xs
xsm
sm
md
lg

แนวโน้มโลกกับการประชุม 2 ผู้นำโลก (1)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

<b>การประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย</b>
หายหน้าไป 1 วัน...ด้วยเหตุเพราะหมดเรี่ยว หมดแรงกับการต้องลุ้นทั้งบอลโลก และบอลไทย (ทีมหมูป่าอะคาเดมี) ไปพร้อมๆ กัน เล่นเอาเอวบิด เอวคด เอวงอ หมดสภาพไปตามวัยและสังขารอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แต่หลังจากได้พักฟื้นสักพักใหญ่ๆ ก็พอกลับมามีแรงร่อนไป-ร่อนมา ชวนใครต่อใครไป “อะราวนด์ เดอะ เวิลด์” กันต่อไปดังเดิม...

ซึ่งสำหรับเที่ยวนี้ ช่วงนี้...ก็คงไม่มีอะไรฮอตฮิตติดชาร์ตเท่ากับร่อนไปแถบๆยุโรปเหนือ แถวๆ เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์นั่นแหละทั่น เพราะการประชุมสุดยอดระหว่าง 2 ผู้นำ อย่าง “ทรัมป์บ้า” และ “ปูติน” ถือเป็นเรื่องที่โลกทั้งโลกเขากำลังจับตามองเขม้น ว่าสุดท้าย...มันจะออกมาในรูปไหน หน้าไหน แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่ยังไงๆ สองผู้นำโลกรายที่ว่า คงต้องพบปะเจอะเจอกันอย่างมิอาจปฏิเสธได้ แต่เท่าที่บรรดาพวกกูรู กูรู้ หรือพวกนักสังเกตการณ์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย เขาค่อนข้างที่จะจับตาอย่างเป็นพิเศษต่อการประชุมเที่ยวนี้ ก็เนื่องมาจาก “ความคาดเดาแทบไม่ได้” ของ “ทรัมป์บ้า” นั่นเอง ที่ทำให้ใครต่อใคร โดยเฉพาะบรรดาพวกผู้นำในยุโรปออกจะกลัวๆ อยู่ไม่น้อยว่า มันอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง “โฉมหน้าภูมิรัฐศาสตร์โลก” ขึ้นมาเอาเลยก็ไม่แน่!!!

ดังนั้น...ก่อนหน้าที่จะเริ่มต้นการประชุมในวันที่ 16 และ 17 กรกฎาคม เท่าที่ฟังๆ จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลาย ก็ดูจะเน้นๆ ไปในเรื่อง “ความเป็นไปได้” ที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” อาจตัดสินใจ “ขายยุโรป” เพื่อแลกเปลี่ยนกับการ “ปล่อยมือจากการปกป้องอิหร่านและซีเรีย” ของรัสเซีย...นี่ถ้าหากใช้ภาษาง่ายๆ คำพูดง่ายๆ เพื่อให้พอนึกภาพออก คืออาจลดการให้ความสำคัญกับ “แนวรบในยุโรปตะวันออก” อันถือเป็นแนวรบสำคัญไม่น้อยไปกว่า “แนวรบในตะวันออกกลาง” และ “แนวรบในคาบสมุทรเกาหลีหรือทะเลจีนใต้” อันเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญและมีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันและกันมาโดยตลอด สำหรับ “ภูมิรัฐศาสตร์โลก” ในยุค ณ ปัจจุบันนี้ หรือโลกที่กำลังแข่งขันระหว่างมหาอำนาจเก่า-มหาอำนาจใหม่ ในการนำพาโลกทั้งโลกไปสู่ “ระเบียบโลก” ในลักษณะแบบไหน อย่างไร...

หรือพูดให้ง่ายขึ้นไปอีก...ก็คือ ลดการให้ความสำคัญกับการแผ่ขยายอิทธิพลของรัสเซีย อันเป็นสิ่งที่บรรดาประเทศยุโรปกลัวๆ กันมาโดยตลอด ไม่ว่าตั้งแต่ยุคคอมมิวนิสต์ไปจนถึงยุค “พระเจ้าซาร์” ยังใส่กางเกงหูรูดโน่นเลย ที่ทำให้ราชอาณาจักรรัสเซีย หรือจักรวรรดิสหภาพโซเวียต เข้ามาผนวกกลืนกินดินแดนต่างๆ ในยุโรปตะวันออกกันไปเป็นพวงๆ ยิ่งมีการผนวกดินแดนด้านตะวันออกของยูเครน ผนวกไครเมีย ในยุคของผู้นำรัสเซียอย่างประธาธิบดี “ปูติน” เรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนรัสเซียมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2014 เป็นต้นมา ก็ยิ่งกลายเป็นตัวปลุกกระตุ้นความกลัวของบรรดาประเทศในยุโรปต่อบทบาทอิทธิพลของรัสเซียยิ่งขึ้นไปอีก และนี่เอง...ที่กลายเป็นตัวทำให้ประเทศในยุโรปทั้งหลาย ยังต้อง “เดินตามก้นอเมริกา” ในการแซงชั่นรัสเซีย หรือการเสริมกำลังทหาร เสริมอาวุธให้กับ “นาโต” ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจ การค้าของตัวเองก็พลอยต้องเสียหายตามไปด้วย...

