ผู้จัดการรายวัน360- เลขาฯป.ป.ช. "วรวิทย์ สุขบุญ" เผยคณะทำงานเตรียมรวบรวม สรุปข้อเท็จจริง กรณี "นาฬิกาหรูบิ๊กป้อม" เข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.สัปดาห์หน้า หลังสอบพยานบุคคลเพิ่มอีก 2 รายครบแล้ว
วานนี้ (3ก.ค.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึง ความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมว่า ภายในสัปดาห์หน้า คณะทำงานจะเสนอรายงานสรุปผลการรวบรวมข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว เข้าสู่ที่ประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณา ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้วครั้งหนึ่ง แต่ที่ประชุมให้คณะทำงานไปรวบรวมข้อมูลจากการสอบพยานบุคคลเพิ่มอีก 2 ราย ซึ่งปัจจุบันสอบพยานครบแล้ว ส่วนการรายงานดังกล่าว มีความคืบหน้าอย่างไรนั้น ตนยังไม่ทราบ เพราะยังไม่เห็นรายงาน ส่วนการเป็นเรื่องของคณะทำงานที่มีการลงพื้นที่ดำเนินการ
ส่วนเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนได้เลยหรือไม่นั้น จะต้องรอมติของที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งหากมีความชัดเจน ก็จะมีการแถลงรายละเอียดให้ทราบ ส่วนจะต้องมีการเชิญ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงข้อมูลด้วยตนเองต่อ ป.ป.ช.หรือไม่นั้น อย่าเพิ่งถามไปถึงขั้นนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวทางในการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว หากคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่า มีการกระทำผิดฐานปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวน โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อพิจารณาได้เลย แต่หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า มีการกระทำผิดในฐานร่ำรวยผิดปกติ หรือการรับทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงกว่า 3,000 บาทด้วย ก็จะต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการต่อไป
วานนี้ (3ก.ค.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึง ความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมว่า ภายในสัปดาห์หน้า คณะทำงานจะเสนอรายงานสรุปผลการรวบรวมข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว เข้าสู่ที่ประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณา ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้วครั้งหนึ่ง แต่ที่ประชุมให้คณะทำงานไปรวบรวมข้อมูลจากการสอบพยานบุคคลเพิ่มอีก 2 ราย ซึ่งปัจจุบันสอบพยานครบแล้ว ส่วนการรายงานดังกล่าว มีความคืบหน้าอย่างไรนั้น ตนยังไม่ทราบ เพราะยังไม่เห็นรายงาน ส่วนการเป็นเรื่องของคณะทำงานที่มีการลงพื้นที่ดำเนินการ
ส่วนเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนได้เลยหรือไม่นั้น จะต้องรอมติของที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งหากมีความชัดเจน ก็จะมีการแถลงรายละเอียดให้ทราบ ส่วนจะต้องมีการเชิญ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงข้อมูลด้วยตนเองต่อ ป.ป.ช.หรือไม่นั้น อย่าเพิ่งถามไปถึงขั้นนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวทางในการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว หากคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่า มีการกระทำผิดฐานปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวน โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อพิจารณาได้เลย แต่หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า มีการกระทำผิดในฐานร่ำรวยผิดปกติ หรือการรับทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงกว่า 3,000 บาทด้วย ก็จะต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการต่อไป