รัฐบาลเลือกตั้ง-มักกล่าวหา “รัฐบาลรัฐประหาร” ว่าทำให้การเมืองไทย “ถอยหลังเข้าคลอง!”
รัฐบาลรัฐประหาร-มักกล่าวหา “รัฐบาลเลือกตั้งปล้นชาติ” ว่าแทนที่จะทำให้การเมืองไทย “เดินหน้า” กลับ “เดินถอยหลัง!”
เฉพาะรัฐบาลเลือกตั้งยุคเครือข่าย “ทุนสามานย์เหลี่ยม” นอกจากโกงชาติแบบมิรู้จักพอเพียงแล้ว ยังเหิมเกริมบังอาจ “ล้มเจ้า” อีกต่างหาก!
นั่นเป็นข้อกล่าวหาทุกครั้งของการเกิด “วงจรอุบาทว์ในชาติไทย” ซึ่งนักการเมืองเลือกตั้งกับรัฐประหาร ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันและกันในทำนองว่า
“...เออ...ข้าชั่วแต่เอ็งก็ชั่วเหมือนกัน...” หรือ “...เฮ้ย...ข้าชั่ว...แต่เอ็งนั่นแหละชั่วกว่า...”
สรุปแล้ว...ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ประชาชนไทย ชิงชัง-รังเกียจ-ขยะแขยง-สาปแช่ง ฯลฯ เพราะมันเป็นเรื่อง “ชั่วช้าสามานย์” และเป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการ
เพราะประชาชนเลือก “นักการเมืองเข้าสภาฯ” ก็เพื่อทำความดีให้ชาติและประชาชน ไม่ได้เลือกให้ส่งเดชอ้างว่ามาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน เพื่อทำเรื่องชั่วร้ายและโกงชาติแน่นอน...จริงไหม?
จะว่าไป...ข้อกล่าวหาซึ่งกันและกันโดยส่วนใหญ่ของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย เป็นเรื่องรู้กันไปทั่วชาติไทยแล้วว่า “รัฐบาลมาจากเลือกตั้งโกงชาติ” นั้น-เป็นเรื่องจริง! แถมยังมีเรื่องจริงอีกเรื่อง ที่เกี่ยวข้องพัวพันกับรัฐบาลเลือกตั้งบางคณะ ซึ่งแอบไปร่วมมือกับขบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย โดยหวังจะเปลี่ยนระบอบการเมืองไทยจากพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นระบอบประธานาธิบดี
นั่นเป็นเหตุการณ์ในยุครัฐบาลเครือข่าย “เหลี่ยม” ที่โลภมากและชอบโกหกหลอกประชาชนว่าเป็น “คนดี” หลังการทำชั่วถูก “กรรมติดจรวดตามสนอง” จนต้องหลบหนีคำสั่งศาลให้จำคุก 2 ปี อีกทั้งมีหมายจับอีก 5-6 คดีจึงต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ต่างแดนตราบจนวันนี้
ส่วนกรณี “นักการเมืองเลือกตั้งโกงชาติ” ประณามรัฐบาลรัฐประหารว่า “ทำชาติถอยหลังลงคลอง” นั้น ก็เป็นเรื่องจริงมิใช่การให้ร้ายป้ายสีใดๆ เลย เพราะรัฐบาลยึดอำนาจรัฐด้วยปืนที่ผ่านมา ไม่เคยทำการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนแต่ประการใด แถมยังแก้ปัญหาแบบ “ไปตายเอาดาบหน้า” ด้วยการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยไม่ปฏิรูปชาติก่อนอีกด้วย
ดังนั้น “รัฐประหารเสียของเยี่ยวไม่สุด” จึงเป็นเรื่องของ “สมบัติชาติผลัดกันโกง” ระหว่างรัฐบาลเลือกตั้งกับรัฐประหารซึ่งทำให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ประชาชน ตกอยู่ในอันตรายมาโดยตลอด
ส่วนข้อครหาเรื่องการเล่นพรรคเล่นพวก ในการโยกย้ายแต่งตั้งทั้ง ส.ว.-ส.ส.-องค์กรอิสระ-ข้าราชการ-หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ นั้น ทั้งรัฐบาลมาจากเลือกตั้งและรัฐประหาร ล้วนมีการกระทำในการเล่นพรรคเล่นพวกไม่มากก็น้อยด้วยกันทั้งสิ้น...จริงไหม?
