ผู้จัดการรายวัน 360 - นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ตรวจการบริหารจัดการน้ำเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี วันนี้ (8 ส.ค.) ครม.มีมติเห็นชอบเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติ สร้างโครงการของกรมชลประทาน รวม 4 โครงการ “บิ๊กฉัตร” ยันสปิลเวย์อาอยู่ เร่งแยกมวลน้ำไม่ให้ท่วมตัวเมืองเพชร ส่งตำรวจ2.1 พันนายเข้าช่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเช้าวันนี้ ( 8 ส.ค.) นายกรัฐมนตรีและคณะ มีกำหนดลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่ จ.เพชรบุรี เพื่อดูการบริหารจัดการน้ำ ที่ล้นมาจากเขื่อนแก่งกระจาน และรับฟังการบรรยายสรุป ก่อนที่จะมอบนโยบายให้กับฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ จากนั้นจะไปยังประตูระบายน้ำคลอง D 9 ซึ่งมีระยะทางห่างออกไปประมาณ 10 กม. เพื่อดูการขยายคลองชลประทาน เชื่อมต่อกับคลองระบายน้ำ D9 ช่วงบ่าย จะไปยังวัดคุ้งตำหนัก ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม เพื่อตรวจการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ และระดับน้ำเปรียบเทียบก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
**"บิ๊กฉัตร"รายงานครม.ยัน สปิลเวย์ยังเอาอยู่
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมครม. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ได้รายงานครม. ว่าในส่วนที่มีความห่วงใยว่า เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร เขื่อนแก่งกระจาน มีระดับเต็มความจุของเขื่อน ขณะที่ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนปราณบุรี ก็มีระดับน้ำเกือบจะเต็มความจุเขื่อนนั้น ขอให้มั่นใจ เขื่อนดังกล่าวมีศักยภาพรับน้ำได้ เนื่องจากมีสปิลเวย์ หรือ ทางรับน้ำ ที่จะมีความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นเทคนิควิศวกรรมน้ำ ที่เมื่อน้ำขึ้นมาถึงระดับหนึ่งแล้วจะล้นออกสปิลเวลย์ เพื่อให้ตัวเขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำมีศักยภาพรองรับน้ำได้อย่างปลอดภัย ยืนยันว่า ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่มีโอกาสที่น้ำจะล้นสันเขื่อน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งผู้ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ เพื่อไปดูรายละเอียด เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือน ในแต่ละเขื่อน ซึ่งเป็นเทคนิกที่สูงว่าสปิลเวย์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า แม้จะเกิดแผ่นดินไหว เขื่อนก็จะรับได้
*** เพิกถอนพื้นที่อุทยานบางส่วนสร้างอ่างเก็บน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อก่อสร้างโครงการของกรมชลประทาน รวม 4 โครงการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ ดังนี้
1.เพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วบางส่วน เนื้อที่ประมาณ 85-2-06.4 ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองขลุง จังหวัดจันทบุรี
2.เพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานบางส่วน เนื้อที่ประมาณ 49 ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอู อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
3.เพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนาบางส่วน เนื้อที่ประมาณ 229 ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่
4.เพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูนางบางส่วน เนื้อที่ประมาณ 1,380 ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยให้เร่งการดำเนินโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ด้วย
