xs
xsm
sm
md
lg

หิ้ว"พระจำนงค์"กลับไทยวืด-"บิ๊กป้อม"บอกขอเวลา3วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360-"บิ๊กป้อม"ขอเวลา 3 วัน จะได้ตัว"จำนงค์"กลับไทยหรือไม่ เชื่อทุกอย่างราบรื่น เพราะเราช่วยเหลือเยอรมันมาเยอะ แจ้งไปแล้วคดีนี้ไม่เกี่ยวการเมือง "ฉัตรชัย"วอน อย่าเอาพระไม่กี่รูปมาทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย ยกพระจริยวัตรงดงามของ"สังฆราช" เป็นตัวอย่าง ยัน จับพระโกงเงินวัดไม่ต่างกับการปฏิรูป ขณะที่ "จักรทิพย์" ถึงไทยแล้วไม่มีการคุมตัวอดีตพระพรหมเมธีกลับมาด้วย ด้านกสม. ไม่รับสอบปมตร.บุกจับอดีตพระพุทธะอิสระ เหตุเจ้าตัวไม่ยินยอมให้ใครเอาไปร้องเรียน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีการเดินทางไปประเทศเยอรมันของพล.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)เพื่อควบคุมตัวนายจำนงค์ เอี่ยมอินทรา หรือพระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดกลับมาดำเนินคดีว่า บอกว่า ขอเวลา 3 วัน และสื่อเพิ่งถามเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.นี้เอง เมื่อถามว่า ผบ.ตร. จะเดินทางกลับมาก่อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รอ ยังไม่กลับ ตอนนี้ก็ยังไม่ครบ 3 วันเลย เมื่อถามว่า การประสานพูดคุยกับทางการเยอรมันราบรื่นดีหรือไม่ในการขอตัว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรียบร้อยดี เยอรมันขอเวลา 3 วัน เพื่อพิจารณา ก็ตนบอกไปแล้ว

เมื่อถามว่า มีเปอร์เซ็นต์สูงหรือไม่ ที่จะได้ตัวกลับมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้ แต่เราก็ช่วยเหลือเขามาเยอะ เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้ทางการเยอรมันเข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง พล.อ.ประวิตร ตอบว่า บอกเขาไปแล้ว เมื่อถามว่า เยอรมันอาจมองว่า เรายังเป็นรัฐบาลทหารอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ใช่ๆ เขากำลังดำเนินการตามวิธีเขาอยู่ จากเดิมที่จะใช้เวลา 2 เดือน แต่เราขอให้ใช้เวลาแค่ 3 วัน เมื่อถามย้ำว่า ใน 3 วันที่ระบุ คือชี้ชัดเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึง การติดตามจับกุมตัว อดีตพระพรหมเมธี ว่า ขอให้ตำรวจทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศไปก่อน เราต้องรออีกสักระยะหนึ่ง จะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้ เพราะ ผบ.ตร.ก็อยู่ตรงนั้นแล้ว ส่วนที่ทางอดีตพระพรหมเมธี ไม่ยอมพบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่เดินทางไป ก็ไม่เป็นไร ว่ากันไปตามกฎหมาย

ส่วนเรื่องความคืบหน้าคดีเงินทอนวัด ตอนนี้ พศ. ยังไม่มีการรายงานเข้ามายังตนเพิ่มเติม แต่ถ้าพบว่ามีใครเกี่ยวข้องให้เดินหน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นอยากให้เรามองพระสงฆ์ที่น่าเคารพนับถือ ซึ่งยังมีอีกจำนวนมาก ที่ผ่านมาเราเห็นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำให้เกิดความเสียหาย ศาสนาเสื่อมเสีย ตนอยากเห็นภาพประชาชนเคารพพระสงฆ์ที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับบ้าน ชุมชน หรือพระสงฆ์ที่ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติธรรม ยังมีอีกเยอะมาก อยากให้คิดว่าประเทศเราคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และยังเชื่อมั่นในศาสนาอยู่ จึงอยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณ อย่าเอาคนไม่กี่คนที่ทำให้เสื่อมเสียมาเป็นปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่พระสงฆ์ที่ทำให้เสื่อมเสีย เป็นถึงพระผู้ใหญ่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า พระสงฆ์ในประเทศไทยระดับราชาคณะ มีเป็นร้อยรูป แต่ที่เราเห็นอยู่ 5 - 10 คน ที่ทำให้เป็นปัญหา ส่วนที่ดีมีอยู่อีกเป็นร้อยรูป โดยเฉพาะสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีมาก อยากให้ประชาชนได้ดูพระจริยวัตรที่งดงามของพระองค์ แต่เราไปสนใจแต่เรื่องที่ทำให้เกิดความสะใจ