และทำให้ “คำขู่” ของ “ทรัมป์บ้า” ว่าอาจเลิกให้การสนับสนุน “นาโต” จึงส่งผลต่อบรรดาผู้นำประเทศยุโรปทั้งหลาย ที่แม้จะถูกดูหมิ่น ดูแคลนจากผู้นำอเมริกาครั้งแล้ว ครั้งเล่า ก็ยังต้องยอมให้ “ทรัมป์บ้า” คว้า “ชัยชนะส่วนตัว” ในช่วงการประชุมนาโตคราวล่าสุด หรือยอมให้คำมั่นสัญญาว่าจะเพิ่มงบประมาณทางทหารขึ้นไปเป็นประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีภายในปี ค.ศ. 2024 ตาม “เส้นตาย” ที่ผู้นำอเมริกาขีดเอาไว้ให้ แต่นั่น...ก็คงไม่ถึงกับทำให้ “ทรัมป์บ้า” คิดจะหันกลับมาจูบปากแบบดูดๆ ดื่มๆ กับยุโรปก็หาไม่ เพราะถ้าฟังจากน้ำเสียงคราวล่าสุด...หรือช่วงก่อนหน้าที่จะไปประชุมสุดยอดกับ “ปูติน” ระหว่างกำลังออกรอบตีกอล์ฟ และให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ซีบีเอส ผู้นำอเมริการายนี้ถึงกับจัดประเภทให้บรรดาประเทศยุโรปมีฐานะเป็น “ศัตรู” (foe) เอาเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อมองจากมุมมองทางการค้า การเศรษฐกิจเป็นหลัก...

ดังนั้น...โอกาสที่ “ทรัมป์บ้า” จะ “ขายยุโรป” ให้กับรัสเซีย จึงกลายเป็นสิ่งที่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้ามองจากมุมมองของผู้นำอเมริการายนี้ไม่ว่าในกรณีนาโต กรณีขึ้นภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียมกับยุโรป ไปจนถึงการจัดประเภทให้สหภาพยุโรปเป็นศัตรูในทางการค้า การขายจัดให้เยอรมนีเป็น “เชลยรัสเซีย” ในกรณีโครงการท่อแก๊ส “Nod Stream 2” ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ เป็นต้น อีกทั้งเมื่อมองถึงสิ่งแลกเปลี่ยน หรือสิ่งที่ผู้นำอเมริกาหวังจะได้รับการตอบแทนจากรัสเซีย อันไม่เพียงแต่เป็นสุดยอดปรารถนาของประเทศอเมริกาแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังถือเป็น “จุดออกัสซั่ม” ของมหามิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของอเมริกาอีกต่างหาก นั่นก็คือ “อิสราเอล” ที่ผู้นำอย่างนายกรัฐมนตรี “เบนจามิน เนทันยาฮู” ได้ดอดไปจับเข่า จับหัวเหน่า กับประธานาธิบดีรัสเซียเป็นครั้งที่ 4 เข้าไปแล้ว ก่อนหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำอเมริกา-รัสเซียเพียง 5 วันเท่านั้นเอง นั่นก็คือการปล่อยมือ คลายมือจากการปกป้องรัฐบาล “อัล-อัสซาด” แห่งซีเรีย ไปจนถึงการสกัดกั้นอิทธิพลของอิหร่าน ศัตรูคู่กัดรายสำคัญของอิสราเอล ซึ่งไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้โดยเด็ดขาด ต้องลบประเทศใดประเทศหนึ่งออกจากแผนที่ หรือต้องล้มระบอบการปกครองของประเทศนั้นๆ ลงไปให้จงได้ ที่กำลังแผ่ขยายเข้าไปซีเรีย ปาเลสไตน์ เลบานอน และเยเมน พูดง่ายๆ ก็คือ...การทิ้งแนวรบในยุโรปตะวันออก แล้วหันมาเน้นแนวรบในตะวันออกกลางกันแทนที่นั่นเอง...

ซึ่งไอ้สิ่งที่ใครกลัวๆ ที่ว่านี้...มันจะมีโอกาสเป็นจริง เป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร ไม่ว่าจะในการประชุมคราวนี้ หรือคราวไหนๆ ก็ตามแต่ อันนี้นี่แหละ...ที่น่าคิด น่าสนใจเอามากๆ เพราะอย่างที่ว่าเอาไว้แล้วว่า มันแทบไม่ต่างอะไรไปจากการเปลี่ยนโฉมหน้าของ “ภูมิรัฐศาสตร์โลก” เอาเลยก็ว่าได้ เป็นการเปลี่ยนมิตร-เปลี่ยนศัตรูครั้งใหญ่ รวมทั้งเปลี่ยนพื้นที่แนวรบ อันเป็นกุญแจที่จะนำไปสู่การจุดชนวน “สงครามใหญ่” ได้เสมอๆ ด้วยเหตุนี้...เลยคงต้องขออนุญาตลากต่อไปอีกวัน-สองวัน เป็นอย่างน้อย...


กำลังโหลดความคิดเห็น