ทั้งนี้ โครงการอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานทั้ง 4 โครงการ เป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีเคยมีมติอนุมัติหลักการโครงการแล้ว และสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี 2558-2569) ในยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต (เกษตรและอุตสาหกรรม) และยุทธศาสตร์ที่ 3 การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย โดยจะสามารถเพิ่มการกักเก็บน้ำได้จำนวน 105.17 ล้านลูกบาศก์เมตร และสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ประมาณปีละ 160 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดำเนินโครงการบางส่วนเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อก่อสร้างโครงการทั้ง 4 โครงการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 โดยคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เห็นชอบด้วยแล้ว
**"บิ๊กฉัตร"รายงานครม.ยัน สปิลเวย์ยังเอาอยู่
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมครม. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ได้รายงานครม. ว่า ในส่วนที่มีความห่วงใยว่า เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร เขื่อนแก่งกระจาน มีระดับเต็มความจุของเขื่อน ขณะที่ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนปราณบุรี ก็มีระดับน้ำเกือบจะเต็มความจุเขื่อนนั้น ขอให้มั่นใจ เขื่อนดังกล่าวมีศักยภาพรับน้ำได้ เนื่องจากมีสปิลเวย์ หรือ ทางรับน้ำ ที่จะมีความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นเทคนิควิศวกรรมน้ำ ยืนยันว่า ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่มีโอกาสที่น้ำจะล้นสันเขื่อน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งผู้ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ เพื่อไปดูรายละเอียด เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือน ในแต่ละเขื่อน ซึ่งเป็นเทคนิกที่สูงว่าสปิลเวย์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า แม้จะเกิดแผ่นดินไหว เขื่อนก็จะรับได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่ได้มีการเปรียบเทียบตัวเลขน้ำเทียบกับน้ำท่วมใหญ่ปี 54 แต่อย่างใด
**แบ่งน้ำไม่ให้ทะลักเข้าตัวเมืองเพชรบุรี
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำ ในเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่าเราใช้ 3 ช่องทาง คือ ประตูปิด เปิดธรรมดา ช่องทางน้ำล้น (สปิลเวย์) และใช้เครื่องสูบน้ำออก ซึ่งมวลน้ำขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวลงมาที่ แม่น้ำเพชรบุรีนั้น เราได้ทำการแยกมวลน้ำดังกล่าวให้ออกไปทางซ้ายและขวาของแม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งส่วนหนึ่งใช้เครื่องสูบน้ำ เป็นทางลัดไปสู่อ่าวไทย อีกส่วนกำลังสำรวจดูพื้นที่ว่าง ที่ยังไม่มีการทำการเกษตร เพื่อนำน้ำลงพื้นที่ดังกล่าว
ส่วนแผนรองรับหากมีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติมนั้น คาดการณ์ว่า ถ้ามีปริมาณน้ำไหลอยู่ที่ประมาณ 70-80 ลบ.ม. ต่อวินาที แต่ถ้าในปริมาณ 200-300 ลบ.ม.ต่อวินาที จะทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำ ในตัวเมืองเพชรบุรี น้ำท่วม
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี เสี่ยงเขื่อนแตกนั้น นายกฤษฎา กล่าวว่า เราใช้หลักการระบายน้ำแบบเดียวกัน แต่ด้วยปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง มีปริมาณที่มาก ทำให้การระบาบายทำได้ช้าทั้งนี้เขื่อนภูมิพล จ.ตาก และ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ยังคงรับน้ำได้อยู่ น้ำจะไม่ท่วมแบบปี 2554 แน่นอน
**ส่งตร. 2พันนาย-เรือและฮ. เข้าช่วย
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.พร้อมคณะ ลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี ประชุมร่วมกับ นายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รองผวจ.เพชรบุรี และหน่วยงานงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมส่งมอบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกว่า 2,100 นาย รถยนต์ 300 คัน เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ เรือ 10 ลำ และอุปกรณ์อื่นๆ สนับสนุนการปฏิบัติงานของฝ่ายปกครอง ผู้รับผิดชอบตาม พ.ร.บ.บรรเทาสาธารณภัย โดยจะมีการเตรียมความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์ต่างๆตลอด 24 ชม.
