พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบ เพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน หรือซื้อเรือคืน ตามแผนบริหารจัดการประมงทะเล
ทั้งนี้ เรือประมงที่เข้าโครงการ จะต้องเป็นเรือที่ไม่มีใบอนุญาตทำการประมง แจ้งจุดจอด ตรึงพังงา และจัดทำอัตลักษณ์จากกรมเจ้าท่าเรียบร้อยแล้ว และไม่มีคดีใดๆ โดยจัดซื้อตามราคา สภาพจริงไม่เกินร้อยละ 50 ของราคากลางที่ได้จัดทำไว้ ตั้งแต่ปี 58 จำนวน 680 ลำ ในกรอบวงเงินงบประมาณ 3,000 ล้านบาท แบ่งการจัดซื้อเป็น 3 ระยะ ระยะแรก เริ่มจากเรือประมงขนาดเล็ก และขนาดกลาง 409 ลำ วงเงิน 690 ล้านบาท จากนั้น จะดำเนินการกับกลุ่มเรือขนาดใหญ่ อีก 271 ลำ
สำหรับขั้นตอนต่อไป จะเสนอเข้าที่ประชุมครม. เพื่อพิจารณาไม่เกินกลางเดือนส.ค.นี้ เพื่อให้ซื้อเรือคืนระยะแรกได้ภายในวันที่ 30 ก.ย. ทั้งนี้ การซื้อเรือประมงดังกล่าว จะช่วยลดจำนวนเรือประมงให้เหมาะสมกับปริมาณปลา และยังช่วยบรรเทาผลกระทบจากการแก้ปัฐหาไอยูยู ด้วย
ทั้งนี้ เรือประมงที่เข้าโครงการ จะต้องเป็นเรือที่ไม่มีใบอนุญาตทำการประมง แจ้งจุดจอด ตรึงพังงา และจัดทำอัตลักษณ์จากกรมเจ้าท่าเรียบร้อยแล้ว และไม่มีคดีใดๆ โดยจัดซื้อตามราคา สภาพจริงไม่เกินร้อยละ 50 ของราคากลางที่ได้จัดทำไว้ ตั้งแต่ปี 58 จำนวน 680 ลำ ในกรอบวงเงินงบประมาณ 3,000 ล้านบาท แบ่งการจัดซื้อเป็น 3 ระยะ ระยะแรก เริ่มจากเรือประมงขนาดเล็ก และขนาดกลาง 409 ลำ วงเงิน 690 ล้านบาท จากนั้น จะดำเนินการกับกลุ่มเรือขนาดใหญ่ อีก 271 ลำ
สำหรับขั้นตอนต่อไป จะเสนอเข้าที่ประชุมครม. เพื่อพิจารณาไม่เกินกลางเดือนส.ค.นี้ เพื่อให้ซื้อเรือคืนระยะแรกได้ภายในวันที่ 30 ก.ย. ทั้งนี้ การซื้อเรือประมงดังกล่าว จะช่วยลดจำนวนเรือประมงให้เหมาะสมกับปริมาณปลา และยังช่วยบรรเทาผลกระทบจากการแก้ปัฐหาไอยูยู ด้วย