เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ตั้งวงหารือ ชี้ศาลไร้ความจริงใจแก้ปัญหา “บ้านป่าแหว่ง”หลังสกัดกรรมการภาคประชาชนเข้าพื้นที่สำรวจโครงการ เตรียมยื่นคำขาดถึงศาล 19 มิ.ย.61 ให้ยกเลิกสัญญาก่อสร้างกับผู้รับเหมา และย้ายคนอยู่อาศัยออกจากอาคารชุด 9 หลัง
วานนี้ (14 มิ.ย.61) ที่วัดล่ามช้าง อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ จัดประชุมหารือเพื่อสรุปภาพรวมสถานการณ์และกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหว กรณีปัญหาโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ รวมทั้งกรณีที่ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 61 ที่อนุกรรมการแก้ไขปัญหากรณีโครงการดังกล่าว ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่โครงการเพื่อตรวจสอบ และศึกษาข้อเท็จจริง สำหรับการพิจารณาแก้ไขปัญหาพร้อมกับอนุกรรมการที่เป็นตัวแทนภาคราชการ และนักวิชาการ ตลอดจนพบว่าขณะนี้ยังคงมีผู้พักอาศัยในอาคารชุด 9 หลัง ที่จะต้องส่งมอบคืนพื้นที่ เพื่อดำเนินการฟื้นฟูสภาพป่า ซึ่งเป็นการเพิกเฉยต่อข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำหน้าที่ และบอกว่าจะไม่มีการเข้าไปใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าว เพื่อเตรียมส่งมอบคืนให้ฟื้นฟูสภาพพื้นที่
นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เปิดเผยว่า จากการที่คณะอนุกรรมการภาคประชาชน ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่โครงการดังกล่าว เพื่อสำรวจและศึกษาข้อเท็จจริง ทั้งที่เป็นกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล เป็นการแสดงออกให้เห็นเหมือนว่า ทางศาลไม่มีความจริงใจในการที่จะแก้ไขปัญหานี้
ดังนั้นทางเครือข่ายฯ จึงต้องประชุมหารือ เพื่อหามติร่วมกันของเครือข่ายฯ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า จะมีการเรียกร้องให้ทางสำนักงานศาลยุติธรรม ยุติการก่อสร้าง และยกเลิกสัญญากับทางผู้รับเหมาโครงการนี้ เพราะตามข้อตกลงที่ทำไว้ร่วมกับ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า จะส่งมอบงานกัน วันที่ 18 มิ.ย.61 และจะส่งมอบพื้นที่คืนให้ฟื้นฟู ซึ่งทางเครือข่ายฯ ประนีประนอมด้วย แต่ล่าสุด ดูแล้วการก่อสร้างไม่น่าจะเสร็จทัน จึงไม่มีความจำเป็นอีกแล้วที่จะต่อสัญญา เพื่อประหยัดงบประมาณ และจะได้ไม่ต้องมีการตัดต้นไม้ หรือทำลายพื้นที่เพิ่มอีก
ขณะเดียวกันต้องการให้ผู้ที่อยู่อาศัย ในอาคารชุด 9 หลัง ที่อยู่ในแนวเขตที่รุกล้ำป่าดั้งเดิม และจะต้องส่งมอบคืนเพื่อฟื้นฟู ย้ายออกจากอาคารชุดดังกล่าว เพราะพบว่าเวลานี้มีประมาณ 30 ห้อง ที่มีการเข้าไปอยู่อาศัย ซึ่งขัดแย้งกับข้อสั่งการของนายกฯ ที่ระบุว่าจะไม่ให้ผู้ใดเข้าไปใช้ประโยชน์ โดยในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ ทางเครือข่ายฯ จะไปยื่นหนังสือที่ สำนักงานศาลอุทธรณ์ ภาค 5 เพื่อให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อ ดังกล่าว นอกจากนี้ในช่วงระหว่างวันที่ 19-29 มิ.ย.61 ทางเครือข่ายฯ จะเดินสายลงพื้นที่ทุกอำเภอของ จ.เชียงใหม่ เพื่อรณรงค์ให้ข้อมูล และระดมพลังชาวเชียงใหม่ ให้เข้าร่วมกิจกรรมเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่กรณี “บ้านป่าแหว่ง”ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะมีการนัดหมายสถานที่จัดกิจกรรมกันอีกครั้ง
นอกจากนี้ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เปิดเผยว่า ข้อมูลที่ได้รับจากนักวิชาการ ที่ร่วมลงพื้นที่สำรวจโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการศาลอุทธรณ์ ภาค 5 เชิงดอยสุเทพ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา พบเห็นอย่างชัดเจนว่า มีการพังทลายและการทรุดตัวของพื้นดิน หลังจากที่มีฝนตกหนักเพียงแค่ 2 รอบ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้ชัดเจนว่า พื้นที่ดังกล่าวนี้ไม่มีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะก่อสร้างบ้านพักอาศัย หรือทำกิจกรรมใดๆ ของมนุษย์ และสมควรอย่างยิ่ง ที่จะต้องยุติโครงการ และรื้อถอน พร้อมทำการฟื้นฟูสภาพพื้นที่โดยเร็วที่สุด ซึ่งรัฐบาลและคณะกรรมการ น่าจะเห็นได้แล้วว่า พื้นที่นี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะดำเนินโครงการนี้.
