ผู้จัดการรายวัน360 - นบข.รุกหนัก จัดการโกงจำนำข้าวต่อ สั่งตามหาข้าวหายอีกเกือบ 1 ล้านตัน มูลค่า 2.25 แสนล้านบาท "พาณิชย์"รับลูกส่ง สตง. ตรวจทันที พร้อมสั่ง อคส.-อ.ต.ก. เดินหน้าเอาผิดโรงสี โกดัง เซเวอเยอร์ เผยล่าสุดเหลือข้าวค้างสต๊อกอีกแค่ 7 หมื่นตัน เตรียมเปิดระบายเร็วๆ นี้ แต่อาจมีเพิ่มเป็น 3 แสนตัน หลังประมูลไปแล้ว คู่สัญญาไม่มารับมอบ เหตุเจอข้าวเสื่อม พร้อมดันจีนลงนามสัญญาซื้อขายข้าวล้านตันที่ 2 หาตลาดให้ข้าวไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ในฐานะคณะทำงานระบายข้าวสารสต๊อกรัฐบาล ได้รายงานให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) รับทราบถึงปริมาณข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่ยังคงติดค้างอยู่กับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ที่ไม่สามารถนำออกมาระบายได้ เนื่องจากข้าวส่วนนี้ได้หายไปจากบัญชีการตรวจนับปริมาณรวม 9.4 แสนตัน ซึ่ง นบข. ได้สั่งการให้เร่งติดตามข้าวที่ขาดหายจากบัญชีกลับคืนมา เพื่อไม่ให้รัฐเกิดความเสียหายแล้ว
ทั้งนี้ ข้าวที่ขาดหายไปนั้น มาจากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับตัวเลขมา 18.70 ล้านตัน แต่ผลการตรวจนับมีข้าวอยู่ในสต๊อกปริมาณ 17.76 ล้านตัน หรือขาดหายไป 9.4 แสนตัน ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ และติดตามข้าวที่หายไปกลับคืนมาแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานให้ นบข. รับทราบแล้ว ล่าสุดได้ส่งเรื่องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบ เพื่อตามหาปริมาณข้าวดังกล่าวแล้ว และยังได้กำชับให้ อคส. และ อ.ต.ก. ดำเนินคดีกับเจ้าของโกดัง บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) และโรงสีข้าว ที่ทำข้าวขาดหายไปจากบัญชีด้วย
โดยปริมาณข้าวที่หายไป 9.4 แสนตันนั้น หากคิดมูลค่าจากราคาที่รับจำนำเข้ามาตันละประมาณ 2.4 หมื่นบาท จะมีมูลค่าสูงถึง 2.256 แสนล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันข้าวที่เหลืออยู่ในสต๊อกรัฐบาล ที่สามารถนำมาเปิดประมูลได้เหลืออยู่อีกประมาณ 7 หมื่นตัน เป็นข้าวกลุ่ม 2 และ 3 ซึ่งเป็นข้าวเข้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่คนบริโภค และเข้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่คนและสัตว์บริโภค และคาดว่าจะเปิดประมูลอีกครั้งในเร็วๆ นี้ และขณะนี้ กรมการค้าต่างประเทศกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้าวในส่วนอื่นๆ ที่ยังคงเหลือ เช่น ข้าวที่ผู้ชนะการประมูลไปแล้วแต่ไม่มารับมอบ ซึ่งมีประมาณ 7 แสนตัน โดยในจำนวนนี้ ประมาณ 3 แสนตันที่คาดว่าคู่สัญญาจะไม่รับมอบ เพราะมีปัญหาข้าวเสื่อม ข้าวไม่ตรงตามคุณภาพ โดยนบข. ได้สั่งการให้ อคส. และอ.ต.ก. ไปเร่งรัดคู่สัญญาเพื่อให้รับมอบข้าวแล้ว แต่หากไม่รับมอบ ก็ต้องดำเนินการหาผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย และจะนำข้าวมาเปิดประมูลต่อไป
สำหรับการหาตลาดรองรับให้กับข้าวไทย นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้าการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (JC) ในเดือนส.ค. 2561 กรมฯ จะหารือกับหน่วยงานที่ดูแลด้านการก่อสร้างรถไฟและนำเข้าสินค้าเกษตรของรัฐบาลจีน (NDRC) ให้มีการลงนามสัญญาซื้อขายข้าวจากไทยในส่วนล้านตันที่ 2 ที่ไทยและจีนได้มีการทำสัญญาบันทึกความเข้าใจ (MOU) กันไปแล้วก่อนหน้านี้