แต่การเล่นพรรคเล่นพวกนั้น ต้องดูผลงานที่ประจักษ์ 2 เรื่องเป็นหลัก นั่นคือ
ดูว่าหนึ่ง! “รัฐบาลใด” เอาคนดีมีคุณธรรมมากความสามารถหรือเอาพวกที่เป็นคนเลว ไร้คุณธรรมไร้ความสามารถเข้ามามีอำนาจในตำแหน่งสำคัญของรัฐบาลเป็นหลัก?
ดูว่าสอง! “รัฐบาลไหน” มีพวกคนดีเป็นใหญ่มากกว่าคนเลวหรือหาคนดีในตำแหน่งสำคัญๆ แทบไม่พบ?
เพราะแม้แต่เด็กประถมก็รู้ว่า เป็นไปไม่ได้เลย ที่รัฐบาลซึ่งมีคนเลวเป็นใหญ่มากกว่าคนดีนั้นจะเป็น “รัฐบาลดีเลิศประเสริฐศรี” จะสร้างผลงานดีงามให้ชาติและประชาชน...
ที่ผ่านมา “นายกฯ” และ “รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง” มีโอกาสจะทำดีเพื่อชาติเสมอ แม้สื่อและประชาชนจะรู้อยู่ว่า ทุกการเลือกตั้งต้องมีการใช้เงินซื้อเสียง มีการโกงเลือกตั้งสารพัดวิธี มีการใช้นโยบายประชานิยมผลาญเงินชาติ เพื่อหาเสียงกับผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน ฯลฯ ดังยุคเครือข่าย “ทุนสามานย์เหลี่ยม” เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
ส่งผลให้ “นายทุนสามานย์เหลี่ยมจัด” ชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียง ส.ส.ในสภาฯ เกินกึ่งหนึ่ง เพราะชาวไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ในเล่ห์ร้าย ทั้งเรื่อง “การโกงเลือกตั้ง” สารพัดวิธี รวมทั้ง “การโกหก” หลอกผู้คนว่าเป็น “คนดี” ฯลฯ
ถ้า “มหาเศรษฐีทุนสามานย์เหลี่ยมจัด” ลด-ละ-เลิกความละโมบ ทั้งเรื่องเงินทอง-ผลประโยชน์-อำนาจ ฯลฯ มหาเศรษฐีทุนสามานย์ “เหลี่ยม” คนนั้น ก็คงได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ไทยว่า “เขาเป็นมหาเศรษฐีนักการเมือง” ที่ยอมเสียสละความสุขส่วนตน มาทำการเมืองสร้างผลงานดีๆ ให้ชาติและประชาชน เหนือ “นักการเมืองหน้าไม่เหลี่ยม” ที่มาจากการเลือกตั้งคนอื่นๆ
แต่น่าเสียดายที่ “มหาเศรษฐีเหลี่ยม” กลับใช้เวลาช่วงเป็น “นายกฯ” และช่วงเครือข่ายมีอำนาจโกงชาติและทำชั่วสารพัด!
เฉกเช่นเดียวกัน ถ้า “นายพลเจ้าอารมณ์” ใช้ตั้งแต่วันแรกของการรัฐประหาร ปราบขบวนการโกงชาติ-ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน-ลดความเหลื่อมล้ำมิติต่างๆ ในสังคมไทยอย่างจริงจัง โดยเฉพาะทุ่มทำงานให้ผู้มีรายได้น้อยและคนจน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ฯลฯ เวลา 4 ปีกว่าที่ผ่านไป คงมีผลงานอันทรงคุณค่ามหาศาลต่อชาติและเป็นการคืนความสุขให้ประชาชนอย่างแท้จริง
โอ...ป่านนี้ “นายกฯ ตู่” คงเป็น “วีรบุรุษปราบโกงและปฏิรูปชาติ” ของชาติไทย ที่ประชาชนชื่นชอบ ยกย่องสรรเสริญ เรียกร้องให้สืบทอดตำแหน่งนายกฯ อย่างทรงเกียรติสมศักดิ์ศรีจริงไหม...
รูปการณ์จะมิใช่เช่นที่เห็น ว่าอยากสืบทอดอำนาจเป็น “นายกฯ” ด้วยวิธีไร้ศักดิ์ศรีและน่าละอาย กับการ “ใช้เครื่องสูบน้ำพญานาคซิ่ง-ดูดน้ำเน่า” เพื่อ “ฉีดน้ำเน่าเข้าไปแปดเปื้อนในสภาฯ” ดังปัจจุบันนี้!