xs
xsm
sm
md
lg

BTSเยียวยา"คืนเงิน-เพิ่มรอบฟรี" “คีรี”ลั่นไม่ผิด-บ่นลงทุน20ปีไม่คุ้ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“บีทีเอส”แถลงมาตรการเยียวยาผู้โดยสารได้รับผลกระทบรถไฟฟ้าขัดข้อง 25-27 มิ.ย. "คืนเงิน-เพิ่มรอบนั่งฟรี" คาดเสียรายได้ 20-30 ล้าน “คีรี” ยันบีทีเอสไม่ผิด โอดลงทุนมา 20 ปีไม่คุ้ม ย้อนเวลาได้คงไม่ลงทุน แต่คุยฟุ้งพร้อมลุย “ไฮสปีดเทรน3สนามบิน” มีต่างชาติสนใจร่วมเป็นพันธมิตร แย้มจับมือ “เจ้าสัวซีพี” ด้วย ล่าสุดทุนจีน-เกาหลีรวม 3 รายซื้อซองรถไฟเชื่อมสนามบินเพิ่ม รวมถึงตอนนี้ 19 รายชิงชัย

วานนี้ (5 ก.ค.) นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) (BTSC) ผู้รับสัมปทานให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.บีทีเอส โฮลดิ้งส กรุ๊ป (BTS) พร้อมด้วย นายอาณัติ อาภาภิรม ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดการ บีทีเอส และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส ร่วมกันแถลงถึงมาตรการแก้ไขปัญหาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้อง ตลอดจนมาตรการเยียวยาความเดือดร้อนของผู้โดยสารในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับมาตรการเยียวยาผู้โดยสารได้รับผลกระทบจากรถไฟฟ้าขัดข้องเมื่อวันที่ 25-27 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ในส่วนของผู้โดยสารประเภทตั๋วเที่ยวเดียว สามารถนำกลับมาใช้ได้ภายใน 14 วัน หากไม่ต้องการเดินทางขอคืนเงินได้ภายในวันที่ 31 ก.ค.61 ส่วนบัตรโดยสารประเภทแบบเติมเงิน สามารถขอรับเที่ยวเดินทางพิเศษจำนวน 3 เที่ยว และผู้ถือบัตรโดยสารประเภทเที่ยวเดินทาง 30 วัน สามารถขอรับเที่ยวเดินทางพิเศษจำนวน 6 เที่ยว โดยให้นำบัตรโดยสารมาติดต่อขอรับการเดินทางพิเศษได้ทุกสถานี ตั้งแต่วันที่ 7-31 ก.ค.61 ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีผู้โดยสารมาขอรับสิทธิ์ดังกล่าวทำให้สูญเสียรายได้ราว 20-30ล้านบาท

โดย นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่กสทช.ได้เสนอให้บีทีเอสใช้คลื่น 800-900 MHzจากปัจจุบันใช้คลื่น 2400 MHz ซึ่งเป็นคลื่นที่จะจัดสรรให้โครงการรถไฟความเร็วสูง แต่หากจัดสรรให้บีทีเอสเราก็ยินดีพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ทั้งนี้ บริษัทคงต้องหารือกับซัพพลายเออร์ก่อน

นอกจากนี้ นายคีรี ยังเปิดเผยด้วยว่า ในวันนี้ (6 ก.ค) จะมีการนำเข้าอุปกรณ์ช่วยกรองสัญญาณเพื่อนำมาติดตั้งเพิ่มเติมในตัวรถไฟฟ้า เพื่อให้การเดินรถเสถียรขึ้นซึ่งบริษัทมั่นใจว่าในสุดสัปดาห์นี้การเดินรถไฟฟ้าจะเข้าสู่ภาวะปกติ รวมทั้งจะพิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการมีคลื่นใหม่ๆเข้ามา โดยเจรจากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหารถไฟฟ้าแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน คงยังทำได้ไม่เต็มที่นัก เพราะติดปัญหาคอขวดที่สถานีสะพานตากสิน ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ข้อยุติการเจรจากับกรุงเทพมหานคร (กทม.)และภาครัฐ โดยได้มีการออกแบบส่งให้กทม.แล้วและอยู่ระหว่างการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)เพิ่มเติม

