xs
xsm
sm
md
lg

“ประเทศเล็ก แต่ฝันถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ : คำขวัญฟุตบอลโลกทีมชาติโครเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: ประสาท มีแต้ม


ในที่สุดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2018 ก็ได้ทีมชาติฝรั่งเศสกับทีมชาติโครเอเชียเป็นคู่ชิงชนะเลิศ หลายท่านคงจะรู้สึกเหมือนกับผมว่า ทำไมประเทศเล็กๆ ซึ่งมีจำนวนประชากรเพียง 4.4 ล้านคนซึ่งน้อยกว่าประเทศสิงคโปร์ (5.7 ล้านคน) จึงได้มีความสามารถหรือฝีเท้าเก่งกาจถึงเพียงนั้น

ประเทศโครเอเชียได้แยกตัวมาจากประเทศยูโกสลาเวียเมื่อปี 1991 แต่อีก 7 ปีต่อมาซึ่งฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ ทีมชาติโครเอเชียได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก ในครั้งนั้นโครเอเชียได้อันดับที่ 3 ในขณะที่ประเทศแม่ที่ตนเคยสังกัดได้ตกรอบแรก หลังจากนั้นทีมโครเอเชียก็เข้ารอบสุดท้ายเกือบทุกครั้ง นี่แสดงถึงความไม่ธรรมดาของประเทศโครเอเชีย

มีคนสงสัยว่าทำไมทีมโครเอเชียจึงมีความแข็งแกร่งมาก

ขอมองจากจุดเล็กๆ ก่อนครับ ลองคิดตามผมมาครับ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่โครเอเชียเจอกับรัสเซียเจ้าภาพ ในช่วงเวลา 90 นาทีของการแข่งขัน Luka Modric กัปตันทีมโครเอเชียยิงลูกโทษไม่เข้า (เพราะผู้รักษาประตูรับได้) ส่งผลให้ทั้งสองทีมเสมอกัน จนต้องมีการต่อเวลาแล้วยังเสมอกันในอีก 30 นาที จนต้องตัดสินกันด้วยการยิงลูกโทษ

Luka เป็นผู้อาสาขอยิงลูกโทษอีกครั้งหนึ่ง แล้วเขาก็ทำได้สำเร็จ นี่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงจิตใจที่เข้มแข็งอย่างมากของเขา ซึ่งตามประวัติเขาเล่นเตะฟุตบอลอยู่ข้างๆ ค่ายผู้อพยพหนีภัยสงครามตั้งแต่อายุ 6 ขวบ จนกระจกชาวบ้านแตกไปหลายบาน ก่อนที่จะมีแมวมองได้ตัวเขาไปฝึกสอนอย่างจริงจัง

นี่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเด็กโครเอเชียคนหนึ่ง แต่เรื่องในลักษณะแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับ Luka เพียงคนเดียว แต่เป็นปรากฏการณ์ทั่วไปของเด็กๆ ชาวโครเอเชียเพราะพวกเขาได้ฝึกเล่นฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็กๆ

“เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะสอนเทคนิคให้กับพวกเขาคือช่วงอายุตั้งแต่ 12 ถึง 16 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเขาอยู่ในประเทศ เมื่อพวกเขาออกนอกประเทศไปค้าแข้งในยุโรปหรือที่ไหนแล้วไม่ใช่ประเด็นใหญ่ เพราะทักษะที่สำคัญได้ติดตัวเขาตลอดไป” (Romeo Jozak เจ้าหน้าที่ในสหพันธ์ฟุตบอลแห่งโครเอเชียให้สัมภาษณ์ Guy De Launey, BBC News)

เขียนมาถึงตรงนี้ก็นึกถึงน้องๆ ทีมหมูป่าอะคาเดมีครับ

“นักกีฬาคือทูตที่ดีที่สุดของเรา มันเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่จะเป็นตัวแทนของประเทศโครเอเชีย มันเป็นความภูมิใจอย่างมาก ด้วยเหตุการณ์สงครามและทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา มันได้เพิ่มพลังงานให้กับประเทศ เราไม่จำเป็นต้องสอนให้เด็กๆ ร้องเพลงชาติ นี่ไม่ใช่เรื่องชาตินิยม แต่มันเป็นความภูมิใจในชาติของเรา พวกเขารู้ว่าพวกเขาต้องสู้” (คำพูดของ Igor Stimac นักฟุตบอลทีมชาติโครเอเชียที่ได้ที่ 3 ในฟุตบอลโลกปี 1998 -จากผู้เขียนคนเดียวกัน)

ผมเองไม่ใช่คนดูฟุตบอลชนิดที่พลาดไม่ได้ เพราะผมรู้สึกว่านอกจากวงการฟุตบอลจะเป็นธุรกิจมากเกินไป (และมีคอร์รัปชันระดับโลก) แล้ว ผมยังรู้สึกว่าปัจจุบันนี้มารยาทของนักกีฬาในเกมการแข่งขันไม่ค่อยดีเหมือนในอดีตในยุคที่เปเล่รุ่งเรือง ผมจึงไม่ค่อยทราบความเป็นไปของฟีฟ่า (สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ) มากนัก

เมื่อค้นข้อมูลพบว่า ทางฟีฟ่าได้กำหนดให้แต่ละทีมฟุตบอลที่เข้ารอบสุดท้าย 32 ทีมจะต้องมีคำขวัญประจำทีมอย่างเป็นทางการด้วยตั้งแต่ปี 2010 แล้ว สำหรับในครั้งนี้ประเทศโครเอเชียได้ใช้คำขวัญว่า “ประเทศเล็ก แต่ฝันถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ (Small Country, Big Dreams.)” พร้อมภาษาถิ่นดังภาพครับ

ผมชอบคำขวัญนี้มากครับ

คนไทยเราได้ถูกปลูกฝังให้รู้สึกว่าประเทศไทยเป็นประเทศเล็กๆ ทั้งๆ ที่จำนวนประชากรของเรามากเป็นอันดับ 20 ของโลก (และอันดับที่ 50 โดยพื้นที่) การปลูกฝังเพียงแค่นี้ด้านหนึ่งทำให้คนไทยรู้สึกอ่อนน้อมถ่อมตน แต่อีกด้านหนึ่งทำให้คนมีความรู้สึกด้อยไปเลย

การที่ประเทศโครเอเชียชูคำขวัญว่า “ประเทศเล็ก แต่ฝันถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่” มันทำให้มีความรอบด้านมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ฮึกเหิม กล้าสู้ กล้าเอาชนะไม่ว่ากับเรื่องใดๆ

ผมไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับชาวโครเอเชียเลย ไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วพวกเขามีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร และฝันถึงอะไรกันแน่ที่ว่า “Big Dreams” แต่ผมก็เชื่อว่ามันต้องเป็นความฝันเพื่อสาธารณะ ฝันถึงความเป็นธรรมในสังคม หรือเพื่อส่วนรวมเป็นหลัก คงไม่ใช่ฝันถึงความร่ำรวยส่วนตัวแน่แท้

การจะทำความฝันของคนในชาติไปสู่ความเป็นจริงได้ จะต้องมีความฝันที่ชัดเจนเป็นประการสำคัญ นอกจากนั้นจะต้องมีแผนงานที่ชัดเจน ต้องการความเป็นผู้นำที่มีความสามารถ มีความรู้และที่สำคัญกว่านั้นต้องอาศัยความร่วมมือของพี่น้องร่วมชาติ

ผมคิดว่าเหตุการณ์นำ “13 ชีวิตติดถ้ำ” คือภาพย่อหรือภาพจำลองของ “การทำความฝันที่ยิ่งใหญ่ให้เป็นความจริง”

ในฐานะที่ผมได้ให้ความสนใจและติดตามเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ผมไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ครับ แผนปฏิรูปพลังงานซึ่งได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาไปเรียบร้อยแล้ว ผมไม่เห็น “ความฝันที่ยิ่งใหญ่” ของแผนปฏิรูปดังกล่าวเลย แต่กลับมีแผนปฏิรูปปิโตรเลียมเพื่อกลุ่มทุนพลังงาน

ผมไม่เห็นแผนที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นอิสระจากการนำเข้าพลังงานฟอสซิลแล้วหันมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมซึ่งมีอยู่มากภายในประเทศโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ

ไม่เห็นแผนที่จะช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ตามที่ผู้นำได้ไปลงนามไว้ในเวทีโลกที่เรียกว่า “ข้อตกลงปารีส”

เมื่อความฝันไม่ถูกต้องเสียแล้ว จึงเป็นการยากที่การปฏิรูปประเทศไทยซึ่งต้องอาศัยความฝันที่ยิ่งใหญ่จะเป็นความจริงได้ ผมขอโทษที่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้

อ้อ ขอกลับมาที่เรื่องกีฬาของประเทศโครเอเชียอีกนิดครับ คือ โครเอเชียไม่ได้เก่งเฉพาะฟุตบอลเท่านั้น ในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งล่าสุดปี 2016 ประเทศโครเอเชียได้เหรียญทองมากเป็นอันดับ 17 ของโลก ทั้งๆ ที่มีประชากรอันดับที่ 129 ของโลก ในวงการเทนนิสชาย (ซึ่งผมชอบดูมาก) Marin Cilic ติดอันดับ 5 ของโลก โปโลน้ำอันดับ 2 ของโลก เป็นต้น

ผมนำเรื่องนี้มาพูดโดยไม่ได้มีเจตนาที่จะนำมาข่มประเทศของตนเอง แต่ต้องการให้พวกเรามาร่วมกันคิด แล้วสร้าง Big Dreams ร่วมกัน แล้วลงมือทำร่วมกันครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น