พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย หรือผกก.หนุ่ย ผู้กำกับการฝ่ายวิจัยและพัฒนาศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ตกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง หลังจากภาพเดินหิ้วกระเป๋าเดินตามนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ประเทศอังกฤษ ถูกเผยแพร่จนเกิดกระแสเรียกร้องการลงโทษนายตำรวจผู้นี้
ภาพการหิ้วกระเป๋าเดินตามก้นนางสาวยิ่งลักษณ์นั้น กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ เพราะพ.ต.อ.วทัญญูยังรับราชการ สวมเครื่องแบบตำรวจกินเงินเดือนภาษีประชาชน แต่กลับตามไปรับใช้นักโทษหนีคดีร้ายแรงถึงต่างประเทศ
ถ้าพ.ต.อ.วทัญญูถอดเครื่องแบบ ลาออกจากราชการ ทำงานรับใช้ตระกูลชินวัตรโดยตรง สังคมคงไม่รุมประณาม แต่ขณะที่กินข้าวแดงแกงร้อนของประชาชน กลับทำตัวเป็นทาสรับใช้นักการเมือง และเป็นนักการเมืองที่เคยทำให้ประเทศเกิดความแตกแยก แทบจะเกิดกลียุค โดยไม่สำนึกในระเบียบวินัยของตำรวจ ไม่ตระหนักถึงความรู้สึกของประชาชน
ไม่หวั่นเกรงผู้บังคับบัญชา ไม่ไว้หน้าแม้แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือแม้แต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ทุกคนรู้ว่า พ.ต.อ.วทัญญู ก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโตในแวดวงสีกากี ล้ำหน้าเพื่อนรุ่นเดียวกัน เพราะได้รับการตบรางวัลจากระบอบทักษิณ แต่เมื่อ คสช.โค่นล้มอำนาจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์แล้ว พ.ต.อ.วทัญญูจะทำตัวเป็นตำรวจเทวดาอีกไม่ได้
พฤติกรรมที่ไม่สมกับเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว และจนบัดนี้สังคมยังไม่มีคำตอบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือแม้แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้นายตำรวจหนุ่มคนนี้ แสดงความยิ่งใหญ่คับประเทศได้อย่างไร
พ.ต.อ.วทัญญูถือเป็นนายตำรวจระดับสูงคนหนึ่ง มีภารกิจมากมายเพื่อประชาชน และไม่ควรจะถูกส่งตัวไปเป็นตำรวจติดตามนางสาวยิ่งลักษณ์ ภายหลังจากพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว
แม้นางสาวยิ่งลักษณ์จะร้องขอ แต่ทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องจัดให้ตามคำขอ ในเมื่อตำรวจมีกำลังพลอยู่กว่า 2 แสนนาย สามารถส่งนายตำรวจระดับชั้นประทวนไปน่าจะเพียงพอ แต่กลับประเคนพ.ต.อ.วทัญญูไปให้
และพล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยแสดงความขึงขังสอบคนที่อนุมัติส่ง ผกก.หนุ่ยไปประกบนางสาวยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด
พฤติกรรมที่น่าจะทำให้พ.ต.อ.วทัญญู กระเด็นออกจากราชการ เกิดขึ้นครั้งแรกกรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ถูกนายตำรวจสมุนระบอบทักษิณพาหนีออกนอกประเทศ แต่พ.ต.อ.วทัญญูกลับไม่รู้เรื่อง ทั้งที่เป็นนายตำรวจติดตามนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่กลับไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ที่เป็นประโยชน์ในการสอบสวน
นอกจากนั้น ในวันที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.นำกำลังตำรวจตรวจค้นบ้านนางสางยิ่งลักษณ์ พ.ต.อ.วทัญญูกลับแสดงตัวเป็นเจ้าบ้าน ขอตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้าค้นบ้านนางสาวยิ่งลักษณ์ ต่อหน้าต่อตาพล.ต.อ.ศรีวราห์เสียอีก
พล.ต.อ.ศรีวราห์ที่มีเอกลักษณ์เป็นนายตำรวจดุ แต่กลับหงอยเมื่ออยู่ต่อหน้านายตำรวจหนุ่มคนนี้ ไม่มีคำถามสักคำว่า เข้ามาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในฐานะอะไร และในเวลาราชการ ทำไมไม่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ต้นสังกัด
ไม่มีแม้แต่การสอบสวนความผิดของพ.ต.อ.วทัญญู ทำให้นายตำรวจหนุ่มคนนี้ ลอยนวลจนก่อพฤติกรรมฉาวโฉ่ซ้ำรอยขึ้นมาอีก
การเดินทางไปอังกฤษครั้งนี้ พ.ต.อ.วทัญญูยื่นใบลาราชการอย่างถูกต้อง โดยอ้างว่าไปเยี่ยมลูกที่เรียนอยู่อังกฤษ คำถามคือ พ.ต.อ.วทัญญูหรือครอบครัวมีฐานะร่ำรวยเพียงใด จึงส่งลูกไปเรียนอังกฤษ ซึ่งค่าใช้จ่ายปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทได้
มีใครเป็นเจ้าภาพอุปถัมภ์หรือไม่ และมีรายได้จากกลุ่มชินวัตรหรือเปล่า เพราะขนาดตามไปรับใช้กันถึงอังกฤษ ย่อมจะไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา
แม้โทษทางอาญาจะเอาผิดกับพ.ต.อ.วทัญญูไม่ได้ แต่โทษวินัยร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกจากราชการ อยู่ในข่ายที่จะเอาผิดได้ โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สามารถสอบความผิดโดยไม่ต้องรอให้ใครแจ้งร้องทุกข์ โดยเฉพาะฐานะทางการเงินที่อาจดีเกินปกติ ถึงขั้นส่งลูกเรียนอังกฤษได้
พ.ต.อ.วทัญญู อาจเป็นตำรวจประเภทเดียวกับพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร.ที่มองอาชีพตำรวจเป็นเพียง “ไซด์ไลน์” เท่านั้น แต่อาชีพหรือรายได้หลัก อาจเกิดจากการรับใช้ตระกูลชินวัตร
นายตำรวจหนุ่มที่โตพรวดพลาดในยุครัฐบาลระบอบทักษิณ ประกาศตัวอย่างไม่เป็นทางการแล้ว เป็นนายตำรวจที่เลือกข้าง เป็นนายตำรวจประจำตระกูลชินวัตร และพร้อมจะวางอาชีพตำรวจเป็นเดิมพัน
พร้อมจะทำความผิด พร้อมฝ่าฝืนวินัยร้ายแรง รวมทั้งพร้อมถูกตะเพิดออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับใช้นายใหญ่และนายหญิงยิ่งลักษณ์
ประชาชนคงมีคำถามเหมือนกันว่า ทำไมพล.อ.ประยุทธ์จึงไม่สั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดการกับพ.ต.อ.วทัญญู ทำไมปล่อยให้นายตำรวจที่ทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ยิ่งลักษณ์ลอยนวลอยู่จนวันนี้
ไม่มี คสช.คนไหน ไม่มีใครในรัฐบาลออกมาสยบความห้าวของนายตำรวจหนุ่มคนนี้เลยหรือ