xs
xsm
sm
md
lg

การสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมในการลดสารไดออกซินและลดมลพิษจากแหล่งกำเนิดความร้อนในภาคอุตสาหกรรมผ่านการใช้เชื้อเพลิง LPG ให้แก่เยาวชน ประจำปีงบประมาณ 2561

เผยแพร่:   โดย: ศ.ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์,โฉมศรี ชูช่วย, วรนุช ดีละมัน, มัทนาวดี หัทยานนท์, ณัฐพงษ์ เอียดเต็ม


ศาสตราจารย์ญาณวิทย์ ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์
คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
นางสาว โฉมศรี ชูช่วย
นางสาว วรนุช ดีละมัน
นางสาว มัทนาวดี หัทยานนท์
นาย ณัฐพงษ์ เอียดเต็ม
คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์


จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลกส่งผลให้เกิดความต้องการปัจจัยในด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ทั้งภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นภาคการผลิต จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขยายขนาดการผลิตให้มากขึ้น เพื่อเพียงพอต่อความต้องการของประชากรได้อย่างเพียงพอ ปกติแล้วเมื่อมีการขยายตัวของภาคการผลิตก็จะมีการใช้ทรัพยากรที่เป็นปัจจัยในการผลิตเพิ่มขึ้นตามมา และในกระบวนการผลิตบางขั้นตอนมีจำเป็นต้องใช้สารเคมีมาเป็นส่วนหนึ่งในการผลิต หรือเมื่อทำการผลิตเรียบร้อยแล้วอาจจะมีการปล่อยของเสียที่เป็นอันตรายออกสู่สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาพบว่ามีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด หลายประเทศมีความต้องการพลังงานเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ภาคการขนส่ง ภาคเกษตรกรรม และภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง การเผาไหม้เชื้อเพลิงจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสารมลพิษทางอากาศต่างๆ อาทิ ฝุ่นละออง ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ก๊าซไดออกไซด์ของไนโตรเจนในรูปของไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nox, No2) รวมทั้งไดออกซินและฟูแรน (Dioxin/Furan) [1] ซึ่งเป็นผลผลิตทางเคมีที่เกิดขึ้นโดยไม่จงใจจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ และจัดเป็นสารมลพิษที่ตกค้างยาวนานในสิ่งแวดล้อม สามารถสะสมได้ดีในเนื้อเยื่อสิ่งมีชีวิตถ่ายทอดได้ทางห่วงโซ่อาหารและยังเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ เนื่องจากการปล่อยของเสียที่เป็นอันตรายออกสู่แหล่งรองรับ ทางน้ำ อากาศ จนมีการปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะปนเปื้อนเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร เป็นเส้นทางที่มนุษย์จะได้รับสารพิษเข้สู่ร่างกาย จนก่อให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาทั้ง ทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และ สังคม [2] ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการป้องกัน และ การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการปนเปื้อนของสารพิษ และปัญหาที่จะเกิดตามมาในอนาคต ด้วยเหตุผลดังกล่าวทางรัฐบาลจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการกระตุ้นจิตสำนึกของเยาวชนรวมทั้งส่งเสริมให้เกิดความตระหนักต่อภัยเงียบที่เกิดจากการรับสารไดออกซินเข้าสู่ร่างกาย

ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเรื่องปัญหาพลังงานที่จะเกิดขึ้นปัจจุบันรัฐบาลจึงมีการสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีการลดการใช้พลังงาน และมุ่งเน้นในการพัฒนาและหาพลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆที่ประเทศไทยสามารถสร้างและจัดการได้จากทรัพยากรภายในประเทศรวมทั้งการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ดีที่สุด (Best Available Techniques) และ แนวปฏิบัติทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด (Best Environmental Practices) ตามนโยบายขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) [3]

ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองแนวนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งหน่วยงานที่เห็นความสำคัญ และต้องการส่งเสริมและเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับสารมลพิษไดออกซิน จึงได้มีการจัดโครงการสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมในการลดสารไดออกซินและลดมลพิษจากแหล่งกำเนิดความร้อนในภาคอุตสาหกรรมผ่านการใช้เชื้อเพลิง LPG ให้แก่เยาวชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝั่งให้เยาวชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารไดออกซินเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้นักเรียนมีองค์ความรู้เกี่ยวการการลดมลพิษจากแหล่งกำเนิดความร้อนในภาคอุตสาหกรรมผ่านการใช้เชื้อเพลิง LPG ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเป็นจุดเริ่มต้นให้เยาวชนสามารถรวมกลุ่ม ในการเผยแพร่และสร้างสรรค์กิจกรรมทางสิ่งแวดล้อมฯ ตามวุฒิภาวะที่พึงกระทำได้ และเป็นการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนสามารถแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ในการซักถามต่อประเด็นด้านมลพิษที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยโครงการนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2561

โครงการครั้งนี้ได้จะดำเนินการฝึกอบรมให้แก่นักเรียนในประเทศเทศไทยจำนวน 15 โรงเรียนในภาคใต้ 5 โรงเรียน กรุงเทพมหานคร 5 โรงเรียน และภาคตะวันออก 5 โรงเรียน สำหรับการดำเนินงานจะมุ่งเน้นการให้ความรู้พื้นฐานและปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ มีการใช้สื่ออุปกรณ์ในการสอนที่ทันสมัย เช่น อินโฟกราฟฟิก (Info graphics) การใช้สื่อแบบภาพเคลื่อนไหว (Motion Clips) เพื่อง่ายต่อการอธิบาย และสร้างความเข้าใจแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยเนื้อหาสำคัญของโครงการจะมุ่งเน้นในเรื่องของสารไดออกซินและการลดมลพิษจากแหล่งกำเนิดความร้อนในภาคอุตสาหกรรมผ่านการใช้เชื้อเพลิง LPG ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยมีวิทยากรที่มีความรู้เป็นผู้ดำเนินโครงการ

ผลการศึกษาพบว่าการประเมินความรู้ของนักเรียนทั้ง 15 โรงเรียนก่อนการเข้าฝึกอบรมและหลังจากผ่านการฝึกอบรมนักเรียนมีความรู้เพิ่มมากขึ้น โดยมีค่าอยู่ในช่วงร้อยละ 12-28 ซึ่งความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นของนักเรียนทั้ง 15 โรงเรียนมีค่าอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยค่าเฉลี่ยร้อยละของความรู้ที่เพิ่มขึ้นของนักเรียนในเขตภาคใต้มีค่าสูงที่สุดคือ 21.38 รองลงมาคือเขตกรุงเทพมหานครคือ 21.14 และเขตภาคตะวันออกคือ 18.94 ตามลำดับ

จากการฝึกอบรมสามารถสรุปความสนใจของนักเรียนในแต่ละเขตพื้นที่ได้ว่า ก่อนการฝึกอบรมนักเรียนจากทุกเขตพื้นที่มีความสนใจและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารไดออกซินที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งในส่วนของความรู้เกี่ยวกับสารไดออกซินนั้น พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้พื้นฐานในเรื่องสารไดออกซินมาก่อนแต่จะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารมลพิษชนิดอื่น แต่หลังจากฝึกอบรมเสร็จสิ้นทำให้นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับสารไดออกซินเพิ่มมากขึ้นและสามารถวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น, ยกตัวอย่างแหล่งที่มาของสารไดออกซินที่สามารถปลดปล่อยออกสู่ธรรมชาติได้ รวมไปถึงยังสามารถกระตุ้นให้นักเรียนมีตระหนักและสร้างความเข้าใจที่เพิ่มมากขึ้นถึงความเป็นพิษของสารไดออกซิน และแนวทางที่จะหลีกเลี่ยงหรือป้องกันการได้รับสารไดออกซินได้อย่างไรบ้าง โดยความรู้ความเข้าใจที่ได้จากการฝึกอบรมในครั้งนี้นักเรียนสามารถไปปรับใช้ในชีวิตประจำเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับและปลดปล่อยสารไดออกซินออกสู่สิ่งแวดล้อมและนักเรียนยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ให้แก่ครอบครัวหรือชุมชนที่อยู่อาศัยได้ต่อไปในอนาคตอีกด้วย

