xs
xsm
sm
md
lg

สงครามการค้า...ไม่บ้าก็ต้องบ้า!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

<b>ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา</b>
ช่วงระหว่างนี้...แม้ว่าบรรยากาศ “สันติภาพ” จะเริ่มก่อรูป ก่อร่าง ให้พอเห็นเค้าๆ ลางๆ หรือให้พอชื่นอกชื่นใจ แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี แต่สำหรับวันนี้...คงต้องชี้ชวนให้หันไปมองเรื่อง “สงคราม” เอาไว้มั่ง โดยเฉพาะที่ถูกเรียกขานกันในนาม “สงครามการค้า” นั่นแหละทั่น ไม่ว่าจะเป็นประเภทการแซงชั่น การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า...นับวันมันชักจะออกอาการดุเดือดเลือดพล่านยิ่งขึ้นทุกขณะ...

แม้ว่าบรรดากูรู กูรู้ หรือพวกผู้เชี่ยวชาญในบ้านเรา เค้าพยายามมองโลกในแง่ดี หรือโลกสวยเอาไว้ก่อน คือมองสิ่งที่เรียกว่า “สงครามการค้า” ซึ่งคุณพ่ออเมริกา ภายใต้การนำของ “ทรัมป์บ้า” เป็นผู้เปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้งขึ้นมาเป็นรายแรก เอาไป-เอามาแล้ว มันคงไม่ถึงกับหนักหนาสาหัสมากมายซักเท่าไหร่ สำหรับโลกทั้งโลก หรือมองว่าน่าจะเป็นสงครามแบบ “จำกัดวง” หรือ “จำกัดขอบเขต” อะไรประมาณนั้น คล้ายๆ อย่างยุคที่อดีตประธานาธิบดี “บุชผู้ลูก” เคยงัดมาตรการขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมต่อบรรดาประเทศในยุโรปเมื่อช่วงปี ค.ศ. 2006 โน่นเลย แต่หลังจากขึ้นไป-ขึ้นมาได้ซักพักใหญ่ๆ เมื่อหันมามองถึงผลบวก-ผลลบที่อุบัติขึ้นมากับประเทศตัวเอง ที่มันออกไปทางมีแต่เจ๊ง...กับ...เจ๊ง หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มาตรการที่ว่า หรือสงครามที่ว่า ก็มีอันต้องเลิกไปซะเฉยๆ ทำนองนั้น...

แต่สำหรับ “ทรัมป์บ้า” นั้น เมื่อเทียบกับ “บุชผู้ลูก” แล้ว...ก็น่าจะมีความผิดแผก แตกต่างกันอยู่ตามสมควร อย่างน้อย...ก็ในแง่ “ลูกบ้า” ที่น่าจะห่างชั้นกันอยู่มิใช่น้อย การเปิดฉากสงครามการค้าของ “ทรัมป์บ้า” ไม่ว่าในแง่ของการแซงชั่น การงัดมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าต่อบรรดาประเทศต่างๆ มันเลยอุตลุดชุลมุน แถมทำท่าว่ามีแต่จะ “ขยายวง” ออกไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดจะจำกัดเขต หรือแม้แต่จำกัดมิตร จำกัดศัตรู เอาเลยแม้แต่น้อย คือไม่ว่าหน้าไหนต่อหน้าไหน ถ้าหากหน้าดันไม่เหมือนบิดาบังเกิดเกล้าของประธานาธิบดีผู้นี้แล้ว มีแต่ต้องโหยหวน ครวญคราง ปวดแสบ ปวดร้อน ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่ามิตรใกล้ชิดติดพรมแดน อย่างแคนาดาและเม็กซิโก มิตรที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ หันซ้าย-หันขวาโลกทั้งโลกมาโดยตลอด อย่างบรรดามิตรประเทศในยุโรป ต่างก็ครวญๆ ครางๆ ไม่ต่างอะไรไปจาก “ศัตรู” อย่างรัสเซียและจีน ที่ขณะรายหนึ่งถูกแซงชั่นและยกระดับการแซงชั่นมาโดยตลอด อีกรายหนึ่งก็ต้องเจอกับมาตรการขึ้นภาษีสินค้าเข้าล็อตแล้ว ล็อตเล่า ล็อตแรกนั้นปาเข้าไป 30,000 กว่าล้านดอลลาร์ รวมจำนวนสินค้า 818 รายการ แม้เคยเจรจาตกลงกันแล้ว ก็ดัน “เบี้ยว” เอาดื้อๆ แถมตามมาด้วยล็อตสอง ที่เพิ่งป่าวประกาศไปเมื่อวันศุกร์ (15 มิ.ย.) ที่ผ่านมา มีผลบังคับในวันที่ 6 ก.ค.เดือนหน้า คราวนี้ปาเข้าไปอีก 50,000 กว่าล้านดอลลาร์ รวมจำนวนสินค้าถึง 1,100 รายการ...