ด้านนายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รองผวจ.เพชรบุรี กล่าวว่า ทางจังหวัดมีการทำงาน ซักซ้อมแผนการปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยกับตำรวจมาโดยตลอด ทั้งนี้ขอความร่วมมือจากประชาชนในการฟังข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ ดีขึ้นตามลำดับ
**แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวพื้นที่จุดเสี่ยง
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงข้อวิตกกังวลของสถานประกอบการ กรณีที่ปริมาณน้ำเริ่มท่วมทะลัก เข้ามายังตัวเมืองเพชรบุรี ที่มีสถานท่องเที่ยวหลายแห่ง ว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจแล้ว เบื้องต้นยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ทางผู้ประกอบการและเจ้าของรีสอร์ตต่างๆ ก็มีความตื่นตัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้อยู่แล้ว ทั้งนี้ก็จะต้องทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังบรรดานักท่องเที่ยว ให้มีความระมัดระวังถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
*** ข้ามเข้าไป9รีสอร์ตไม่ได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ กระแสน้ำไหลแรง หลังจากที่น้ำล้นสปีลเวย์เขื่อนแก่งกระจาน เมื่อวานนี้ โดยเฉพาะบริเวณทางข้ามไปยังรีสอร์ตต้นน้ำเพชร และอีก 8 รีสอร์ตที่อยู่ริมแม่น้ำเพชร บริเวณหมู่ 1 ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีน้ำล้น และไหลแรงมาก ขณะนี้ไม่สามารถข้ามได้แล้ว
ด้านกรมชลประทาน ชี้แจงกรณีน้ำในคลองชลประทานลดลงนั้น เนื่องจากคลองส่งน้ำสายใหญ่ 3 ปรับลดน้ำลง เพราะจะมีการขุดขยายคลองเพื่อผันน้ำไปลงคลองระบายน้ำ D.9 เพื่อเปิดเส้นทางน้ำให้คลองส่งน้ำสายใหญ่ 3 ให้ทันกรณีมีน้ำมาถึงเขื่อนเพชรในอัตราที่คาดการณ์ไว้ โดยจะสามารถระบายน้ำเพิ่มจากเดิมจากอัตรา 20 ลบ.ม./วินาที เป็นประมาณ 55 ลบ.ม./วินาที ส่วนที่คลองสุเอด (คลอง 1 ขวา-สายใหญ่ฝั่งซ้าย) แบ่งน้ำได้ประมาณ 4 ลบ.ม./วินาที ได้ประสานให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมคลองดาด และหากจำเป็นจะขุดเปิดเส้นทางน้ำ
ทั้งนี้ หลังจากปริมาณน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเพชรเพิ่มขึ้น ตามที่คาดการณ์ไว้แล้ว จะเริ่มใช้คลองส่งน้ำทั้ง 4 สาย ตัดแบ่งปริมาณน้ำให้เข้าพื้นที่ เพิ่มจากเดิมที่ 50 ลบ.ม./วินาที เป็นประมาณ 90 ลบ.ม./วินาทีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า สำหรับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บริเวณจุดชมวิวป้ายอุทยานแห่งชาติใหญ่ที่สุดในสยาม Kaeng Kranchan National Park ปริมาณน้ำขึ้นอย่างรวดเร็ว คาดว่าวันนี้อาจจะต้องปิดห้ามนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมโซนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเช้าวันนี้ ( 8 ส.ค.) นายกรัฐมนตรีและคณะ มีกำหนดลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่ จ.เพชรบุรี เพื่อดูการบริหารจัดการน้ำ ที่ล้นมาจากเขื่อนแก่งกระจาน และรับฟังการบรรยายสรุป ก่อนที่จะมอบนโยบายให้กับฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ จากนั้นจะไปยังประตูระบายน้ำคลอง D 9 ซึ่งมีระยะทางห่างออกไปประมาณ 10 กม. เพื่อดูการขยายคลองชลประทาน เชื่อมต่อกับคลองระบายน้ำ D9 ช่วงบ่าย จะไปยังวัดคุ้งตำหนัก ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม เพื่อตรวจการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ และระดับน้ำเปรียบเทียบก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
**"บิ๊กฉัตร"รายงานครม.ยัน สปิลเวย์ยังเอาอยู่
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมครม. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ได้รายงานครม. ว่าในส่วนที่มีความห่วงใยว่า เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร เขื่อนแก่งกระจาน มีระดับเต็มความจุของเขื่อน ขณะที่ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนปราณบุรี ก็มีระดับน้ำเกือบจะเต็มความจุเขื่อนนั้น ขอให้มั่นใจ เขื่อนดังกล่าวมีศักยภาพรับน้ำได้ เนื่องจากมีสปิลเวย์ หรือ ทางรับน้ำ ที่จะมีความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นเทคนิควิศวกรรมน้ำ ที่เมื่อน้ำขึ้นมาถึงระดับหนึ่งแล้วจะล้นออกสปิลเวลย์ เพื่อให้ตัวเขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำมีศักยภาพรองรับน้ำได้อย่างปลอดภัย ยืนยันว่า ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่มีโอกาสที่น้ำจะล้นสันเขื่อน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งผู้ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ เพื่อไปดูรายละเอียด เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือน ในแต่ละเขื่อน ซึ่งเป็นเทคนิกที่สูงว่าสปิลเวย์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า แม้จะเกิดแผ่นดินไหว เขื่อนก็จะรับได้
*** เพิกถอนพื้นที่อุทยานบางส่วนสร้างอ่างเก็บน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อก่อสร้างโครงการของกรมชลประทาน รวม 4 โครงการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ ดังนี้
1.เพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วบางส่วน เนื้อที่ประมาณ 85-2-06.4 ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองขลุง จังหวัดจันทบุรี
