ผู้จัดการรายวัน360- ผบ.ตร. เตรียมเรียกดูสำนวนเก่า ปมดิ่งตึกศาลอาญาฯ ย้ำให้ความยุติธรรม หากพบตำรวจผิดพร้อมดำเนินการ ด้าน ผบช.น. ตั้งคณะทำงานตรวจสอบหาหลักฐานใหม่เพื่อยื่นอุทธรณ์ เผยตามสำนวนเดิม ไม่พบอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ จุดเกิดเหตุ มีแสงสว่างไม่เพียงพอ กล้องวงจรปิดจับภาพได้ไม่ชัดเจน ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ด้านภรรยาร่ำไห้ รับศพสามีโดดศาลอาญา เผยน้อยใจไม่ได้รับความเป็นธรรม ตำรวจให้หาหลักฐานฝ่ายเดียว ชี้คู่กรณีมีฐานะ-มีอิทธิพล ไม่มีใครกล้าเป็นพยาน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณี นายศุภชัย คัฬหสุนทร กระโดดจากชั้น 8 ศาลอาญารัชดาเสียชีวิต เนื่องจากผิดหวังกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ที่ยกฟ้องจำเลย คดีแทงบุตรชายเสียชีวิต เมื่อปี 59 ว่า ตนจะไปดูสำนวนเก่า ว่ามีความเป็นมาอย่างไร เราให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็รับปากแล้วว่า จะไปดูสำนวนเก่า เมื่อถามว่าจำเป็นต้องตรวจสอบพนักงานสอบสวนชุดที่เคยทำคดีนี้ หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า แน่นอน แต่เรื่องนี้เป็นกรณีคำตัดสินของศาลชั้นต้น
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กำชับเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า "ท่านกำชับมาตลอด เรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ให้ความเป็นธรรม และความยุติธรรมเกิดขึ้นให้ได้" ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. กล่าวว่าได้สั่งตั้งคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบหาข้อบกพร่อง และแสวงหาพยานหลักฐานใหม่ โดยมี พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เร่งรวบรวมข้อมูลให้ได้เร็วที่สุด อย่างช้าภายใน 30 วัน ก่อนจะนำข้อมูลพยานหลักฐานที่ได้ ไปปรึกษาอัยการเจ้าของคดี เพื่อยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้จากการตรวจสอบสำนวนคดีเบื้องต้น พบว่าคดีดังกล่าวไม่พบอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ และผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่เป็นเยาวชนก็ให้การภาคเสธ โดยรับเพียงว่าในวันเกิดเหตุได้เข้าไปชกต่อยกับผู้เสียชีวิต แต่ไม่ได้เป็นคนลงมือใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียชีวิต ส่วนผู้ต้องหาอีกคน ให้การปฎิเสธ
นอกจากนี้ ยังพบว่าในจุดเกิดเหตุ มีแสงสว่างที่ไม่ชัดเจนจนทำให้กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพผู้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน ส่วนประจักษ์พยานเพียงปากเดียวที่เห็นเหตุการณ์ ที่ศาลระบุว่า อยู่ระหว่างการรักษาอาการทางจิตนั้น ยืนยันว่า พยานมีสติสัมปชัญญะ ครบถ้วนในวันที่เกิดเหตุ และในขณะให้ปากคำกับตำรวจ แต่มีอาการป่วยจิต หลังจากให้การแล้ว
***ภรรยาร่ำไห้-พ้อไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายเรวดี คัฬหสุนทร ภรรยานายศุภชัย กล่าวระหว่างเดินทางมารับศพนายศุภชัย ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสามีจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เพราะก่อนเดินทางไปฟังคำพิพากษา สามีอารมณ์ดีร่าเริงไม่คิดว่าศาลจะยกฟ้อง อีกทั้งไม่มีลางร้ายบอกเหตุใดๆ จนกระทั่งสิ้นคำพิพากษาคิดว่าสามีขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ไม่คิดว่าจะคิด วอนขอความเป็นธรรมกับผู้มีอำนาจ เนื่องจากครอบครัวต้องสูญเสียทั้งสามีและบุตร หากถึงที่สุดแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมตนเองก็มีสิทธิ์ที่จะคิดสั้น แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าตัวเองเป็นคนโง่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม จะนำร่างของสามีไปเพ็ญกุศลที่วัดกุนนทีรุทธาราม ย่านห้วยขวาง
นางเรวดี กล่าวอีกว่า แนวทางการต่อสู้หลังจากนี้ ยืนยันจะเดินหน้าต่อทั้งในชั้นศาลอุทธรณ์ และฎีกา เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ครอบครัวหาหลักฐานฝ่ายเดียว ถึงขั้นสามีลาออกจากงานประจำเพื่อติดตามคคดีและหาหลักฐาน จึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นคนมีฐานะ ในท้องถิ่น จนทำให้พยานจำนวนมากไม่กล้าบอกว่าใครเป็นคนร้ายที่แท้จริง เพราะเขาก็ไม่อยากเดือดร้อน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณี นายศุภชัย คัฬหสุนทร กระโดดจากชั้น 8 ศาลอาญารัชดาเสียชีวิต เนื่องจากผิดหวังกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ที่ยกฟ้องจำเลย คดีแทงบุตรชายเสียชีวิต เมื่อปี 59 ว่า ตนจะไปดูสำนวนเก่า ว่ามีความเป็นมาอย่างไร เราให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็รับปากแล้วว่า จะไปดูสำนวนเก่า เมื่อถามว่าจำเป็นต้องตรวจสอบพนักงานสอบสวนชุดที่เคยทำคดีนี้ หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า แน่นอน แต่เรื่องนี้เป็นกรณีคำตัดสินของศาลชั้นต้น
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กำชับเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า "ท่านกำชับมาตลอด เรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ให้ความเป็นธรรม และความยุติธรรมเกิดขึ้นให้ได้" ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. กล่าวว่าได้สั่งตั้งคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบหาข้อบกพร่อง และแสวงหาพยานหลักฐานใหม่ โดยมี พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เร่งรวบรวมข้อมูลให้ได้เร็วที่สุด อย่างช้าภายใน 30 วัน ก่อนจะนำข้อมูลพยานหลักฐานที่ได้ ไปปรึกษาอัยการเจ้าของคดี เพื่อยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้จากการตรวจสอบสำนวนคดีเบื้องต้น พบว่าคดีดังกล่าวไม่พบอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ และผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่เป็นเยาวชนก็ให้การภาคเสธ โดยรับเพียงว่าในวันเกิดเหตุได้เข้าไปชกต่อยกับผู้เสียชีวิต แต่ไม่ได้เป็นคนลงมือใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียชีวิต ส่วนผู้ต้องหาอีกคน ให้การปฎิเสธ
นอกจากนี้ ยังพบว่าในจุดเกิดเหตุ มีแสงสว่างที่ไม่ชัดเจนจนทำให้กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพผู้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน ส่วนประจักษ์พยานเพียงปากเดียวที่เห็นเหตุการณ์ ที่ศาลระบุว่า อยู่ระหว่างการรักษาอาการทางจิตนั้น ยืนยันว่า พยานมีสติสัมปชัญญะ ครบถ้วนในวันที่เกิดเหตุ และในขณะให้ปากคำกับตำรวจ แต่มีอาการป่วยจิต หลังจากให้การแล้ว
***ภรรยาร่ำไห้-พ้อไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายเรวดี คัฬหสุนทร ภรรยานายศุภชัย กล่าวระหว่างเดินทางมารับศพนายศุภชัย ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสามีจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เพราะก่อนเดินทางไปฟังคำพิพากษา สามีอารมณ์ดีร่าเริงไม่คิดว่าศาลจะยกฟ้อง อีกทั้งไม่มีลางร้ายบอกเหตุใดๆ จนกระทั่งสิ้นคำพิพากษาคิดว่าสามีขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ไม่คิดว่าจะคิด วอนขอความเป็นธรรมกับผู้มีอำนาจ เนื่องจากครอบครัวต้องสูญเสียทั้งสามีและบุตร หากถึงที่สุดแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมตนเองก็มีสิทธิ์ที่จะคิดสั้น แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าตัวเองเป็นคนโง่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม จะนำร่างของสามีไปเพ็ญกุศลที่วัดกุนนทีรุทธาราม ย่านห้วยขวาง
นางเรวดี กล่าวอีกว่า แนวทางการต่อสู้หลังจากนี้ ยืนยันจะเดินหน้าต่อทั้งในชั้นศาลอุทธรณ์ และฎีกา เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ครอบครัวหาหลักฐานฝ่ายเดียว ถึงขั้นสามีลาออกจากงานประจำเพื่อติดตามคคดีและหาหลักฐาน จึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นคนมีฐานะ ในท้องถิ่น จนทำให้พยานจำนวนมากไม่กล้าบอกว่าใครเป็นคนร้ายที่แท้จริง เพราะเขาก็ไม่อยากเดือดร้อน