริง-เป็นจังกับประเทศตัวเองมากกว่า ไปจนกระทั่งแม้แต่การหันไปแสวงหาพันธมิตรที่พร้อมใช้เงินสกุลเดียวกันกับตัวเอง ในการซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนใดๆ ก็ตาม...”

ดังนั้น...แม้ว่าบทบาทของเงินดอลลาร์จะเคยได้รับการยอมรับในฐานะเงินทุนสำรองของประเทศต่างๆ แทบจะทั่วทั้งโลก หรือเป็นเงินที่สามารถนำไปใช้แลกเปลี่ยนกับเงินสกุลใดๆ ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ย่อมได้ (Convertibility) แต่ด้วยเหตุเพราะเงินดอลลาร์กลับถูกนำไปใช้ในการ “ทำลายหลักการพื้นฐานของระบบการค้าโลก” โดยไม่ได้สนใจระเบียบ กฎหมาย กติการะหว่างประเทศเอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะในรูปการแซงชั่น การขึ้นภาษีทางการค้าแบบ “ตามอำเภอใจ” (Unilateral) ด้วยเหตุนี้...ภายใต้การ “กลืนกินตัวมันเอง” ของเงินดอลลาร์นั่นเอง ที่กำลังนำไปสู่ “อวสานของเงินดอลลาร์” ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล...


กำลังโหลดความคิดเห็น