ในด้านของความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการฝึกอบรมโดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบประเมินสอบถามเรื่องความรู้ความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับสารไดออกซินด้วยเครื่องมือทางสถิติ พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจในระดับที่ดีถึงดีมาก อาจเป็นเพราะการฝึกอบรมในครั้งนี้สอดคล้องกับลักษณะของการจัดกิจกรรม และการนำสื่อการสอนที่ทันสมัยโดยใช้เครื่องมือสื่อสารในรูปแบบใหม่อย่าง Infographics และ motion clip มาใช้ในระหว่างการฝึกอบรมทำให้ง่ายต่อความเข้าใจของนักเรียนและมีความสนุกในการเรียนรู้สิ่งใหม่ จากเนื้อหาที่ยากทำให้สนุกและเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสื่อที่ดีและเหมาะสมกับการส่งเสริมการเรียนรู้แบบใหม่ให้แก่นักเรียน และนอกจากนี้เนื้อหาที่นำมาสอนมีความเหมาะสมกับวัยและความสนใจโดยเนื้อหาที่นำมาฝึกอบรมมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ภาษาที่ใช้เข้าใจได้ง่าย ภาพประกอบชัดเจน ดังนั้นจึงทำให้ผลการประเมินการฝึกอบรมในครั้งนี้นักเรียนมีความความพึงพอใจในระดับดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพึงพอใจในด้านของความรู้ก่อนและหลังการฝึกอบรม และยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้นักเรียนมีความรู้สึกอยากอนุรักษ์พลังงานและลดการปลดปล่อยสารไดออกซินให้น้อยลงด้วย แสดงให้เห็นว่าการอบรมในครั้งนี้ช่วยส่งเสริมให้นักเรียนเห็นถึงความสำคัญและคุณประโยชน์ของอันตรายจากสารไดออกซิน ซึ่งนำไปสู่การระมัดระวังและศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารไดออกซิน รวมถึงวิธีการที่จะช่วยลดการปลดปล่อยสารมลพิษซึ่งมีผลกระทบทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และเพื่อเป็นการให้ความรู้กับเยาวชนรุ่นต่อไปในอนาคต ดังนั้นโครงการนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ทำให้เยาวชนเริ่มตระหนักและมีส่วนร่วมในการช่วยกันลดการปลดปล่อยมลพิษจากภาคอุตสาหกรรมออกสู่สิ่งแวดล้อมซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ในอนาคต ดังนั้นถือได้ว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ทำให้เยาวชนได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารไดออกซินและการลดมลพิษจากแหล่งกำเนิดความร้อนในภาคอุตสาหกรรมผ่านการใช้เชื้อเพลิง LPG ให้แก่กลุ่มเยาวชนเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมในอนาคตให้มีความรู้ความเข้าใจและเตรียมพร้อมที่จะสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของชาติสืบไปในอนาคต นอกจากนี้เยาวชนยังมีข้อเสนอแนะให้มีการจัดโครงการอบรมในเรื่องของพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการให้ความรู้กับเยาวชนรุ่นต่อไปในอนาคต

เอกสารอ้างอิง
[1] Mike. R, CROPS & CARBON: PAYING FARMERS TO COMBAT CLIMATE CHANGE, Earthscan, 2011, 300 pages, ISBN: 978-1-84971-375-7 (hbk), Book Review. Economic Analysis & Policy, Vol. 43 No. 1, MARCH 2013.
[2] Berg. M. V. d., Birnbaum, L. S., Denison, M., Vito, M. D., Farland, W., Feeley, M., Fiedler, H., Hakansson, H., Hanberg, A., Haws, L., Rose, M., Safe, S., Schrenk, D., Tohyama, C., Tritscher, A., Tuomisto, J., Tysklind, M., Walker, N. & Peterson, R. E., 2006. Review the 2005, World Health Organization reevaluation of human and mammalian toxic equivalency factors for dioxins and dioxins-like compounds, Toxicological sciences 93(2),223-241.
[3] Fiedler, H., 2007. National PCDD/PCDF release inventories under the Stockholm Convention on Persistent Organic Pollutants, Chemosphere 67, 96–108.



กำลังโหลดความคิดเห็น