ผู้จัดการรายวัน360- "ดอน"ไม่ลาออก รอศาลฯ ตัดสินเท่านั้น ไม่สนแรงบีบ ยันไม่มีใครในครม.ซีเรียส ไล่ไปถามหาสปิริต จากพวกนักกีฬา "วิษณุ"ระบุ วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพราะ กกต. ยังไม่ส่งเรื่องให้ศาลฯ พิจารณา "บิ๊กป้อม"ยันไม่ปรับครม. "บิ๊กป๊อก" เมินเสียงวิจารณ์ให้ พลเรือนนั่งเก้าอี้มหาดไทย แทนตัวเอง โวลงพื้นที่บ่อย -อยู่กับประชาชนมาก
วานนี้ (5 มิ.ย.) ก่อนการประชุมครม. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเห็นว่า การถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ของภรรยา โดยไม่แจ้ง ป.ป.ช. ขัดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี จนมีกระแสกดดันให้ลาออก ว่า ถ้าตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง ก็คงไม่มาร่วมประชุมครม. และคงไม่เดินมาในช่องทางนี้ที่เคยมาประจำ ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องดังกล่าวกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้คุยกันในหลายเรื่องแต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น
เมื่อถามว่ายืนยันจะปฏิบัติหน้าที่ต่อใช่หรือไม่ นายดอน ยิ้ม พร้อมกล่าวว่า คำตอบอยู่ในใบหน้านี้แล้ว ไม่รู้สึกกดดัน เพราะกระแสกดดันเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างสรุปกัน ส่วนเรื่องนี้ก็ค่อยว่ากันไป ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ต้องรอให้มีความชัดเจนจากศาลรธน.ก่อน
"แรงกดดันที่ใครต่อใครพูดถึง จะตีความว่าเป็นการกดดันหรือไม่ ก็อยู่ที่เรา จะถือว่าเป็นการกดดันหรือทักทาย หรือการแสดงความห่วงใย สนใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ อยู่ที่ว่าเราจะคิดเห็นอย่างไร ขณะนี้ผมก็อย่างที่ว่า คำตอบอยู่บนใบหน้าแล้ว ยืนยันว่าไม่กดดัน เราก็ทำงานของเราไป อย่างไรก็ตาม เรื่องหุ้นนั้นภรรยา ได้เคลียร์เรียบร้อยแล้ว โดยหุ้นนี้เป็นมรดกของครอบครัวภรรยา"
เมื่อถามว่าขณะนี้ภรรยาถือหุ้น กี่เปอร์เซ็นต์ นายดอน กล่าวว่า ถือน้อยว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนของลูกชาย ตนไม่รู้เรื่อง เพราะจริงๆ แล้วตนไม่เคยรู้เลยว่าภรรยามีหุ้นกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะเขารับมรดกมาเป็นเวลากว่า 37 ปีแล้ว เป็นของครอบครัว แต่เมื่อกฎหมายบอกว่า ต้องไม่ถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องดำเนินการไป
อย่างไรก็ตาม นายดอน ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังการประชุม ครม. ว่า นายกฯ ไม่ได้สอบถามหรือพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถือเป็นเรื่องเล็ก ไม่มีอะไร ในที่ประชุมครม. ตอนรับประทานอาหารก็คุยกันแต่เรื่องอื่น ไม่มีใครซีเรียสอะไร และตนก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไรทั้งสิ้น ตนทำงานมา 4 ปีแล้ว รู้ว่ามันเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเรียกร้องให้ท่านแสดงสปิริต ในเรื่องนี้ นายดอน กล่าวว่า "ไปเรียกร้องกับนักกีฬา"
** คาดกระบวนการตัดสินเสร็จใน1เดือน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขั้นตอนทั้งหมดเกี่ยวข้องกับกม. 3 มาตรา คือ ม.187,ม.170 และ ม.82 ซึ่งอธิบายภาพรวมได้ว่า ถ้าพูดถึงการพ้นจากตำแหน่ง หรือ ออก จะต้องไปออกเมื่อศาลรธน. มีคำสั่งวินิจฉัยสุดท้าย ซึ่งไม่ทราบว่าเมื่อไร เพราะขณะนี้ กกต.ยังไม่มีการยื่นเรื่องต่อศาลรธน.เลย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะถึงขั้นที่ศาลฯ จะสั่งพ้น หรือออกจากตำแหน่งนั้น จะมีกรณีก่อน เมื่อยื่นฟ้องศาล เขาอาจจะสั่งให้หยุดการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งการหยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่การออก และไม่ใช่การพ้นจากตำแหน่ง เพียงแต่เป็นการหยุดก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นมา ซึ่งตรงนี้ศาลฯ อาจจะสั่งหรือไม่สั่ง ก็ได้ เป็นไปตาม ม.82 ของรธน.