โดย MOU ซื้อข้าวไทย 2 ล้านตัน เป็นความตกลงที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งจีนได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไปแล้ว 1 ล้านตัน และปัจจุบันบริษัท คอฟโก้ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่นำเข้าข้าวของรัฐบาลจีน ได้มีการนำเข้าข้าวตามสัญญาไปแล้ว 5 แสนตัน อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายในส่วนแสนตันที่ 6 ซึ่งกรมฯ มองว่าเมื่อความรถไฟความเร็วสูงมีความคืบหน้า จีนก็ควรจะลงนามสัญญาซื้อขายในส่วนล้านตันที่ 2 ซึ่งหากสำเร็จ ก็จะทำให้ไทยมีตลาดรองรับผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ในฐานะคณะทำงานระบายข้าวสารสต๊อกรัฐบาล ได้รายงานให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) รับทราบถึงปริมาณข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่ยังคงติดค้างอยู่กับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ที่ไม่สามารถนำออกมาระบายได้ เนื่องจากข้าวส่วนนี้ได้หายไปจากบัญชีการตรวจนับปริมาณรวม 9.4 แสนตัน ซึ่ง นบข. ได้สั่งการให้เร่งติดตามข้าวที่ขาดหายจากบัญชีกลับคืนมา เพื่อไม่ให้รัฐเกิดความเสียหายแล้ว
ทั้งนี้ ข้าวที่ขาดหายไปนั้น มาจากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับตัวเลขมา 18.70 ล้านตัน แต่ผลการตรวจนับมีข้าวอยู่ในสต๊อกปริมาณ 17.76 ล้านตัน หรือขาดหายไป 9.4 แสนตัน ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ และติดตามข้าวที่หายไปกลับคืนมาแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานให้ นบข. รับทราบแล้ว ล่าสุดได้ส่งเรื่องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบ เพื่อตามหาปริมาณข้าวดังกล่าวแล้ว และยังได้กำชับให้ อคส. และ อ.ต.ก. ดำเนินคดีกับเจ้าของโกดัง บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) และโรงสีข้าว ที่ทำข้าวขาดหายไปจากบัญชีด้วย
โดยปริมาณข้าวที่หายไป 9.4 แสนตันนั้น หากคิดมูลค่าจากราคาที่รับจำนำเข้ามาตันละประมาณ 2.4 หมื่นบาท จะมีมูลค่าสูงถึง 2.256 แสนล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันข้าวที่เหลืออยู่ในสต๊อกรัฐบาล ที่สามารถนำมาเปิดประมูลได้เหลืออยู่อีกประมาณ 7 หมื่นตัน เป็นข้าวกลุ่ม 2 และ 3 ซึ่งเป็นข้าวเข้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่คนบริโภค และเข้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่คนและสัตว์บริโภค และคาดว่าจะเปิดประมูลอีกครั้งในเร็วๆ นี้ และขณะนี้ กรมการค้าต่างประเทศกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้าวในส่วนอื่นๆ ที่ยังคงเหลือ เช่น ข้าวที่ผู้ชนะการประมูลไปแล้วแต่ไม่มารับมอบ ซึ่งมีประมาณ 7 แสนตัน โดยในจำนวนนี้ ประมาณ 3 แสนตันที่คาดว่าคู่สัญญาจะไม่รับมอบ เพราะมีปัญหาข้าวเสื่อม ข้าวไม่ตรงตามคุณภาพ โดยนบข. ได้สั่งการให้ อคส. และอ.ต.ก. ไปเร่งรัดคู่สัญญาเพื่อให้รับมอบข้าวแล้ว แต่หากไม่รับมอบ ก็ต้องดำเนินการหาผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย และจะนำข้าวมาเปิดประมูลต่อไป
สำหรับการหาตลาดรองรับให้กับข้าวไทย นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้าการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (JC) ในเดือนส.ค. 2561 กรมฯ จะหารือกับหน่วยงานที่ดูแลด้านการก่อสร้างรถไฟและนำเข้าสินค้าเกษตรของรัฐบาลจีน (NDRC) ให้มีการลงนามสัญญาซื้อขายข้าวจากไทยในส่วนล้านตันที่ 2 ที่ไทยและจีนได้มีการทำสัญญาบันทึกความเข้าใจ (MOU) กันไปแล้วก่อนหน้านี้
โดย MOU ซื้อข้าวไทย 2 ล้านตัน เป็นความตกลงที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งจีนได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไปแล้ว 1 ล้านตัน และปัจจุบันบริษัท คอฟโก้ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่นำเข้าข้าวของรัฐบาลจีน ได้มีการนำเข้าข้าวตามสัญญาไปแล้ว 5 แสนตัน อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายในส่วนแสนตันที่ 6 ซึ่งกรมฯ มองว่าเมื่อความรถไฟความเร็วสูงมีความคืบหน้า จีนก็ควรจะลงนามสัญญาซื้อขายในส่วนล้านตันที่ 2 ซึ่งหากสำเร็จ ก็จะทำให้ไทยมีตลาดรองรับผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่เพิ่มขึ้น