วานนี้ (14 มิ.ย.61) ที่วัดล่ามช้าง อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ จัดประชุมหารือเพื่อสรุปภาพรวมสถานการณ์และกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหว กรณีปัญหาโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ รวมทั้งกรณีที่ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 61 ที่อนุกรรมการแก้ไขปัญหากรณีโครงการดังกล่าว ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่โครงการเพื่อตรวจสอบ และศึกษาข้อเท็จจริง สำหรับการพิจารณาแก้ไขปัญหาพร้อมกับอนุกรรมการที่เป็นตัวแทนภาคราชการ และนักวิชาการ ตลอดจนพบว่าขณะนี้ยังคงมีผู้พักอาศัยในอาคารชุด 9 หลัง ที่จะต้องส่งมอบคืนพื้นที่ เพื่อดำเนินการฟื้นฟูสภาพป่า ซึ่งเป็นการเพิกเฉยต่อข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำหน้าที่ และบอกว่าจะไม่มีการเข้าไปใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าว เพื่อเตรียมส่งมอบคืนให้ฟื้นฟูสภาพพื้นที่
นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เปิดเผยว่า จากการที่คณะอนุกรรมการภาคประชาชน ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่โครงการดังกล่าว เพื่อสำรวจและศึกษาข้อเท็จจริง ทั้งที่เป็นกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล เป็นการแสดงออกให้เห็นเหมือนว่า ทางศาลไม่มีความจริงใจในการที่จะแก้ไขปัญหานี้
ดังนั้นทางเครือข่ายฯ จึงต้องประชุมหารือ เพื่อหามติร่วมกันของเครือข่ายฯ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า จะมีการเรียกร้องให้ทางสำนักงานศาลยุติธรรม ยุติการก่อสร้าง และยกเลิกสัญญากับทางผู้รับเหมาโครงการนี้ เพราะตามข้อตกลงที่ทำไว้ร่วมกับ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า จะส่งมอบงานกัน วันที่ 18 มิ.ย.61 และจะส่งมอบพื้นที่คืนให้ฟื้นฟู ซึ่งทางเครือข่ายฯ ประนีประนอมด้วย แต่ล่าสุด ดูแล้วการก่อสร้างไม่น่าจะเสร็จทัน จึงไม่มีความจำเป็นอีกแล้วที่จะต่อสัญญา เพื่อประหยัดงบประมาณ และจะได้ไม่ต้องมีการตัดต้นไม้ หรือทำลายพื้นที่เพิ่มอีก
ขณะเดียวกันต้องการให้ผู้ที่อยู่อาศัย ในอาคารชุด 9 หลัง ที่อยู่ในแนวเขตที่รุกล้ำป่าดั้งเดิม และจะต้องส่งมอบคืนเพื่อฟื้นฟู ย้ายออกจากอาคารชุดดังกล่าว เพราะพบว่าเวลานี้มีประมาณ 30 ห้อง ที่มีการเข้าไปอยู่อาศัย ซึ่งขัดแย้งกับข้อสั่งการของนายกฯ ที่ระบุว่าจะไม่ให้ผู้ใดเข้าไปใช้ประโยชน์ โดยในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ ทางเครือข่ายฯ จะไปยื่นหนังสือที่ สำนักงานศาลอุทธรณ์ ภาค 5 เพื่อให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อ ดังกล่าว นอกจากนี้ในช่วงระหว่างวันที่ 19-29 มิ.ย.61 ทางเครือข่ายฯ จะเดินสายลงพื้นที่ทุกอำเภอของ จ.เชียงใหม่ เพื่อรณรงค์ให้ข้อมูล และระดมพลังชาวเชียงใหม่ ให้เข้าร่วมกิจกรรมเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่กรณี “บ้านป่าแหว่ง”ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะมีการนัดหมายสถานที่จัดกิจกรรมกันอีกครั้ง
นอกจากนี้ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เปิดเผยว่า ข้อมูลที่ได้รับจากนักวิชาการ ที่ร่วมลงพื้นที่สำรวจโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการศาลอุทธรณ์ ภาค 5 เชิงดอยสุเทพ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา พบเห็นอย่างชัดเจนว่า มีการพังทลายและการทรุดตัวของพื้นดิน หลังจากที่มีฝนตกหนักเพียงแค่ 2 รอบ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้ชัดเจนว่า พื้นที่ดังกล่าวนี้ไม่มีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะก่อสร้างบ้านพักอาศัย หรือทำกิจกรรมใดๆ ของมนุษย์ และสมควรอย่างยิ่ง ที่จะต้องยุติโครงการ และรื้อถอน พร้อมทำการฟื้นฟูสภาพพื้นที่โดยเร็วที่สุด ซึ่งรัฐบาลและคณะกรรมการ น่าจะเห็นได้แล้วว่า พื้นที่นี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะดำเนินโครงการนี้.