การปรากฏตัวเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลระหว่างอังกฤษกับโครเอเชียที่รัสเซีย เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขนาบข้างนายทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของพ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ผู้กำกับการฝ่ายวิจัยและพัฒนาศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาลดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ระบุว่า ผู้บังคับการตำรวจสันติบาลได้ระงับใบลาพ.ต.อ.วทัญญูและเรียกตัวกลับมาแล้ว หลังจากมีภาพเดินตามก้นนางสาวยิ่งลักษณ์ที่อังกฤษ และอยู่ระหว่างพิจารณาความผิดทางวินัย
ความผิดครั้งแรกยังไม่ทันได้สะสาง พ.ต.อ.วทัญญูหรือ ผกก.หนุ่ย กลับก่อความผิดซ้ำสองอีก โดยปรากฏตัวอารักขานายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ ระหว่างเข้าชมการแข่งขันบอลโลกคู่อังกฤษกับโครเอเชีย
นายตำรวจหนุ่มคนนี้ ย่ามใจไม่กลัวใคร ไม่หวั่นไหวชีวิตราชการตำรวจแต่อย่างใด เพราะรู้ทั้งรู้ว่า กำลังถูกจับจ้องในพฤติกรรม แต่ยังเหิมเกริมฝ่าฝืนคำสั่ง ทิ้งราชการ เดินทางไปรับใช้ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” จนได้
ภาพที่ปรากฏในการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างอังกฤษกับโครเอเชีย เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา แทบไม่ต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ เพราะสามารถตรวจสอบการเข้าหรือออกนอกประเทศของพ.ต.อ.วทัญญูได้อยู่แล้ว
พ.ต.อ.วทัญญูขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโตได้ในยุค “ทักษิณ” มีอำนาจ เช่นเดียวกับนายตำรวจใหญ่อีกนับสิบคน ที่ยอมขายศักดิ์ศรี ยอมก้มหัวรับเป็นลูกสมุน “ทักษิณ” เพื่อแลกกับตำแหน่ง โดยไม่ละอายต่อพฤติกรรมที่สังคมรุมประณาม
แม้ “ทักษิณ” จะหมดอำนาจไปแล้ว แต่ตำรวจที่ขายวิญญาณให้ “ทักษิณ” กลับไม่ถูกจัดการ ความผิดต่างๆ ที่กระทำไว้ ทั้งละเว้นหรือเลือกปฏิบัติ และแม้กระทั่งการทำร้ายประชาชนฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ ไม่มีใครรื้อฟื้น ทำให้บรรดาตำรวจลูกสมุน “ทักษิณ” ลอยนวลจนถึงวันนี้
พ.ต.อ.วทัญญูเป็นหนึ่งในลูกสมุน “ทักษิณ” ที่ยังลอยนวล จนเกิดคำถามว่า ใครในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นลูกพี่ใหญ่และช่วยคุ้มกันให้
ผกก.หนุ่ยควรถูกเชือดนานแล้ว เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่จะสวมเครื่องแบบนายตำรวจ ตั้งแต่การเป็นนายตำรวจติดตามรับใช้นางสาวยิ่งลักษณ์ หลังพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และทั้งที่เป็นนายตำรวจประกบใกล้ชิด แต่กลับไม่รู้ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์หนีออกนอกประเทศ ไม่สามารถให้เบาะแสใดๆ ที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาล
และแม้จะเจอ 2 นักโทษหนีคดีซึ่งๆ หน้า โดยเป็นนักโทษที่รัฐบาลไทยต้องการตัวมากที่สุด แต่กลับไม่รายงานเบาะแสให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ แถมยังแสดงตัวเป็นลูกสมุนตามรับใช้อีก
ทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงปล่อยให้นายตำรวจหนุ่มคนนี้ทิ้งศักดิ์ศรี แต่นำอำนาจหน้าที่และเครื่องแบบไปรับใช้ตระกูลชินวัตรอย่างออกหน้า
ทำไมจึงไม่เคยมีการสอบสวน การอนุมัติส่งตัวพ.ต.อ.วทัญญูไปเป็นนายตำรวจติดตามนางสาวยิ่งลักษณ์ หลังหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงไม่เฝ้าติดตามพฤติกรรมของนายตำรวจรายนี้ โดยเฉพาะการเบียดบังเวลาราชการไปติดตามรับใช้นางสาวยิ่งลักษณ์
ผกก.หนุ่ยตกเป็นข่าวฉาวโฉ่มาหลายครั้งแล้ว จนสังคมเอือมระอากับพฤติกรรม แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่งจะเริ่มเอาจริงเอาจังกับนายตำรวจรับใช้ประจำตระกูลชินวัตร
คำสั่งพักราชการตามมา หลังจากหนีราชการแอบไปดูแลพี่น้องตระกูลชินวัตรระหว่างเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลโลก ตามด้วยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิด
อนาคตราชการตำรวจของผกก.หนุ่ยน่าจะดับวูบลงเสียที ซึ่งนายตำรวจหนุ่มคนนี้คงไม่ยี่หระ เพราะมีอาชีพองครักษ์พิทักษ์นางสาวยิ่งลักษณ์รออยู่ และพร้อมจะออกเพื่อเดินตามก้นนางสาวยิ่งลักษณ์ทันที
ผกก.หนุ่ยรอดมาหลายงานแล้ว แต่การขโมยเวลาราชการตามไปรับใช้ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ถึงสองรอบ จนสังคมรุมประณาม งานนี้คงรอดยาก
ความห้าว ความกร่างของพ.ต.อ.วทัญญู ความเหิมเกริมท้าทายอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยไม่เห็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่ในสายตา และไม่ไว้หน้าผู้บังคับบัญชาคนใดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องคิดบัญชีรวบยอดความผิดทั้งหลายที่ก่อไว้
ความผิดของนายตำรวจลูกสมุน “ทักษิณ” รายนี้หนักหนาเกินจะบรรยาย และถ้าไม่มีนายตำรวจใหญ่คนใดรับหน้าเสื่อปกป้อง บทลงโทษจึงต้องหนักหน่วง โดยไล่ออกสถานเดียวไม่พอ ต้องสอบสวนความผิดและดำเนินคดีให้ถึงที่สุดด้วย
ตำรวจดีๆ ตำรวจที่รักศักดิ์ศรี คงไม่มีใครยอมเดินตามก้นรับใช้นักการเมือง โดยเฉพาะ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ซึ่งตกอยู่ในฐานะนักโทษหนีคดีทุจริตทั้งพี่ทั้งน้อง
เมื่อพ.ต.อ.วทัญญูเป็นตำรวจไม่รักดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเลี้ยงไว้ให้เปลืองภาษีประชาชนทำไม พล.อ.ประยุทธ์จะปล่อยไว้ให้หยามหน้าต่อไปหรือ