ผู้จัดการรายวัน 360 - "บิ๊กแป๊ะ" ยันให้ความเป็นธรรมกรณีพ่อเครียดโดดตึกศาลเสียชีวิต หลังยกฟ้องคดีลูกชายถูกแทงตาย สั่งรับบางคดีมีข้อจำกัดในการหาพยาน หลักฐาน ส่วนทีระบุว่าตำรวจให้หาหลักฐานเองนั้น ต้องสอบสถานีตำรวจเจ้าของคดี "พล.ต.ท.ชาญเทพ" สั่งรื้อสำนวนคดีลูกเหยื่อโดดตึกศาลอาญาแล้ว พร้อมเรียกสำนวนยิงถล่มงานศพเหยื่อในวัดย่านห้วยขวาง จนมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ศพ ตรวจสอบหาความเชื่อมโยงของทั้งสองคดี "พล.ต.ต.สมพงษ์" รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับหากไร้หลักฐานใหม่คงรื้อคดีอยาก
วานนี้ (25 ก.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีนายศุภชัย คัฬหสุนทร กระโดดลงมาจากชั้น 8 อาคารศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก จนเสียชีวิตเนื่องจากเกิดความเครียดและผิดหวังที่ศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่นายธนิต คัฬหสุนทร ลูกชาย ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2559 ที่ผ่านมา ว่า เรื่องนี้ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ลงไปดูเกิดอะไรขึ้น สำนวนมีความบกพร่องตรงจุดใด แล้วให้กลับมาชี้แจง เพราะเรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการไปเรียบร้อยแล้ว
"ที่ผ่านมาตนกำชับตลอด ทุกคดีต้องสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่และให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคดีดังหรือไม่ดัง แต่บางคดีก็มีข้อจำกัดในเรื่องการหาพยานหลักฐาน เช่นกล้องวงจรปิดใช้ไม่ได้ มองไม่เห็น หรือหลักฐานไปไม่ถึงจริงๆ ตรงนี้อาจจะเป็นจุดอ่อนของสำนวนได้ ซึ่งเรื่องกล้องวงจรปิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็กำชับตลอด เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการสืบสวนสอบสวน" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
ส่วนประเด็นครอบครัวของผู้เสียหายระบุตำรวจให้ครอบครัวแสวงหาพยานหลักฐานฝ่ายเดียวนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ต้องสอบถามไปยังสถานีตำรวจนครบาลที่เป็นเจ้าของคดี เพราะทุกคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจแสวงหาพยานหลักฐานเต็มที่อยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ โดยปกติตำรวจจะแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานก่อน และเรื่องนี้ก็ไปถึงศาลชั้นต้นแล้ว จากนี้ก็ต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ถ้าหากญาติผู้เสียหายจะขอรื้อหรือโอนคดีไปกองปราบปรามก็เป็นสิทธิ์ของญาติ แต่ก็ต้องพิจารณาว่าสามารถทำได้หรือไม่
พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เรียกหัวหน้างานสอบสวน สน.ดินแดง มาพบแล้ว และสั่งให้ตรวจสอบว่าบกพร่องตรงไหนบ้าง โดยต้องใช้เวลาต้องไปดูคำพิพากษาของศาลว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ตนได้ตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลคดีว่าจะช่วยเหลือผู้เสียหายได้อย่างไรบ้าง ยังมีส่วนไหนที่ยังบกพร่อง ก่อนที่คดีจะเข้าสู่ขั้นตอนอุทธรณ์ โดยให้เวลาทำงานประมาณ 15 วัน ก่อนจะมารายงานผลเรื่องนี้ที่ตนอีกครั้ง
ส่วนประเด็นการตั้งข้องสังเกตผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพล อาจจะได้รับการช่วยเหลือจากพนักงานสอบสวนนั้น พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า คดีที่ศาลยกฟ้องมีคดีเดียวหรือไม่ แต่บังเอิญพ่อของเด็กที่เสียชีวิตคาดหวังมาก และผิดหวังในคำตัดสิน จึงเกิดเหตุเศร้าสลดขึ้น ถามว่า 100 คดี จะสามารถหาพยานหลักฐานให้ครบทั้งหมดก็ไม่ใช่ง่าย เราต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
พร้อมกันนี้ ตนจะเรียกสำนวนคดีที่เกิดขึ้นในท้องที่ สน.ห้วยขวาง กรณีวันสวดศพ “นายธนิต คัฬหสุนทร” และได้มีกลุ่มวัยรุ่นยกพวกมาทะเลาะวิวาทและยิงกันหน้าวัด จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย มาตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อหาความเชื่อมโยงของทั้งสองคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ให้เป็นหัวหน้าคณะทำงาน คงทำได้แค่ดูข้อบกพร่องในส่วนต่างๆ โดยต้องให้พนักงานสอบสวนไปขอคัดคำพิพากษามาตรวจสอบ ตามหลักกฎหมาย หากไม่มีพยานหลักฐานใหม่ การรื้อฟื้นคดีก็จะค่อนข้างยาก ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อนว่าการดำเนินการที่ผ่านมามีข้อบกพร่องตรงไหน ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่ได้ดูสำนวนคดีดังกล่าว แต่จะเรียกชุดพนักงานสอบสวนมาร่วมประชุม เพื่อกำหนดทิศทางในการทำงาน
วานนี้ (25 ก.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีนายศุภชัย คัฬหสุนทร กระโดดลงมาจากชั้น 8 อาคารศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก จนเสียชีวิตเนื่องจากเกิดความเครียดและผิดหวังที่ศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่นายธนิต คัฬหสุนทร ลูกชาย ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2559 ที่ผ่านมา ว่า เรื่องนี้ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ลงไปดูเกิดอะไรขึ้น สำนวนมีความบกพร่องตรงจุดใด แล้วให้กลับมาชี้แจง เพราะเรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการไปเรียบร้อยแล้ว
"ที่ผ่านมาตนกำชับตลอด ทุกคดีต้องสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่และให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคดีดังหรือไม่ดัง แต่บางคดีก็มีข้อจำกัดในเรื่องการหาพยานหลักฐาน เช่นกล้องวงจรปิดใช้ไม่ได้ มองไม่เห็น หรือหลักฐานไปไม่ถึงจริงๆ ตรงนี้อาจจะเป็นจุดอ่อนของสำนวนได้ ซึ่งเรื่องกล้องวงจรปิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็กำชับตลอด เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการสืบสวนสอบสวน" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
ส่วนประเด็นครอบครัวของผู้เสียหายระบุตำรวจให้ครอบครัวแสวงหาพยานหลักฐานฝ่ายเดียวนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ต้องสอบถามไปยังสถานีตำรวจนครบาลที่เป็นเจ้าของคดี เพราะทุกคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจแสวงหาพยานหลักฐานเต็มที่อยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ โดยปกติตำรวจจะแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานก่อน และเรื่องนี้ก็ไปถึงศาลชั้นต้นแล้ว จากนี้ก็ต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ถ้าหากญาติผู้เสียหายจะขอรื้อหรือโอนคดีไปกองปราบปรามก็เป็นสิทธิ์ของญาติ แต่ก็ต้องพิจารณาว่าสามารถทำได้หรือไม่
พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เรียกหัวหน้างานสอบสวน สน.ดินแดง มาพบแล้ว และสั่งให้ตรวจสอบว่าบกพร่องตรงไหนบ้าง โดยต้องใช้เวลาต้องไปดูคำพิพากษาของศาลว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ตนได้ตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลคดีว่าจะช่วยเหลือผู้เสียหายได้อย่างไรบ้าง ยังมีส่วนไหนที่ยังบกพร่อง ก่อนที่คดีจะเข้าสู่ขั้นตอนอุทธรณ์ โดยให้เวลาทำงานประมาณ 15 วัน ก่อนจะมารายงานผลเรื่องนี้ที่ตนอีกครั้ง
ส่วนประเด็นการตั้งข้องสังเกตผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพล อาจจะได้รับการช่วยเหลือจากพนักงานสอบสวนนั้น พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า คดีที่ศาลยกฟ้องมีคดีเดียวหรือไม่ แต่บังเอิญพ่อของเด็กที่เสียชีวิตคาดหวังมาก และผิดหวังในคำตัดสิน จึงเกิดเหตุเศร้าสลดขึ้น ถามว่า 100 คดี จะสามารถหาพยานหลักฐานให้ครบทั้งหมดก็ไม่ใช่ง่าย เราต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
พร้อมกันนี้ ตนจะเรียกสำนวนคดีที่เกิดขึ้นในท้องที่ สน.ห้วยขวาง กรณีวันสวดศพ “นายธนิต คัฬหสุนทร” และได้มีกลุ่มวัยรุ่นยกพวกมาทะเลาะวิวาทและยิงกันหน้าวัด จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย มาตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อหาความเชื่อมโยงของทั้งสองคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ให้เป็นหัวหน้าคณะทำงาน คงทำได้แค่ดูข้อบกพร่องในส่วนต่างๆ โดยต้องให้พนักงานสอบสวนไปขอคัดคำพิพากษามาตรวจสอบ ตามหลักกฎหมาย หากไม่มีพยานหลักฐานใหม่ การรื้อฟื้นคดีก็จะค่อนข้างยาก ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อนว่าการดำเนินการที่ผ่านมามีข้อบกพร่องตรงไหน ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่ได้ดูสำนวนคดีดังกล่าว แต่จะเรียกชุดพนักงานสอบสวนมาร่วมประชุม เพื่อกำหนดทิศทางในการทำงาน