ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ผู้หญิงหลายคนฝันอยากเป็นผู้นำฝันอยากมีตำแหน่งทางการเมือง ฝันอยากเป็นรัฐมนตรี ฝันอยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่คนที่ฝันมักจะไม่ได้ในสิ่งที่หวัง เพราะความอยากได้-อยากมี-อยากเป็น มักจะทำให้เลือกเดินในทางที่ผิด
เหมือนกับ “ตั๊น” น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ที่ทุกครั้งที่ปรากฏตามหน้าสื่อ จะมีแต่ข่าวด้านลบ แทบไม่มีด้านบวก แถมข่าวค(ร)าวถูกขั้วตรงข้ามนำไปขยายผลด่าทอทั้งบนดิน-ใต้ดิน บลัฟกลับต้นตระกูลสูงส่งที่ทำตัวลดชั้นอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
ยิ่ง “ตั๊น” ถูกจับได้ไล่ทันว่ายื่นคำร้องขอความช่วยเหลือเงินประกันตัวจากกองทุนยุติธรรม เพื่อต่อสู้ทางคดีร่วมการชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. ไปวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ถูกท้วงติงเรื่องความเหมาะสม เพราะหาก “ตั๊น”จะบอกว่าไม่มีเงินมาสู้คดี คงโกหกคนทั้งประเทศ
แต่แล้ว “ตั๊น” ก็ยอมถอยปลีกวิเวกตัวเองไปอย่างเงียบๆ ไม่กล้าแม้จะยื่นเอกสารมาให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณา แม้จะต่อเวลาให้ 2 ครั้ง 2 ครา แต่ก็ไร้เสียงตอบรับ คงมีโค้ชติวมาดีว่าหากดื้อดึงจะขี้เหนียว-ขี้ตืด คงโดนสับเละ หมายจะเอาเงินกองทุนที่ช่วยเหลือคนจนมาปรนเปรอตัวเอง ซึ่งมีฐานะทางบ้านสูงส่ง-ร่ำรวย ทั้งเงินทอง-เกียรติยศ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ตั๊น” มีข่าวเสียหายโดยไม่จำเป็น จนหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใด “พรรคประชาธิปัตย์” ยังคงให้ “ตั๊น” หากินในนามพรรคอยู่
หากยังจำกันได้ “ตั๊น” สมัยที่ยังใช้นามสกุล “ภิรมย์ภักดี” เจ้าของแบรนด์สิงห์ เปิดตัวได้อย่างสวยงาม หลังกล้านำปฏิทินสุดสยิวของลีโอมาแจกที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อปี 2553 ทั้งที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่งทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า “ตั๊น” เปิดประตูหลังตึกไทยคู่ฟ้า แจกปฏิทินสุดสยิวต่อสื่อมวลชนจนถูกด่ากันให้แซดทั้งประเทศ
แม้ “ตั๊น” จะไม่เดือดร้อนมากมายนัก แต่ความไร้เดียงสาทางการเมือง ส่งผลให้ลูกพี่อย่าง “มาร์ค” ต้องแบกหน้าออกมาขอโทษสังคม ตรงกันข้ามกับ “ตั๊น” แม้จะออกมาขอโทษ แต่งานนี้ดังไม่ใช่เล่น สื่อไทยวิ่งพล่านขอต่อสายสัมภาษณ์เปลือยชีวิตกันเกือบทุกสำนัก
เส้นทางการเมืองของ “ตั๊น” มาพีกอีกครั้งหลังเข้าร่วมกับ กปปส.ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2556-2557 จนเกิดศึกตระกูล “ภิรมย์ภักดี” ที่รับไม่ได้กับจุดยืนของ “ตั๊น” ประกาศไม่ให้ใช้นามสกุลไปเกลือกกลั้วทางการเมือง ออกแถลงการณ์บลัฟกันไปจน “ตั๊น” ต้องถอยฉากมาใช้นามสกุล “กฤดากร” ซึ่งเป็นนามสกุลของแม่แทน
หลังเสร็จศึก กปปส. “ตั๊น” เก็บเงียบได้ไม่นาน ก็มีข่าวลือกันให้แซดว่า “พี่ใหญ่ คสช.” ต้องการผลักดันให้เข้ามานั่งเก้าอี้รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อปูทางทำงานทางการเมือง แต่กลับถูก “เบอร์หนึ่ง คสช.”เบรกหัวทิ่ม ลือกันว่าส่งเอกสารมาแล้ว แต่ “เบอร์หนึ่ง คสช.” ไม่เซ็นคำสั่งด้วยซ้ำ
โดย “ตั๊น” ผู้พราวเสน่ห์ก็เดินเกมหนักขอร้อง-ขอช่วยให้ “พี่ใหญ่ คสช.” ออกแรงอีกสักนิด เพื่อให้ตัวเองได้สมหวังดั่งใจหมาย จน “พี่ใหญ่ คสช.” ลั่นวิวาทะ “นี่กูพี่มึงนะ” กลางวงประชุม กำเนิดข่าวเกาเหลาใน “พี่น้อง คสช.” จนมองหน้าไม่ติดกันไปพักใหญ่
แต่ข่าวที่มาแรงแซงทางโค้งหนีไม่พ้นช่วงที่ “ตั๊น” เดินเข้าออกบ้านพักนายทหารใหญ่แถวถนนวิภาวดี ถูกการันตีว่าสนิทชิดเชื้อกับ “บิ๊กทหาร” จนบรรดานายร้อย-นายสิบ-นายเวร ต้องตะเบ๊ะหากเจอหน้าสวยๆ ของ “ตั๊น”
จากนั้น “ตั๊น” วางแพลนว่าจะรีแบรนด์ตัวเองเสียใหม่ เพื่อให้พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง หวังเป็น ส.ส.ให้ได้ เพื่อกรุยเข้าไปนั่งในสภา ก่อนต่อยอดไปรับตำแหน่งฝ่ายบริหาร แต่แล้วก็มาสะดุดขาตัวเองอีกครั้ง เมื่ออาการไร้เดียงสาทางการเมืองเข้าสิงร่าง ย่องเงียบไปยื่นขอกองทุนยุติธรรมสู้คดี
“ตั๊น” โดนวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมอย่างหนัก ยิ่งโลกโซเชียลนำรูปไปตัดต่อด่าทอแบบแทบไม่เหลือเครดิต แถมบรรดามิตรสหายใน ปชป.ที่เคยสนิทสนมก็พยายามตีตัวออกห่าง เกรงว่าภาพลักษณ์ของ “ตั๊น” ในด้านเสียหาย จะพาให้ตัวเองคอยเสื่อมเสียไปด้วย
ความฝันของ “ตั๊น” ที่อยากจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว แต่ความฝันเป็นรัฐมนตรีผู้หญิง แม้มีโอกาสแต่แทบเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน เพราะหากเอ่ยชื่อ “ตั๊น” ชั่วโมงนี้มีแต่คนเบือนหน้าหนี เพราะข่าวไม่เคยมีด้านบวก มีแต่ด้านลบออกมาให้คนเห็น
วันนี้ชื่อของ “ตั๊น” ในวงการการเมืองได้ถูกถอดออกจากสาระบบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพราะ “ตั๊น” ได้ทำลายอนาคตของตัวเองด้วยมือของ “ตั๊น” เอง ต่อให้ “บิ๊กทหาร”มีอำนาจแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้