"ทั้งหมดอยู่ที่ศาลฯ ว่าจะสั่ง หรือไม่สั่ง ทั้งหมดแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ 1. เราจะมาเจอขั้นตอนแรกตอนฟ้องแล้ว ว่าศาลฯจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหรือไม่ 2. หากเลยไปจนถึงขั้นศาลพิจารณาสืบพยานแล้วเห็นว่า ผิด หรือไม่ผิด ก็ไปชี้กันในตอนนั้น ส่วนระหว่างทางจากนี้ไป รัฐมนตรี ดอน จะคิดว่า จะขอหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง หรือท่านจะขอลาออก หรือท่านจะอยู่ต่อไป ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน กฎหมายไม่ได้พูดอะไรในส่วนเหล่านี้ ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ระบุว่า ทุกอย่างชัดเจนแล้ว มันต้องออกจากตำแหน่ง หรือพ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า ทำไมตอนที่ กกต. ชี้ถึงมีเสียง 2 ต่อ 2 จนสุดท้ายประธานกกต. ซึ่งต้องการให้ทุกอย่างเป็นบรรทัดฐาน จึงได้มาชี้ขาด มีเสียง 3 ต่อ 2 อย่างนี้ก็แสดงว่า กกต.เองก็ยังมีข้อสงสัย เพราะเรื่องนี้จะมีความเกี่ยวพันกับส.ส. และรัฐมนตรี ในอนาคตอีกจำนวนมาก ก็จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป" นายวิษณุ กล่าว และว่า ขั้นตอนต่างๆที่กล่าวมา น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
ทั้งนี้ นายดอน มีภารกิจที่ต้องเตรียมงานให้นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 8 ซึ่งนายดอน ต้องเตรียมข้อมูลให้เสร็จ และหลังจากปลอดโปร่งโล่งใจแล้ว ท่านจะคิด และตัดสินใจอย่างไร ก็เป็นเรื่องของท่าน
**"บิ๊กป้อม" ยันไม่ปรับครม.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม. ว่า “ไม่ปรับ ไม่มี” เมื่อถามว่าการปรับครม.ยังเป็ นแค่ข่าวลือ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้ ต้องถามนายกฯ ส่วนเรื่องของนายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีต รมว.ต่างประเทศ นั้นยังไม่มีความชัดเจน ต้องให้ศาลฯ วินิจฉัยมาก่อน
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม. ว่า คนที่จะตอบเรื่องนี้ได้ชัดเจน คือนายกฯ คนเดียว ซึ่งท่านก็ได้ตอบชัดเจนไปแล้วเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ว่าไม่ปรับ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะให้พลเรือนมานั่งในตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เพราะรัฐมนตรีที่มาจากพลเรือน จะใกล้ชิดกับประชาชนได้มากกว่าคนที่มาจากทหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการทำงานใกล้ชิดประชาชน เราพยายามอยู่แล้ว เพราะคสช.ไม่มีส.ส. ก็ต้องใช้เครื่องมือที่มีหรือกลไกที่เรียกว่า ประชารัฐเป็นตัวไปเชื่อมกับประชาชน และตอนนี้ทุกกระทรวง ก็ทำงานร่วมกัน เช่น โครงการไทยนิยมฯ มีทีมทำงานลงไปทุกกระทรวง ทุกท้องที่ ทำให้ใกล้ชิดประชาชนได้
"ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และผมก็คิดว่า ผมลงพื้นที่มาก ต้องทำงานทั้งสองทาง เพราะงานหลักอยู่ที่นโยบาย แต่ต้องไม่ทิ้งพื้นที่ ผมเองก็ลงพื้นที่ไม่น้อย ไปกับนายกฯ ก็ไป ดังนั้นจะวิพากษ์อย่างไร ก็เชิญ แต่ผมอยู่กับประชาชนแน่นอน ผมไม่มีพรรค ไม่มีผลประโยชน์"
เมื่อถามว่า หากจะมีการปรับครม. ควรมีการเพิ่มสัดส่วนพลเรือนเข้ามา หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่า อยู่ที่นายกฯ เพราะนายกฯ เป็นคนที่ดูคนที่ทำงานได้ ตอบสนองเรื่องงานได้เป็นหลัก จะเป็นใคร อย่างไร ก็แล้วแต่ ซึ่งนายกฯก็ไม่ได้มาเล่าให้ตนฟังว่าจะปรับใคร หรือไม่ อย่างไร และเราก็ควรเคารพสิทธินั้น ไม่ควรไปละลาบละล้วงถาม
*** บี้ "ดอน"หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
ที่ศูนย์บริการประชาชนบริเวณสำนักงานก.พ. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ขอให้ออกคำสั่งให้นายดอน ปรมัถต์วินัย รมว.ต่างประเทศ หยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจาก กกต. ลงมติว่า การถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ของนายดอนไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