นายคีรี กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ความล่าช้าในการเดินรถที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้มองว่า กสทช. ทีโอที ดีแทค หรือบีทีเอส ผิด เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่ใช่บีทีเอสผิดทั้ง 100% มาตรการที่ออกมานี้ไม่ใช่การชดเชย เพียงแต่บริษัทไม่ต้องการให้ผู้โดยสารเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว

“อย่าให้บริษัทต้องรับทุกอย่าง อยากให้เข้าใจว่า การลงทุนรถไฟฟ้าเมื่อ 20ปีที่แล้ว เป็นเพราะผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถ้าผมรู้เท่าถึงการณ์คงไม่ลงทุน 5 หมื่นล้านบาท และดอกเบี้ย 5% โดยบริษัทลงทุนทั้งหมด กทม.ไม่ได้ใส่เงินเลย ซึ่งช่วงเวลานั้นดอกเบี้ยสูงกว่านั้น แต่วันนี้บีทีเอสมีกำไรเพราะเราไม่มีหนี้ ซึ่งบริษัทได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทำให้หนี้เงินต้นไม่มี จึงได้มีกำไร ซึ่งระบบขนส่งมวลชนหลังจากบีทีเอสรัฐบาลลงทุนด้านการก่อสร้างหมด เอกชนลงทุนด้านระบบเดินรถเท่านั้น วันนี้บีทีเอสแข็งแรงแล้ว บริษัทจึงลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม” นายคีรีกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายคีรี ได้กล่าวแสดงความพร้อมที่จะลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมืองและสนามบินอู่ตะเภา ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดประกาศเชิญชวนคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน(ทีโออาร์) เนื่องจากเป็นระบบและเส้นทางใหม่ โดยจะจับมือกับพันธมิตร คือ บีเอสอาร์(บีทีเอส บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น และบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง)ที่จะเข้าร่วมกันประมูลโครงการนี้ นอกจากนี้ยังมีบริษัทต่างชาติ2รายจากยุโรปและเอเชียสนใจที่จะมาร่วมกับกลุ่มบีทีเอสในการประมูลโครงการดังกล่าวด้วย โดยบริษัทต่างชาตินี้มีความเชี่ยวชาญด้านบริหารที่ดิน และรถไฟฟ้า ส่วนปตท.หากสนใจร่วมทุนกับกลุ่มบีทีเอสในการเข้าประมูลก็ยินดี เพราะโครงการขนาดใหญ่คงไม่มีใครทำเองได้ทั้งหมด ขณะเดียวกัน ตนก็ได้มีการเจรจากับนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) มาหลายครั้งเพื่อมองหาโอกาสการร่วมมือกัน โดยหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะประมูลก็จะเสนอบางโครงการเข้าไปร่วมทุนด้วย เช่น อสังหาริมทรัพย์ การเดินรถฯ เป็นต้น ทั้งนี้บีทีเอสเปิดกว้าง พร้อมที่จะเจรจากับผู้ที่สนใจและตั้งใจจริงในการเป็นพันธมิตรในโครงการดังกล่าว

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ได้มีบริษัทเข้าซื้อเอกสารการเสนอราคาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) วงเงินลงทุน 2.2 แสนล้านบาท จำนวน 3 บริษัท คือ 1.China Resources (Holdings) Company Limited 2.CITIC Group Corporation และ 3.Korea-Thai High-Speed Railroad Consortium Inc.

โดยก่อนนี้มีบริษัทเอกชนเข้าซื้อเอกสารแล้ว 16 บริษัท อาทิ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน), 9.บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน), บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่าเรลเวย์ กรุ๊ป เป็นต้น

ส่งผลให้ขณะนี้ผู้ซื้อเอกสารที่จำหน่ายในราคาชุดละ 1 ล้านบาทรวมแล้ว 19 บริษัท โดยจะเปิดขายไปจนถึงวันที่ 9 ก.ค. หลังจากนั้นจะเปิดรับซองเอกสารเสนอราคาในวันที่ 12 พ.ย. และประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคาในวันที่ 13 พ.ย.61ต่อไป.


กำลังโหลดความคิดเห็น