และย่อมแน่นอนนั่นแหละว่า...คุณพี่จีนท่านคงไม่คิดจะเอามือซุกหีบอยู่แล้วแน่ๆ การประกาศตอบโต้ แก้แค้นเอาคืน ด้วยมาตรการที่มีน้ำหนักและขอบเขตไม่น้อยไปกว่ากัน ก็จึงอุบัติตามมาชนิดไม่สนใจ “คำขู่” ที่รัฐบาลสหรัฐฯ บอกว่ากำลังเตรียมหามาตรการเล่นงานใหม่ๆ ถ้าหากจีนคิดจะตอบโต้สหรัฐฯ การแก้แค้นเอาคืนระหว่างประเทศที่ “ขนาดเศรษฐกิจ” ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งและอันดับสองของโลกเช่นนี้ ยังไงๆ...มันน่าจะส่งผลออกไปทาง “โลกซวย” มากกว่า “โลกสวย” อยู่แล้วแน่ๆ แต่จะซวยขนาดไหน จะถึงขั้นฉิบหายวายวอดกันไปทั้งโลกหรือไม่ อย่างไร อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องหันมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ความบ้าของ “ทรัมป์บ้า” ว่าเอาไป-เอามาแล้ว...มันจะบ้ามาก บ้าน้อยไปถึงขั้นไหน...

คือถ้ามองจากมุมมองของจีน โดยเฉพาะจากบทบรรณาธิการ “Global Times” สื่อทางการของจีนเที่ยวล่าสุด ดูๆ เขาจะเน้นไปในทำนองว่า ความบ้าเหล่านี้ น่าจะมีที่มา-ที่ไปจากความพยายามตอบสนองความรู้สึกของบรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฯ ในช่วงการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึง แต่มุมมองที่ว่า...ก็ยังไม่น่าจะครอบคลุมไปถึงข้อสรุปได้แบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ไปซะทั้งหมด โดยเฉพาะถ้าหยิบเอาข้อวิเคราะห์ของ “Krishnadev Calamur” อดีตบรรณาธิการสำนักข่าว NPR และคอลัมนิสต์ นิตยสาร “The Atlantic” ที่ไล่เรียงเอาไว้ในบทความชิ้นล่าสุด เรื่อง “Trump Always Wanted a Trade War and Now He’s Got Several” มาใคร่ครวญ พิจารณาควบคู่ไปด้วย เพราะถ้าว่ากันตามมุมมองของอดีตบรรณาธิการผู้นี้...สงครามการค้าของ “ทรัมป์บ้า” นั้น น่าจะมีที่มาจาก “ความบ้าโดยสายเลือด” หรือ “ความบ้าโดยสัญชาตญาณ” ซะเป็นหลัก...