2.เพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานบางส่วน เนื้อที่ประมาณ 49 ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอู อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
3.เพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนาบางส่วน เนื้อที่ประมาณ 229 ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่
4.เพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูนางบางส่วน เนื้อที่ประมาณ 1,380 ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยให้เร่งการดำเนินโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ด้วย
ทั้งนี้ โครงการอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานทั้ง 4 โครงการ เป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีเคยมีมติอนุมัติหลักการโครงการแล้ว และสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี 2558-2569) ในยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต (เกษตรและอุตสาหกรรม) และยุทธศาสตร์ที่ 3 การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย โดยจะสามารถเพิ่มการกักเก็บน้ำได้จำนวน 105.17 ล้านลูกบาศก์เมตร และสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ประมาณปีละ 160 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดำเนินโครงการบางส่วนเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อก่อสร้างโครงการทั้ง 4 โครงการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 โดยคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เห็นชอบด้วยแล้ว
**"บิ๊กฉัตร"รายงานครม.ยัน สปิลเวย์ยังเอาอยู่
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมครม. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ได้รายงานครม. ว่า ในส่วนที่มีความห่วงใยว่า เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร เขื่อนแก่งกระจาน มีระดับเต็มความจุของเขื่อน ขณะที่ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนปราณบุรี ก็มีระดับน้ำเกือบจะเต็มความจุเขื่อนนั้น ขอให้มั่นใจ เขื่อนดังกล่าวมีศักยภาพรับน้ำได้ เนื่องจากมีสปิลเวย์ หรือ ทางรับน้ำ ที่จะมีความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นเทคนิควิศวกรรมน้ำ ยืนยันว่า ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่มีโอกาสที่น้ำจะล้นสันเขื่อน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งผู้ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ เพื่อไปดูรายละเอียด เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือน ในแต่ละเขื่อน ซึ่งเป็นเทคนิกที่สูงว่าสปิลเวย์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า แม้จะเกิดแผ่นดินไหว เขื่อนก็จะรับได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่ได้มีการเปรียบเทียบตัวเลขน้ำเทียบกับน้ำท่วมใหญ่ปี 54 แต่อย่างใด
**แบ่งน้ำไม่ให้ทะลักเข้าตัวเมืองเพชรบุรี
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำ ในเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่าเราใช้ 3 ช่องทาง คือ ประตูปิด เปิดธรรมดา ช่องทางน้ำล้น (สปิลเวย์) และใช้เครื่องสูบน้ำออก ซึ่งมวลน้ำขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวลงมาที่ แม่น้ำเพชรบุรีนั้น เราได้ทำการแยกมวลน้ำดังกล่าวให้ออกไปทางซ้ายและขวาของแม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งส่วนหนึ่งใช้เครื่องสูบน้ำ เป็นทางลัดไปสู่อ่าวไทย อีกส่วนกำลังสำรวจดูพื้นที่ว่าง ที่ยังไม่มีการทำการเกษตร เพื่อนำน้ำลงพื้นที่ดังกล่าว
ส่วนแผนรองรับหากมีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติมนั้น คาดการณ์ว่า ถ้ามีปริมาณน้ำไหลอยู่ที่ประมาณ 70-80 ลบ.ม. ต่อวินาที แต่ถ้าในปริมาณ 200-300 ลบ.ม.ต่อวินาที จะทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำ ในตัวเมืองเพชรบุรี น้ำท่วม
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี เสี่ยงเขื่อนแตกนั้น นายกฤษฎา กล่าวว่า เราใช้หลักการระบายน้ำแบบเดียวกัน แต่ด้วยปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง มีปริมาณที่มาก ทำให้การระบาบายทำได้ช้าทั้งนี้เขื่อนภูมิพล จ.ตาก และ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ยังคงรับน้ำได้อยู่ น้ำจะไม่ท่วมแบบปี 2554 แน่นอน
**ส่งตร. 2พันนาย-เรือและฮ. เข้าช่วย
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.พร้อมคณะ ลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี ประชุมร่วมกับ นายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รองผวจ.เพชรบุรี และหน่วยงานงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมส่งมอบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกว่า 2,100 นาย รถยนต์ 300 คัน เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ เรือ 10 ลำ และอุปกรณ์อื่นๆ สนับสนุนการปฏิบัติงานของฝ่ายปกครอง ผู้รับผิดชอบตาม พ.ร.บ.บรรเทาสาธารณภัย โดยจะมีการเตรียมความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์ต่างๆตลอด 24 ชม.
