นายทรงวุฒิ กลิ่นพาณิชย์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดตลิ่งชัน นัดพิจารณาเพื่อไต่สวนในคดีที่มีกลุ่มผู้เสียหาย15 คน ได้รับความเดือดร้อนจากการถูก บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เรียกเก็บดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราเกินกว่าที่กม.กำหนด โดยผู้เสียหายทั้ง15 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในผู้เสียหายนับล้านราย ที่ใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของจำเลย ที่เป็นผู้ประกอบการให้กู้ยืมสินเชื่อรถประเภทต่างๆรายใหญ่อันดับ 1 ที่มีสาขากว่า 2,638 สาขา โดยร้องขอให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม
ทั้งนี้ เนื้อหาการฟ้องคดีดังกล่าว เนื่องจากบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งไม่ได้เป็นสถาบันการเงินตามกม. ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดพ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) มาตรา 654 โดยการคิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียม ไม่เป็นไปตามที่กม.กำหนด คือ เกินกว่า 15% โดยกลุ่มผู้เสียหายขอให้ทางบริษัท คืนเงินค่าดอกเบี้ยที่เรียกเก็บเกินกว่าที่กม.กำหนด ให้กับผู้เสียหาย สมาชิกกลุ่ม และผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่มาใช้บริการ ที่ลักษณะความเสียหายเช่นเดียวกัน พร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 นับจากวันที่คิดดอกเบี้ยเกิน ประเมินว่า ยอดเงินที่จะเรียกคืนให้กับผู้เสียหายย้อนหลังไปได้ 5 ปี เป็นยอดกว่าหมื่นล้านบาท โดยคิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับ ของบริษัทย้อนหลัง 5 ปี ตามที่ปรากฏ ในงบการเงินที่นำส่งกับหน่วยงานราชการ หากศาลวินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวมีความผิดจริง
"แนวทางการต่อสู้ คือ พวกเราจะยึดประเด็นแนวกฎหมายที่ปรากฏในคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 5298/2551 ประเด็น การคิดดอกเบี้ยคงที่ (Flat rate)เมื่อคำนวณเป็นดอกเบี้ยตามอัตราปกติ (Effective rate)หากเกินกว่าอัตรา ร้อยละ 15 ต่อปี ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 654 และ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 13835/2553 ประเด็นเกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ยของบริษัทจำกัด ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินตามกฎหมาย ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินต่างหากจากดอกเบี้ยปกติ ที่เรียกเก็บโดยใช้ชื่อเรียกแตกต่างออกไป แต่ผลประโยชน์ดังกล่าว ก็เป็นค่าตอบแทนที่ได้จากการกู้ยืมเงิน
ดังนั้น เงินที่คิดเป็นค่าบริการครั้งแรก และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินดังกล่าว จึงเป็นดอกเบี้ยของสัญญากู้ยืมเงิน คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 2131/2560 ประเด็น หากเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กม.กำหนด ดอกเบี้ยทั้งหมด จะตกเป็นโมฆะ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ เหมือนกับคดีของ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งจำเลย ในคดีที่คล้ายกัน คือ เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
แหล่งข่าวแจ้งว่า มีกลุ่มผู้เสียหายยื่นฟ้องแบบกลุ่ม เพื่อเรียกค่าเสียหายในส่วนของดอกเบี้ยที่เกินกว่า กม.กำหนด โดยมีกำหนดนัดไต่สวน นัดแรก วันที่ 27 ส.ค.นี้ ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดา
ทั้งนี้ เนื้อหาการฟ้องคดีดังกล่าว เนื่องจากบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งไม่ได้เป็นสถาบันการเงินตามกม. ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดพ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) มาตรา 654 โดยการคิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียม ไม่เป็นไปตามที่กม.กำหนด คือ เกินกว่า 15% โดยกลุ่มผู้เสียหายขอให้ทางบริษัท คืนเงินค่าดอกเบี้ยที่เรียกเก็บเกินกว่าที่กม.กำหนด ให้กับผู้เสียหาย สมาชิกกลุ่ม และผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่มาใช้บริการ ที่ลักษณะความเสียหายเช่นเดียวกัน พร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 นับจากวันที่คิดดอกเบี้ยเกิน ประเมินว่า ยอดเงินที่จะเรียกคืนให้กับผู้เสียหายย้อนหลังไปได้ 5 ปี เป็นยอดกว่าหมื่นล้านบาท โดยคิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับ ของบริษัทย้อนหลัง 5 ปี ตามที่ปรากฏ ในงบการเงินที่นำส่งกับหน่วยงานราชการ หากศาลวินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวมีความผิดจริง
"แนวทางการต่อสู้ คือ พวกเราจะยึดประเด็นแนวกฎหมายที่ปรากฏในคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 5298/2551 ประเด็น การคิดดอกเบี้ยคงที่ (Flat rate)เมื่อคำนวณเป็นดอกเบี้ยตามอัตราปกติ (Effective rate)หากเกินกว่าอัตรา ร้อยละ 15 ต่อปี ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 654 และ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 13835/2553 ประเด็นเกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ยของบริษัทจำกัด ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินตามกฎหมาย ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินต่างหากจากดอกเบี้ยปกติ ที่เรียกเก็บโดยใช้ชื่อเรียกแตกต่างออกไป แต่ผลประโยชน์ดังกล่าว ก็เป็นค่าตอบแทนที่ได้จากการกู้ยืมเงิน
ดังนั้น เงินที่คิดเป็นค่าบริการครั้งแรก และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินดังกล่าว จึงเป็นดอกเบี้ยของสัญญากู้ยืมเงิน คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 2131/2560 ประเด็น หากเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กม.กำหนด ดอกเบี้ยทั้งหมด จะตกเป็นโมฆะ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ เหมือนกับคดีของ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งจำเลย ในคดีที่คล้ายกัน คือ เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
แหล่งข่าวแจ้งว่า มีกลุ่มผู้เสียหายยื่นฟ้องแบบกลุ่ม เพื่อเรียกค่าเสียหายในส่วนของดอกเบี้ยที่เกินกว่า กม.กำหนด โดยมีกำหนดนัดไต่สวน นัดแรก วันที่ 27 ส.ค.นี้ ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดา