สื่อนอก- ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์ หนังสือพิมพ์ชื่อดังของออสเตรเลีย ตีแผ่เรื่องผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ ข้าราชการ “ฮีโร่” ในภารกิจกู้ภัยช่วยเหลือเด็กๆ และโค้ชทีมหมูป่า ออกมาจากถ้ำหลวง ซึ่งได้รับการยกย่องจากคนไทยและนานาชาติในเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจและความสามารถ กลับถูกโยกย้ายในลักษณะของการลงโทษลดตำแหน่ง สืบเนื่องจากความขัดแย้งในเรื่องต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น
รายงานข่าวที่เขียนโดย ไมเคิล รัฟเฟิลส์ บรรณาธิการข่าว (Desk Editor) ของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เริ่มต้นโดยบอกว่า ห่างไกลออกไปจากปากถ้ำหลวง นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ต้องต่อสู้และพ่ายแพ้ในสมรภูมิอีกแห่งหนึ่ง - สมรภูมิในการรักษาตำแหน่งของตนเอาไว้
“ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานของการปฏิบัติงานกู้ภัย ข้าราชการผู้หนึ่งซึ่งได้ก้าวเข้าไปแบกความรับผิดชอบ ในยามที่ขาดไร้คนที่จะแสดงบทบาทเป็นผู้นำ กลับถูก “เด้ง” ออกจากตำแหน่งให้ไปอยู่ในจังหวัดที่เล็กกว่า ทั้งๆ ที่เขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและทรงประสิทธิภาพ ขณะที่คนอื่นๆ เอาแต่ทะเลาะเบาะแว้งและเที่ยวโยนกลอง แต่ก็ด้วยคุณสมบัติต่างๆ ที่เขาแสดงออกมาให้เห็นในเวลาที่โลกเฝ้าจับตาติดตามการกู้ภัยช่วยเหลือเด็ก 12 คนและโค้ชฟุตบอลของพวกเขานั่นแหละ ซึ่งทำให้เขาตกเป็นเป้าความเดือดดาลโกรธเกรี้ยวของคณะทหารที่กำลังปกครองประเทศ” ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์บอก
ข่าวของสื่อออสเตรเลียชิ้นนี้ได้อ้างอิง รายงานจากปกของนิตยสาร “ผู้จัดการสุดสัปดาห์” ที่ใช้ชื่อเรื่องว่า “แม่ทัพถ้ำหลวง VS แม่ทัพโรงขยะ” โดยบอกว่าเป็นรายงานข่าวสืบสวนขนาดยาวที่ให้ละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างนายณรงค์ศักดิ์ กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบกและเป็นสมาชิกทรงอำนาจของคณะทหารที่กำลังปกครองประเทศ โดยที่ในเวลาเพียง 1 ปีซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ได้สร้างผลงานอย่างไร้ข้อตำหนิในเรื่องการเดินตามระเบียบกฎหมาย การปฏิเสธไม่รับรองพวกโครงการระดับชาติที่มีความผิดปกติในเรื่องงบประมาณ ตลอดจนการขุดคุ้ยถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น เขาบอกว่ามีโครงโครงการใช้งบประมาณของทางราชการสูงถึง 60% ทีเดียวกลับไม่ได้มีการใช้จ่ายภายในจังหวัดของเขา โดยที่โครงการที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองที่สุดได้แก่ การก่อสร้างศูนย์บริหารจัดการขยะและเตาเผาขยะมูลค่า 12 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งสร้างขึ้นมาโดยไม่ได้มีการฟังความเห็นของชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง รวมทั้งอาจจะใช้งานไม่ได้อีกด้วย
ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์บอกว่า นายณรงค์ศักดิ์ ยังเปิด “แผลเน่าเปื่อย” ในเรื่องรูปปั้นปลาบึกที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรม ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะต่างๆ หลายแห่งที่ยังมีข้อพิพาทกันว่าใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ตลอดจนงานศิลปะที่มีการซื้อมาในราคา 10 เท่าตัวของมูลค่าจริงๆ พร้อมกันนั้นข่าวนี้ก็อ้างอิงรายงานจากปกของผู้จัดการสุดสัปดหาชิ้นดังกล่าว ซึ่งกล่าวว่า นายรณรงค์ศักดิ์เป็นคนมีฝีมือเกินไปและทำความระคายเคืองกวนใจเกินไปต่อพวกผลประโยชน์ทรงอำนาจอิทธิพล จนกระทั่ง พล.อ.อนุพงษ์ และนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้อง “สั่งเด้ง” นายณรงค์ศักดิ์ให้ออกนอกทาง ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 3 เดือนก่อน
รายงานนี้ระบุว่าอดีตที่ปรึกษารายหนึ่งซึ่งทำงานกับพวกโครงการรัฐบาลท้องถิ่นในจังหวัดเชียงราย ก็ได้ออกมายืนยันอีกรายหนึ่งว่ามีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยอดีตที่ปรึกษาผู้นี้กล่าวว่ารัฐมนตรีมหาดไทยผู้นี้มีชื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว นอกจากนั้นซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์ยังอ้างข่าวของหนังสือพิมพ์ข่าวสด ซึ่งรายงานคำพูดของนายศรีสุวรรณ จรรยา นักเคลื่อนไหวต่อต้านการทุจริตที่กล่าวว่า การย้ายนายณรงค์ศักดิ์ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยานั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือการลดตำแหน่ง สำหรับการออกมาตั้งคำถามที่ทำให้เกิดความกระอักระอ่วน “ในระบบราชการแล้วนี่ถือว่าเป็นการลงโทษ” นายศรีสุวรรณาบอก
ขณะที่การตัดสินย้ายนายณรงค์ศักดิ์ได้กระทำมาหลายเดือนแล้ว แต่เพิ่งมีการประกาศให้ทราบกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วขณะที่การปฏิบัติงานกู้ภัยกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น ชาวไทยจำนวนมากในสื่อสังคมต่างเกิดความข้องใจสงสัยว่าทำไมบุรุษผู้ซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีฝีมือในการบริหารจัดการวิกฤต และได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นในระดับระหว่างประเทศ จึงได้ถูกสั่งย้ายเช่นนี้ พร้อมกับขอร้อง พล.อ.ประยุทธ์ให้นายณรงค์ศักดิ์เป็นผู้ว่าฯอยู่ที่เชียงรายต่อไป แต่รัฐบาลบอกว่าการโย้ายเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนโยกย้ายข้าราชการประจำปีตามปกติเท่านั้น
สำหรับตัวนายณรงค์ศักดิ์เองซึ่งโฟกัสอยู่ที่งานกู้ภัยช่วยเด็กๆ และโค้ชออกมาจากถ้ำหลวง แทบไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย ในข้อความที่เขาเขียนเพื่ออำลาจากกลุ่มไลน์ส่วนราชการของเชียงราย เขากล่าวว่าเขาภูมิใจกับงานของเขา และขอให้เพื่อนร่วมงานทุกคนทุ่มเททำงานต่อไป “ผมรักเชียงราย ผมรักทุกคน” นายณรงค์ศักดิ์เขียนในตอนท้าย
ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์บอกว่า ถ้าบอกว่านายณรงค์ศักดิ์ได้ผงาดขึ้นมาในฐานะเป็นฮีโร่แล้ว ก็เป็นที่ชัดเจนว่าเรื่องนี้มี “ผู้ร้าย” ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ถูกเยาะหยันจากการที่เขาปรากฏตัวที่บริเวณแถวปากถ้ำแห่งนี้ในช่วงแรกๆ เมื่อตอนที่เขาและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเข้าไปก้าวก่ายการปฏิบัติงานในบริเวณแนวหน้า โดยที่เขามักแสดงอารมณ์เสียในเรื่องต้องการให้ทำตามระเบียบราชการเคร่งครัด ทั้งนี้การที่เขาตั้งคำถามเอากับผู้ที่ใช้โดรนทำการสำรวจถ้ำอยู่ ว่ามีใบอนุญาตหรือไม่ ได้กลายเป็นเรื่องที่ถูกส่งต่อทางสื่อสังคมอย่างกว้างขวาง นอกจากนั้นเขายังเคยถามว่าพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆ ที่หายไปได้ไปแจ้งความอย่างเป็นทางการหรือยัง
สื่อแดนจิงโจ้กล่าวว่า ความจุกจิกหยุมหยิมของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้สร้างความโกรธเกรี้ยวขึ้นทางออนไลน์ ก็เนื่องมาจากการประพฤติปฏิบัติของเขา ครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้ที่เขากลายเป็นข่าวพาดหัวก็คือการโค้งคำนับผู้ต้องสงสัยในคดีทารุณสัตว์ที่เป็นข่าวโด่งดังมาก โดยที่ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มกิจการก่อสร้างได้ถูกกล่าวหาว่ายิงเสือดำ และนำเอาอวัยวะเพศของมันมาต้มน้ำแกงกิน
บุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งหายหน้าหายตาไปอย่างน่าสงสัย เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าสมาชิกจำนวน 13 คนของทีมฟุตบอลทีมหนึ่งติดอยู่ใต้ดินข้างในถ้ำ ทว่ากลับไม่ได้เห็นไม่ได้ยินอะไรจากนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯเลย ขณะที่ทุกๆ คนตั้งแต่ทีมฟุตบอลทีมชาติโครเอเชียที่กำลังแข่งขันฟุตบอลโลก ไปจนถึง อีลอน มัสก์ ต่างปรากฏตัวเพื่อเข้ามีส่วนร่วมและเสนอให้ความช่วยเหลือในทางใดทางหนึ่งนั้น คุณูปการเพียงอย่างเดียวของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ดูเหมือนจะเป็นการเขียนจดหมายฉบับหนึ่งเพื่อตอบขอบคุณฟีฟ่าที่แสดงความปรารถนาดีมา
ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์กล่าวว่า พล.ต.อ.สมยศอาจจะคิดถูกแล้วที่พยายามอยู่นอกแวดวงการจับจ้องของสปอตไลต์ พร้อมกับเล่าว่า เมื่อตอนที่ พล.ต.อ.สมยศ ยังเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปี 2558 นั้น เขาเสนอให้สินบน 120,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียในกรณีวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ ซึ่งสังหารผู้คนไป 20 คน และบาดเจ็บ 125 คน แต่แล้วก็กลับมอบเงินดังกล่าวให้แก่ทีมงานของเขา ก่อนหน้านี้ในปีนี้เขายังถูกตั้งข้อสงสัยในการรับเงินประมาณ 12 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียจากเจ้าของซ่องวิกตอเรียส์ซีเครต ซึ่งได้ถูกตามไล่ล่าหลังจากมีเด็กหญิงวัย 12 ปีตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ด้วย นอกเหนือจากเด็กสาวอายุน้อยคนอื่นๆ ทั้งนี้การสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องเงินทองนี้กำลังดำเนินอยู่ แต่ก่อนที่จะเกิดวิกฤตเรื่องถ้ำหลวงนี้ขึ้นมา คำพูดท้ายสุดที่ พล.ต.อ.สมยศบอกกับสาธารณชนก็คือ เขากำลังพิจารณาว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งในการเลือกตั้งปีหน้าหรือไม่
รายงานข่าวที่เขียนโดย ไมเคิล รัฟเฟิลส์ บรรณาธิการข่าว (Desk Editor) ของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เริ่มต้นโดยบอกว่า ห่างไกลออกไปจากปากถ้ำหลวง นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ต้องต่อสู้และพ่ายแพ้ในสมรภูมิอีกแห่งหนึ่ง - สมรภูมิในการรักษาตำแหน่งของตนเอาไว้
“ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานของการปฏิบัติงานกู้ภัย ข้าราชการผู้หนึ่งซึ่งได้ก้าวเข้าไปแบกความรับผิดชอบ ในยามที่ขาดไร้คนที่จะแสดงบทบาทเป็นผู้นำ กลับถูก “เด้ง” ออกจากตำแหน่งให้ไปอยู่ในจังหวัดที่เล็กกว่า ทั้งๆ ที่เขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและทรงประสิทธิภาพ ขณะที่คนอื่นๆ เอาแต่ทะเลาะเบาะแว้งและเที่ยวโยนกลอง แต่ก็ด้วยคุณสมบัติต่างๆ ที่เขาแสดงออกมาให้เห็นในเวลาที่โลกเฝ้าจับตาติดตามการกู้ภัยช่วยเหลือเด็ก 12 คนและโค้ชฟุตบอลของพวกเขานั่นแหละ ซึ่งทำให้เขาตกเป็นเป้าความเดือดดาลโกรธเกรี้ยวของคณะทหารที่กำลังปกครองประเทศ” ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์บอก
ข่าวของสื่อออสเตรเลียชิ้นนี้ได้อ้างอิง รายงานจากปกของนิตยสาร “ผู้จัดการสุดสัปดาห์” ที่ใช้ชื่อเรื่องว่า “แม่ทัพถ้ำหลวง VS แม่ทัพโรงขยะ” โดยบอกว่าเป็นรายงานข่าวสืบสวนขนาดยาวที่ให้ละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างนายณรงค์ศักดิ์ กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบกและเป็นสมาชิกทรงอำนาจของคณะทหารที่กำลังปกครองประเทศ โดยที่ในเวลาเพียง 1 ปีซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ได้สร้างผลงานอย่างไร้ข้อตำหนิในเรื่องการเดินตามระเบียบกฎหมาย การปฏิเสธไม่รับรองพวกโครงการระดับชาติที่มีความผิดปกติในเรื่องงบประมาณ ตลอดจนการขุดคุ้ยถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น เขาบอกว่ามีโครงโครงการใช้งบประมาณของทางราชการสูงถึง 60% ทีเดียวกลับไม่ได้มีการใช้จ่ายภายในจังหวัดของเขา โดยที่โครงการที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองที่สุดได้แก่ การก่อสร้างศูนย์บริหารจัดการขยะและเตาเผาขยะมูลค่า 12 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งสร้างขึ้นมาโดยไม่ได้มีการฟังความเห็นของชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง รวมทั้งอาจจะใช้งานไม่ได้อีกด้วย
ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์บอกว่า นายณรงค์ศักดิ์ ยังเปิด “แผลเน่าเปื่อย” ในเรื่องรูปปั้นปลาบึกที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรม ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะต่างๆ หลายแห่งที่ยังมีข้อพิพาทกันว่าใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ตลอดจนงานศิลปะที่มีการซื้อมาในราคา 10 เท่าตัวของมูลค่าจริงๆ พร้อมกันนั้นข่าวนี้ก็อ้างอิงรายงานจากปกของผู้จัดการสุดสัปดหาชิ้นดังกล่าว ซึ่งกล่าวว่า นายรณรงค์ศักดิ์เป็นคนมีฝีมือเกินไปและทำความระคายเคืองกวนใจเกินไปต่อพวกผลประโยชน์ทรงอำนาจอิทธิพล จนกระทั่ง พล.อ.อนุพงษ์ และนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้อง “สั่งเด้ง” นายณรงค์ศักดิ์ให้ออกนอกทาง ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 3 เดือนก่อน
รายงานนี้ระบุว่าอดีตที่ปรึกษารายหนึ่งซึ่งทำงานกับพวกโครงการรัฐบาลท้องถิ่นในจังหวัดเชียงราย ก็ได้ออกมายืนยันอีกรายหนึ่งว่ามีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยอดีตที่ปรึกษาผู้นี้กล่าวว่ารัฐมนตรีมหาดไทยผู้นี้มีชื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว นอกจากนั้นซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์ยังอ้างข่าวของหนังสือพิมพ์ข่าวสด ซึ่งรายงานคำพูดของนายศรีสุวรรณ จรรยา นักเคลื่อนไหวต่อต้านการทุจริตที่กล่าวว่า การย้ายนายณรงค์ศักดิ์ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยานั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือการลดตำแหน่ง สำหรับการออกมาตั้งคำถามที่ทำให้เกิดความกระอักระอ่วน “ในระบบราชการแล้วนี่ถือว่าเป็นการลงโทษ” นายศรีสุวรรณาบอก
ขณะที่การตัดสินย้ายนายณรงค์ศักดิ์ได้กระทำมาหลายเดือนแล้ว แต่เพิ่งมีการประกาศให้ทราบกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วขณะที่การปฏิบัติงานกู้ภัยกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น ชาวไทยจำนวนมากในสื่อสังคมต่างเกิดความข้องใจสงสัยว่าทำไมบุรุษผู้ซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีฝีมือในการบริหารจัดการวิกฤต และได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นในระดับระหว่างประเทศ จึงได้ถูกสั่งย้ายเช่นนี้ พร้อมกับขอร้อง พล.อ.ประยุทธ์ให้นายณรงค์ศักดิ์เป็นผู้ว่าฯอยู่ที่เชียงรายต่อไป แต่รัฐบาลบอกว่าการโย้ายเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนโยกย้ายข้าราชการประจำปีตามปกติเท่านั้น
สำหรับตัวนายณรงค์ศักดิ์เองซึ่งโฟกัสอยู่ที่งานกู้ภัยช่วยเด็กๆ และโค้ชออกมาจากถ้ำหลวง แทบไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย ในข้อความที่เขาเขียนเพื่ออำลาจากกลุ่มไลน์ส่วนราชการของเชียงราย เขากล่าวว่าเขาภูมิใจกับงานของเขา และขอให้เพื่อนร่วมงานทุกคนทุ่มเททำงานต่อไป “ผมรักเชียงราย ผมรักทุกคน” นายณรงค์ศักดิ์เขียนในตอนท้าย
ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์บอกว่า ถ้าบอกว่านายณรงค์ศักดิ์ได้ผงาดขึ้นมาในฐานะเป็นฮีโร่แล้ว ก็เป็นที่ชัดเจนว่าเรื่องนี้มี “ผู้ร้าย” ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ถูกเยาะหยันจากการที่เขาปรากฏตัวที่บริเวณแถวปากถ้ำแห่งนี้ในช่วงแรกๆ เมื่อตอนที่เขาและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเข้าไปก้าวก่ายการปฏิบัติงานในบริเวณแนวหน้า โดยที่เขามักแสดงอารมณ์เสียในเรื่องต้องการให้ทำตามระเบียบราชการเคร่งครัด ทั้งนี้การที่เขาตั้งคำถามเอากับผู้ที่ใช้โดรนทำการสำรวจถ้ำอยู่ ว่ามีใบอนุญาตหรือไม่ ได้กลายเป็นเรื่องที่ถูกส่งต่อทางสื่อสังคมอย่างกว้างขวาง นอกจากนั้นเขายังเคยถามว่าพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆ ที่หายไปได้ไปแจ้งความอย่างเป็นทางการหรือยัง
สื่อแดนจิงโจ้กล่าวว่า ความจุกจิกหยุมหยิมของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้สร้างความโกรธเกรี้ยวขึ้นทางออนไลน์ ก็เนื่องมาจากการประพฤติปฏิบัติของเขา ครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้ที่เขากลายเป็นข่าวพาดหัวก็คือการโค้งคำนับผู้ต้องสงสัยในคดีทารุณสัตว์ที่เป็นข่าวโด่งดังมาก โดยที่ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มกิจการก่อสร้างได้ถูกกล่าวหาว่ายิงเสือดำ และนำเอาอวัยวะเพศของมันมาต้มน้ำแกงกิน
บุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งหายหน้าหายตาไปอย่างน่าสงสัย เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าสมาชิกจำนวน 13 คนของทีมฟุตบอลทีมหนึ่งติดอยู่ใต้ดินข้างในถ้ำ ทว่ากลับไม่ได้เห็นไม่ได้ยินอะไรจากนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯเลย ขณะที่ทุกๆ คนตั้งแต่ทีมฟุตบอลทีมชาติโครเอเชียที่กำลังแข่งขันฟุตบอลโลก ไปจนถึง อีลอน มัสก์ ต่างปรากฏตัวเพื่อเข้ามีส่วนร่วมและเสนอให้ความช่วยเหลือในทางใดทางหนึ่งนั้น คุณูปการเพียงอย่างเดียวของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ดูเหมือนจะเป็นการเขียนจดหมายฉบับหนึ่งเพื่อตอบขอบคุณฟีฟ่าที่แสดงความปรารถนาดีมา
ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์กล่าวว่า พล.ต.อ.สมยศอาจจะคิดถูกแล้วที่พยายามอยู่นอกแวดวงการจับจ้องของสปอตไลต์ พร้อมกับเล่าว่า เมื่อตอนที่ พล.ต.อ.สมยศ ยังเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปี 2558 นั้น เขาเสนอให้สินบน 120,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียในกรณีวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ ซึ่งสังหารผู้คนไป 20 คน และบาดเจ็บ 125 คน แต่แล้วก็กลับมอบเงินดังกล่าวให้แก่ทีมงานของเขา ก่อนหน้านี้ในปีนี้เขายังถูกตั้งข้อสงสัยในการรับเงินประมาณ 12 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียจากเจ้าของซ่องวิกตอเรียส์ซีเครต ซึ่งได้ถูกตามไล่ล่าหลังจากมีเด็กหญิงวัย 12 ปีตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ด้วย นอกเหนือจากเด็กสาวอายุน้อยคนอื่นๆ ทั้งนี้การสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องเงินทองนี้กำลังดำเนินอยู่ แต่ก่อนที่จะเกิดวิกฤตเรื่องถ้ำหลวงนี้ขึ้นมา คำพูดท้ายสุดที่ พล.ต.อ.สมยศบอกกับสาธารณชนก็คือ เขากำลังพิจารณาว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งในการเลือกตั้งปีหน้าหรือไม่