ด้านนายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รองผวจ.เพชรบุรี กล่าวว่า ทางจังหวัดมีการทำงาน ซักซ้อมแผนการปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยกับตำรวจมาโดยตลอด ทั้งนี้ขอความร่วมมือจากประชาชนในการฟังข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ ดีขึ้นตามลำดับ
**แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวพื้นที่จุดเสี่ยง
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงข้อวิตกกังวลของสถานประกอบการ กรณีที่ปริมาณน้ำเริ่มท่วมทะลัก เข้ามายังตัวเมืองเพชรบุรี ที่มีสถานท่องเที่ยวหลายแห่ง ว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจแล้ว เบื้องต้นยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ทางผู้ประกอบการและเจ้าของรีสอร์ตต่างๆ ก็มีความตื่นตัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้อยู่แล้ว ทั้งนี้ก็จะต้องทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังบรรดานักท่องเที่ยว ให้มีความระมัดระวังถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
*** ข้ามเข้าไป9รีสอร์ตไม่ได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ กระแสน้ำไหลแรง หลังจากที่น้ำล้นสปีลเวย์เขื่อนแก่งกระจาน เมื่อวานนี้ โดยเฉพาะบริเวณทางข้ามไปยังรีสอร์ตต้นน้ำเพชร และอีก 8 รีสอร์ตที่อยู่ริมแม่น้ำเพชร บริเวณหมู่ 1 ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีน้ำล้น และไหลแรงมาก ขณะนี้ไม่สามารถข้ามได้แล้ว
ด้านกรมชลประทาน ชี้แจงกรณีน้ำในคลองชลประทานลดลงนั้น เนื่องจากคลองส่งน้ำสายใหญ่ 3 ปรับลดน้ำลง เพราะจะมีการขุดขยายคลองเพื่อผันน้ำไปลงคลองระบายน้ำ D.9 เพื่อเปิดเส้นทางน้ำให้คลองส่งน้ำสายใหญ่ 3 ให้ทันกรณีมีน้ำมาถึงเขื่อนเพชรในอัตราที่คาดการณ์ไว้ โดยจะสามารถระบายน้ำเพิ่มจากเดิมจากอัตรา 20 ลบ.ม./วินาที เป็นประมาณ 55 ลบ.ม./วินาที ส่วนที่คลองสุเอด (คลอง 1 ขวา-สายใหญ่ฝั่งซ้าย) แบ่งน้ำได้ประมาณ 4 ลบ.ม./วินาที ได้ประสานให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมคลองดาด และหากจำเป็นจะขุดเปิดเส้นทางน้ำ
ทั้งนี้ หลังจากปริมาณน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเพชรเพิ่มขึ้น ตามที่คาดการณ์ไว้แล้ว จะเริ่มใช้คลองส่งน้ำทั้ง 4 สาย ตัดแบ่งปริมาณน้ำให้เข้าพื้นที่ เพิ่มจากเดิมที่ 50 ลบ.ม./วินาที เป็นประมาณ 90 ลบ.ม./วินาทีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า สำหรับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บริเวณจุดชมวิวป้ายอุทยานแห่งชาติใหญ่ที่สุดในสยาม Kaeng Kranchan National Park ปริมาณน้ำขึ้นอย่างรวดเร็ว คาดว่าวันนี้อาจจะต้องปิดห้ามนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมโซนนี้