ผู้จัดการรายวัน 360 - ผลสอบ “อควาเรียมหอยสังข์” ที่ใช้งบกว่า 1,400 ล้านบาทสร้างมาแล้วกว่า 10 ปียังไม่เสร็จ เผยพบประเด็นทุจริตมีมูล แก้แบบเอื้อผู้รับเหมาหลายครั้ง ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มต้นโครงการโดนหมด ศธ.ตั้งกรรมการสอบวินัย พร้อมส่งเรื่องให้ ปปช.ดำเนินคดีข้อหาทุจริต เล็งตั้งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบก่อนเสนอ ครม.โอนโครงการให้กรมทรัพย์ฯ ปิดจ๊อบ
แหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน 360" เกี่ยวกับความคืบหน้าของการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” ที่เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2551 ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาทแต่จนถึงขณะนี้ยังก่อสร้างไม่เสร็จ
โดยแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ บอก ว่า ขณะนี้การตรวจสอบของคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ปัญหาทุจริตของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสร็จสิ้นแล้ว โดยพบว่า มีมูลเหตุของการทุจริตที่มีข้าราชการระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ในระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และเตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ดำเนินการทางกฎหมายในคดีทุจริตต่อไป
โดยโครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2551 ตามหลักการประมูลงานของภาครัฐ ผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้า 15 เปอร์เซ็นต์ให้กับผู้รับเหมา โครงการนี้ก็เป็นเงิน 125 ล้าน แต่ผู้รับเหมาไม่มีการรายงานความคืบหน้า สุดท้ายพบว่ามีการแก้แบบ โดยนำรายละเอียดงานในส่วนสำคัญที่เกี่ยวกับระบบการเลี้ยงสัตว์น้ำไปไว้ข้างหลังและนำรายละเอียดในส่วนงานที่ไม่สำคัญขึ้นมาทำก่อน ซึ่งเป็นการแก้แบบที่เอื้อให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง
“ที่แย่ไปกว่านั้นอีกก็คือ ได้เงินล่วงหน้า 15 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว มันก็ควรจะทำตามแบบถูกมั้ย พอมันแก้แบบมันก็ไม่ต้องตรวจรับงานก็หายไปเลยตรงนั้น พูดง่ายๆ คือเอาเงินทอนไปเรียบร้อยแล้ว”
แหล่งข่าวกล่าวว่า ต่อมาได้มีการแก้แบบอีก 3 ครั้ง จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่ถูกชี้มูลความผิด เนื่องจากมีการแก้แบบถึง 100 กว่ารายการ โดยแจ้งกับสำนักงบประมาณว่า ตัดส่วนรายการที่ไม่จำเป็นกว่า 100 รายการออกจากแบบแแปลนเดิมของโครงการ
“เพราะว่าวันที่จบโครงการถ้าไม่ตรวจรับหรือว่าไม่มีเหตุพอ ก็จะโดนปรับวันละแปดหมื่นกว่าบาท เลยแก้ว่ายังไม่เสร็จแต่ว่าในส่วนของรายการส่วนประกอบที่จำเป็นของโครงการกลับไม่มี”
แหล่งข่าวกล่าวและว่า ตามความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าความไม่ชอบมาพากลในโครงการก่อสร้าง “อควาเรียมหอยสังข์” ยุคแรกๆ น่าจะเกิดจากนักการเมือง แต่ยุคหลังๆ น่าจะเป็นข้าราชการที่มาสวมรอยต่อ ซึ่งจากการที่เคยลงไปตรวจดูในสถานที่ก่อสร้างพบว่า ซีลตู้กระจกเริ่มเสียหายและจะต้องทำใหม่ทั้งหมด เนื่องจากตู้กระจกหมดจะต้องรับปริมาณน้ำถึง 50 ตัน หากเสียหายขึ้นมาขณะเปิดดำเนินการซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงตามมาได้
“ก็สรุปว่าในแง่ทุจริตนี่ ตอนนี้เราจับได้หมดแล้ว มีรายงานเป็นทางการหมดแล้ว บุคคลที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มจ่ายเงินมัดจำล่างหน้า 125 ล้าน มาจนกระทั่งคนที่แก้แบบตั้งแต่ครั้งแรก จนถึงครั้งสุดท้าย ”
นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่สำคัญ คือ การสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลาต่อให้เสร็จ เบื้องต้นคาดว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญขึ้นมาตรวจสอบ และจะให้ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมาจัดการดูแลการก่อสร้างต่อให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะต้องเสนอ ครม.อนุมัติต่อไป คาดว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2550 สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายวิจิตร ศรีสอ้าน เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ โดยทางสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา ที่มีนายวีระศักดิ์ วงศ์สมบัติ เป็นเลขาธิการ ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขออนุมัติทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันประจำปีงบประมาณ 2550 และได้รับการอนุมัติในเดือนสิงหาคม 50 โดยนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกฯ ลงนามในหนังสือเห็นชอบ ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการก่อหนี้ผูกพัน อันเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของโครงการนี้
โดยเริ่มในส่วนของที่ดินและโครงสร้างอาคารที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาโครงการเดินทางมาติดตามความคืบหน้าโครงการนั่นเอง ซึ่งตลอดการดำเนินโครงการ ได้มีการใช้จ่ายซึ่งเป็นงบประมาณผูกพันต่อเนื่องรวมไปแล้ว จำนวน 1,404 ล้านบาท ผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปียังก่อสร้างไม่เสร็จจนกระทั่งกระทรวงศึกษาธิการตั้งกรรมการตรวจสอบและพบว่ามีมูลการทุจริตดังกล่าว
แหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน 360" เกี่ยวกับความคืบหน้าของการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” ที่เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2551 ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาทแต่จนถึงขณะนี้ยังก่อสร้างไม่เสร็จ
โดยแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ บอก ว่า ขณะนี้การตรวจสอบของคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ปัญหาทุจริตของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสร็จสิ้นแล้ว โดยพบว่า มีมูลเหตุของการทุจริตที่มีข้าราชการระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ในระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และเตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ดำเนินการทางกฎหมายในคดีทุจริตต่อไป
โดยโครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2551 ตามหลักการประมูลงานของภาครัฐ ผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้า 15 เปอร์เซ็นต์ให้กับผู้รับเหมา โครงการนี้ก็เป็นเงิน 125 ล้าน แต่ผู้รับเหมาไม่มีการรายงานความคืบหน้า สุดท้ายพบว่ามีการแก้แบบ โดยนำรายละเอียดงานในส่วนสำคัญที่เกี่ยวกับระบบการเลี้ยงสัตว์น้ำไปไว้ข้างหลังและนำรายละเอียดในส่วนงานที่ไม่สำคัญขึ้นมาทำก่อน ซึ่งเป็นการแก้แบบที่เอื้อให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง
“ที่แย่ไปกว่านั้นอีกก็คือ ได้เงินล่วงหน้า 15 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว มันก็ควรจะทำตามแบบถูกมั้ย พอมันแก้แบบมันก็ไม่ต้องตรวจรับงานก็หายไปเลยตรงนั้น พูดง่ายๆ คือเอาเงินทอนไปเรียบร้อยแล้ว”
แหล่งข่าวกล่าวว่า ต่อมาได้มีการแก้แบบอีก 3 ครั้ง จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่ถูกชี้มูลความผิด เนื่องจากมีการแก้แบบถึง 100 กว่ารายการ โดยแจ้งกับสำนักงบประมาณว่า ตัดส่วนรายการที่ไม่จำเป็นกว่า 100 รายการออกจากแบบแแปลนเดิมของโครงการ
“เพราะว่าวันที่จบโครงการถ้าไม่ตรวจรับหรือว่าไม่มีเหตุพอ ก็จะโดนปรับวันละแปดหมื่นกว่าบาท เลยแก้ว่ายังไม่เสร็จแต่ว่าในส่วนของรายการส่วนประกอบที่จำเป็นของโครงการกลับไม่มี”
แหล่งข่าวกล่าวและว่า ตามความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าความไม่ชอบมาพากลในโครงการก่อสร้าง “อควาเรียมหอยสังข์” ยุคแรกๆ น่าจะเกิดจากนักการเมือง แต่ยุคหลังๆ น่าจะเป็นข้าราชการที่มาสวมรอยต่อ ซึ่งจากการที่เคยลงไปตรวจดูในสถานที่ก่อสร้างพบว่า ซีลตู้กระจกเริ่มเสียหายและจะต้องทำใหม่ทั้งหมด เนื่องจากตู้กระจกหมดจะต้องรับปริมาณน้ำถึง 50 ตัน หากเสียหายขึ้นมาขณะเปิดดำเนินการซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงตามมาได้
“ก็สรุปว่าในแง่ทุจริตนี่ ตอนนี้เราจับได้หมดแล้ว มีรายงานเป็นทางการหมดแล้ว บุคคลที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มจ่ายเงินมัดจำล่างหน้า 125 ล้าน มาจนกระทั่งคนที่แก้แบบตั้งแต่ครั้งแรก จนถึงครั้งสุดท้าย ”
นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่สำคัญ คือ การสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลาต่อให้เสร็จ เบื้องต้นคาดว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญขึ้นมาตรวจสอบ และจะให้ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมาจัดการดูแลการก่อสร้างต่อให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะต้องเสนอ ครม.อนุมัติต่อไป คาดว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2550 สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายวิจิตร ศรีสอ้าน เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ โดยทางสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา ที่มีนายวีระศักดิ์ วงศ์สมบัติ เป็นเลขาธิการ ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขออนุมัติทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันประจำปีงบประมาณ 2550 และได้รับการอนุมัติในเดือนสิงหาคม 50 โดยนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกฯ ลงนามในหนังสือเห็นชอบ ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการก่อหนี้ผูกพัน อันเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของโครงการนี้
โดยเริ่มในส่วนของที่ดินและโครงสร้างอาคารที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาโครงการเดินทางมาติดตามความคืบหน้าโครงการนั่นเอง ซึ่งตลอดการดำเนินโครงการ ได้มีการใช้จ่ายซึ่งเป็นงบประมาณผูกพันต่อเนื่องรวมไปแล้ว จำนวน 1,404 ล้านบาท ผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปียังก่อสร้างไม่เสร็จจนกระทั่งกระทรวงศึกษาธิการตั้งกรรมการตรวจสอบและพบว่ามีมูลการทุจริตดังกล่าว