ด้วยเหตุเพราะมันเป็นความบ้า...ที่แทบไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่เลือกมิตร-เลือกศัตรูเรียกว่า...แม้แต่กระทั่งประเทศอินตะระเดีย ของคุณ “Krishnadev Calamur” ที่รัฐบาลอเมริกันเคยเทียวไล้เทียวขื่อ อยากจะดึงเอามาเป็นมิตร เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เอาไว้ถ่วงดุลกับจีน ถึงขั้นยอมเปลี่ยนชื่อ “กองบัญชาการภาคพื้นแปซิฟิก” ให้เป็น “กองบัญชาการภาคพื้นอินโดฯ-แปซิฟิก” เพื่อที่จะยกระดับความสำคัญของอินตะระเดียเป็นการเฉพาะ ก็ยังมิวายอาจต้องถูก “แซงชั่น” อันเนื่องมาจากดันไปขอซื้อน้ำมันจากอิหร่านด้วยเงินรูปี และเตรียมจะซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธ “S-400” จากรัสเซียซะอีกต่างหาก คุณ “กฤษณเทพ” (Krishnadev) ท่านเลยสรุปเอาไว้ว่า มันน่าจะมาจากพื้นฐานความคิด หรือสัญชาตญาณอะไรประมาณนั้น อันสะท้อนให้เห็นจากคำพูด คำจาของ “ทรัมป์บ้า” ก่อนหน้านี้ ที่เคยพูดๆ เอาไว้ว่า “Trade Wars are good, and easy to win.” หรือ “สงครามการค้าเป็นสิ่งดีและสามารถชนะได้ง่ายๆ” ทำนองนั้น...

แต่เอาเป็นว่า...ไม่ว่าความบ้าของ “ทรัมป์บ้า” จะมีที่มา-ที่ไปในแบบไหนก็ตามแต่ความดุเดือดเลือดพล่าน รวมทั้งแนวโน้มสิ่งที่เรียกว่า “สงครามการค้า” มันทำท่าว่าจะ “ขยายวง” ออกไปเรื่อยๆ หาขอบเขต หามาตรฐานแทบไม่เจออยู่ในทุกวันนี้ บรรดาประเทศเล็ก ประเทศน้อยทั้งหลาย คงต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ และคงต้องหันไปฟัง “คำเตือน” จากผู้นำระดับโลกอย่างประธาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซียเอาไว้มั่ง ที่ท่านได้เคยออกปากเอาไว้ในเวทีการประชุมเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อไม่นานมานี้ว่า ด้วยเหตุปัจจัย 2 ประการใหญ่ๆ คือ 1. ภาวะการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิตอล และ 2. การขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ หรือความไม่มั่นใจต่อกฎ ระเบียบ กติกาทางการค้าแบบเดิมๆ อาจนำมาซึ่ง “วิกฤตการเงินโลกระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน” อุบัติขึ้นมาได้เสมอๆ และจะเป็นด้วยเหตุนี้หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ วัน-สองวันที่ผ่านมา...รัสเซียเขาเลยตัดสินใจ “เทขาย” พันธบัตรสหรัฐฯ ที่เคยถือครองอยู่ในมือออกไปชนิดครึ่งต่อครึ่ง จากที่เคยถืออยู่ 96.1 พันล้านดอลลาร์ ขายออกไปถึง 47.4 พันล้านดอลลาร์ เหลือติดไม้-ติดมืออยู่แค่ 48.7 พันล้านดอลลาร์ แล้วถ้าหากคุณพี่จีน...อันเป็นผู้ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ สูงสุดในโลก คือระดับล้านล้านดอลลาร์ ท่านเกิด “บ้า” ขึ้นมามั่ง!!! หันไปเอาอย่างรัสเซีย หันมาแก้แค้นเอาคืน “ทรัมป์บ้า” ด้วยการเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ แบบชนิดครึ่งต่อครึ่งขึ้นมาเมื่อไหร่ รับรองว่า...โลกสวย ย่อมต้องกลายเป็น “โลกซวย” ได้แบบฉับพลันทันที เพราะ “วิกฤตการเงินระดับที่โลกไม่เคยพบเห็นมาก่อน” แบบที่ท่านประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านเตือนๆ เอาไว้ ย่อมมีสิทธิอุบัติขึ้นมาชนิดถึงไม่บ้า...ก็คง...ต้องบ้า อย่างมิพึงสงสัย...


กำลังโหลดความคิดเห็น