เมื่อถามว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น ถึงเวลาที่เราจะต้องสังคายนาพระพุทธศาสนาแล้วหรือยัง พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า วันนี้ พศ.ได้รับนโยบายแล้วให้เดินหน้าในเรื่องนี้ต่อไป สิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ก็ทำให้ถูกต้อง และจริงๆ การดำเนินคดีครั้งนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งในการปฏิรูปเหมือนกัน ต้องทำให้ดีขึ้น อย่างน้อยเมื่อทำสิ่งที่ไม่ดีให้ดีขึ้นจะทำให้เราได้รู้ข้อเท็จจริงว่าอะไรเป็นอะไร

เมื่อถามถึงการติดตามตัวพระสงฆ์ ที่หลบคดีไปต่างประเทศรูปอื่นๆ ที่ผ่านมา จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า เหมือนกับการติดตามตัวพวกที่ผิดกฎหมาย ต้องถามว่า พระที่หลบหนีไปผิดกม. หรือไม่ ถ้าผิดจะต้องดำเนินการติดตามตัวกลับมา ทุกอย่างทำเหมือนกับบุคคลทั่วไป

*** “บิ๊กแป๊ะ” คว้าน้ำเหลวไม่ได้ตัว “สมีจำนงค์”
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า เที่ยวบิน TG923 จากนครแฟรงก์เฟร์ต ประเทศเยอรมนี ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ซึ่งได้รับการยืนยัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมคณะ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บังคับการปราบปราม และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมเดินทางมาในเที่ยวบินนี้

อย่างไรก็ตาม คณะของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ไม่มีการนำตัวพระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา หรือ อดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินทอนวัด กลับมาด้วย จึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการเดินทางไปประสานขอรับตัวผู้ต้องหาจากทางการประเทศเยอรมนี ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากอดีตพระพรหมเมธี ได้ยื่นเรื่องขอลี้ภัยกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเยอรมนี ทันทีที่เดินทางไปถึงเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน และตามกระบวนการอดีตพระพรหมเมธี จะได้รับการคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณาคำร้องขอลี้ภัย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน

ทั้งนี้ทางการไทยได้ประสานขอความร่วมมือให้เยอรมนีพิจารณาคำร้องขอลี้ภัยของอดีตพระพรหมเมธี ภายใน 3 วัน ซึ่งทางการเยอรมนีได้รับไปดำเนินการ ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงมอบหมาย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและทีมงานส่วนหนึ่ง รออยู่ที่เยอรมนี เพื่อประสานงานต่อ

*** อัยการชี้ต้องรอกระบวนการของเยอรมัน
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ขณะนี้อัยการยังไม่ได้รับการร้องขอให้ดำเนินการใดๆ ในกรณีที่พระพรหมเมธียื่นขอลี้ภัยหนีคดีทุจริตเงินทอนวัดที่ประเทศเยอรมนี ต้องรอการส่งสำนวนหรือร้องขอมา ซึ่งสำนวนทางตำรวจยังไม่เสร็จ อัยการพร้อมปฏิบัติในสิ่งที่เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนเรื่องการขอลี้ภัยนั้น ต้องดูว่าทางประเทศเยอรมนีพิจารณาอย่างไร แต่ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยทราบข่าวและเดินทางไปถึงเยอรมนีนั้น ประเทศไทยน่าจะมีความร่วมมือที่ดี การขอลี้ภัยเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายของประเทศเยอรมนีเอง เราคงต้องรอกระบวนการทางนั้น ไม่เหมือนกับกรณีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน อย่างคดีของนายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ (บีบีซี) ที่อัยการจะต้องสั่งสำนวน แต่คดีนี้ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งอะไรมา

*** กสม.ไม่รับสอบปมตร.บุกจับหลวงปู่
วานนี้ (6มิ.ย.) ที่ประชุมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีมติไม่รับเรื่องที่มีการร้องเรียน ขอให้ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) กองบังคับการปราบปราม บุกเข้าจับกุม นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระสุวิทย์ ธีรธัมโม (พระพุทธะอิสระ) เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่

ทั้งนี้ เนื่องจากหลังการร้องเรียนแล้ว ในวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานเจ้าหน้าที่ของกสม. ได้เข้าพบนายสุวิทย์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งนายสุวิทย์ได้แจ้งความประสงค์ขอสงวนสิทธิในการร้องเรียน และไม่ยินยอมให้ผู้ใดนำเอาประเด็นดังกล่าวไปร้องเรียน ที่ประชุม กสม.จึงเห็นว่า

เมื่อนายสุวิทย์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่ประสงค์ให้ กสม. ตรวจสอบ กรณีจึงเป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 39(7) ประกอบระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2561 ข้อ 17 วรรคสอง (4) จึงมีมติไม่รับเรื่องร้องเรียน


กำลังโหลดความคิดเห็น