xs
xsm
sm
md
lg

ดันสวัสดิการเฟส3‘ยกคนพ้นจน’8.3ล้านราย-เปิดแอปฯ“ถุงเงินประชารัฐ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360 - "บิ๊กตู่"เปิดตัวโครงการประชารัฐสวัสดิการและโครงการใช้มือถือรับชำระค่าสินค้าจากบัตรคนจนผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงินประชารัฐ” ยันรัฐบาลมุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 11.4 ล้านคนให้อยู่ดีกินดี แต่ต้องทำภายใต้งบประมาณที่มีอยู่จำกัด "สนธิรัตน์"มั่นใจผู้ถือบัตรมีทางเลือกบริโภคสินค้า โชวห่วย ร้านค้ารายย่อย ฟื้นคืนชีพ เหตุจะมีรายได้จากเงินที่รัฐอัดฉีดเข้าบัตรเดือนละ 4 พันล้าน เตรียมคลอดมาตรการสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 3 "ยกคนพ้นจน" โอนเงินผู้มีรายได้ไม่เกินแสนต่อปี จำนวน 8.3 ล้านรายโดยแบ่งเป็นขั้นบันได 3 ระดับ

วานนี้ (1 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เป็นประธานเปิดโครงการประชารัฐสวัสดิการกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และยังได้เปิดตัวโครงการใช้โทรศัพท์มือถือรับชำระเงินจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผ่านแอปพลิเคชัน "ถุงเงินประชารัฐ" ที่เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย เพื่อช่วยเหลือร้านโชวห่วยและผู้ค้ารายย่อย ที่อิมแพคเมืองทองธานี

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันในลักษณะประชารัฐ เพื่อช่วยพัฒนาและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่มองประชาชนเป็นศูนย์กลางในการทำงาน โดยสิ่งที่รัฐบาลทำ เป็นไปตามกรอบงบประมาณ แม้หลายคนต้องการงบประมาณจำนวนมากขึ้น แต่ก็ต้องดูรายได้ของประเทศ รัฐบาลจึงต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้กับทุกคนตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงสานต่อในเรื่องเหล่านี้ จึงจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ส่วนโครงการที่ดำเนินการในวันนี้ เป็นความก้าวหน้าอีกขั้นของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่รัฐบาลช่วยเหลือคนของประเทศ แม้จะได้ไม่ถึง 70 ล้านคน แต่ก็ได้มากถึง 11.4 ล้านคน ถ้ารัฐบาลไม่ลงไปช่วย ก็คงอยู่กันไม่ได้ โดยรัฐบาลต้องคิดและแก้ปัญหาให้เป็นระบบ ไม่ใช่คิดจะให้อย่างเดียว เพราะฉะนั้น ในวันข้างหน้า ใครจะมาบอกว่าจะทำโน้นทำนี้ให้ โดยไม่บอกว่าเอาเงินมาจากไหน ต้องพิจารณาให้ดี เพราะจะเป็นปัญหาของประเทศ

"รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาให้ผู้มีรายได้น้อย เพราะรู้ดีว่าความจนมันลำบาก และเป็นสาเหตุของความขัดแย้ง สาเหตุของการบิดเบือน ทำให้บ้านเมืองเกิดความระส่ำระส่าย"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย ผลักดันโครงการใช้โทรศัพท์มือถือรับชำระเงินจากผู้ถือบัตร ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ถือบัตรที่สามารถนำบัตรมาใช้ชำระค่าสินค้ากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการผ่านการสแกนบัตรทางมือถือได้เลย โดยไม่ต้องไปรูดบัตรผ่านเครื่อง EDC เหมือนโครงการเฟสแรกที่ใช้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ และได้เปิดตัวโครงการแล้ว ผู้ถือบัตรสามารถนำบัตรไปใช้ชำระค่าสินค้าได้ทันทีกับร้านค้าที่ได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการที่มีอยู่ขณะนี้ประมาณ 2 หมื่นร้าน

"ขณะนี้มีร้านค้าโชวห่วย ร้านค้ารายย่อย แผงค้าในตลาดสด ทั้งแผงหมู แผงผัก แผงผลไม้ ร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จ ร้านหนูณิชย์ ผู้ค้าในตลาดต้องชม ตลาดกลางสินค้าเกษตร ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน รถยนต์เร่ขายสินค้า มาลงทะเบียนติดตั้งแอปฯ แล้ว 2 หมื่นร้าน โดยกระทรวงฯ วางเป้าหมายภายใน 1-2 เดือนนี้ จะมีร้านค้าเพิ่มไม่ต่ำกว่า 1 แสนร้าน และขยายเป็น 2 แสนร้านในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า"

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ประโยชน์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือให้ผู้ถือบัตร ซึ่งเป็นคนที่มีรายได้น้อย มีทางเลือกในการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าได้หลากหลายขึ้น แต่ยังจะช่วยให้ร้านโชวห่วย ร้านค้ารายย่อย ซึ่งแต่เดิมมองกันว่าหมดหวัง ไม่มีทางฟื้น แต่จากนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาล ทำให้ผู้ค้าเหล่านี้ฟื้นคืนชีพ สามารถพัฒนาตนเองให้อยู่รอด มีความเข้มแข็งขึ้นได้แน่นอน เพราะในแต่ละเดือน จะมีเงินจากรัฐบาลที่ใส่ผ่านบัตรประมาณ 4,000 ล้านบาท ที่จะกระจายลงสู่ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเดิมที่มีอยู่ 3.8 หมื่นแห่ง และร้านค้ารายย่อยที่ใช้มือถือรับชำระค่าสินค้า ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เสนอนโยบายสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 3 “ยกคนพ้นจน” มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 8.3 ล้านคนจากผู้ลงทะเบียน 11.4 ล้านคน เพื่อช่วยเหลือคนจนอย่างยั่งยืน จึงกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม 1. หากรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินโอนจากรัฐบาลอัตราร้อยละ 20 เช่น หากนาย A มีรายได้ 15,000 บาทต่อปี ได้รับเงินจากรัฐบาล 3,000 บาท รวมเป็น 18,000 บาทต่อปี 2.ผู้มีรายได้ 30,000-40,000 บาทต่อปี ได้รับเงินโอนจากรัฐบาล 6,000 บาทต่อปี 3.รายได้ 40,000-100,000 แสนบาทต่อปี ได้รับเงินโอนร้อยละ 10 เช่น นาย B มีรายได้ 65,000 บาทต่อปี รับเงินโอน 3,500 บาท จะมีเงินได้รวมทังสิ้น 68,500 บาทต่อปี ส่วนผู้มีรายได้เกิน 100,000 บาทจะไม่ได้รับเงินโอน โดยข้อเสนอดังกล่าวได้นำผลศึกษาจากทั้งจีน บราซิลในการช่วยเหลือปัญหาความยากจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอครม.พิจารณาเห็ฯชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการภาครับเพิ่มเติม โดยสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลผ่านโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ซึ่งภายใน 2-3 สัปดาห์นี้จะประสานกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลทุกแห่ง โดยจะใช้เงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากมาชดเชย ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินไม่มากนัก


กำลังโหลดความคิดเห็น