พร้อมเรียกร้องให้ปฏิบัติเหมือนรัฐมนตรี 3 คนในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้แก่ นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีต รมว.มหาดไทย นายสิทธิชัย โภไคยอุดม อดีตรมว.ไอซีที นางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ ที่ป.ป.ช.ในขณะนั้นตรวจพบว่า ถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ได้แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งทันที
วานนี้ (5 มิ.ย.) ก่อนการประชุมครม. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเห็นว่า การถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ของภรรยา โดยไม่แจ้ง ป.ป.ช. ขัดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี จนมีกระแสกดดันให้ลาออก ว่า ถ้าตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง ก็คงไม่มาร่วมประชุมครม. และคงไม่เดินมาในช่องทางนี้ที่เคยมาประจำ ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องดังกล่าวกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้คุยกันในหลายเรื่องแต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น
เมื่อถามว่ายืนยันจะปฏิบัติหน้าที่ต่อใช่หรือไม่ นายดอน ยิ้ม พร้อมกล่าวว่า คำตอบอยู่ในใบหน้านี้แล้ว ไม่รู้สึกกดดัน เพราะกระแสกดดันเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างสรุปกัน ส่วนเรื่องนี้ก็ค่อยว่ากันไป ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ต้องรอให้มีความชัดเจนจากศาลรธน.ก่อน
"แรงกดดันที่ใครต่อใครพูดถึง จะตีความว่าเป็นการกดดันหรือไม่ ก็อยู่ที่เรา จะถือว่าเป็นการกดดันหรือทักทาย หรือการแสดงความห่วงใย สนใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ อยู่ที่ว่าเราจะคิดเห็นอย่างไร ขณะนี้ผมก็อย่างที่ว่า คำตอบอยู่บนใบหน้าแล้ว ยืนยันว่าไม่กดดัน เราก็ทำงานของเราไป อย่างไรก็ตาม เรื่องหุ้นนั้นภรรยา ได้เคลียร์เรียบร้อยแล้ว โดยหุ้นนี้เป็นมรดกของครอบครัวภรรยา"
เมื่อถามว่าขณะนี้ภรรยาถือหุ้น กี่เปอร์เซ็นต์ นายดอน กล่าวว่า ถือน้อยว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนของลูกชาย ตนไม่รู้เรื่อง เพราะจริงๆ แล้วตนไม่เคยรู้เลยว่าภรรยามีหุ้นกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะเขารับมรดกมาเป็นเวลากว่า 37 ปีแล้ว เป็นของครอบครัว แต่เมื่อกฎหมายบอกว่า ต้องไม่ถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องดำเนินการไป
อย่างไรก็ตาม นายดอน ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังการประชุม ครม. ว่า นายกฯ ไม่ได้สอบถามหรือพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถือเป็นเรื่องเล็ก ไม่มีอะไร ในที่ประชุมครม. ตอนรับประทานอาหารก็คุยกันแต่เรื่องอื่น ไม่มีใครซีเรียสอะไร และตนก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไรทั้งสิ้น ตนทำงานมา 4 ปีแล้ว รู้ว่ามันเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเรียกร้องให้ท่านแสดงสปิริต ในเรื่องนี้ นายดอน กล่าวว่า "ไปเรียกร้องกับนักกีฬา"
** คาดกระบวนการตัดสินเสร็จใน1เดือน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขั้นตอนทั้งหมดเกี่ยวข้องกับกม. 3 มาตรา คือ ม.187,ม.170 และ ม.82 ซึ่งอธิบายภาพรวมได้ว่า ถ้าพูดถึงการพ้นจากตำแหน่ง หรือ ออก จะต้องไปออกเมื่อศาลรธน. มีคำสั่งวินิจฉัยสุดท้าย ซึ่งไม่ทราบว่าเมื่อไร เพราะขณะนี้ กกต.ยังไม่มีการยื่นเรื่องต่อศาลรธน.เลย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะถึงขั้นที่ศาลฯ จะสั่งพ้น หรือออกจากตำแหน่งนั้น จะมีกรณีก่อน เมื่อยื่นฟ้องศาล เขาอาจจะสั่งให้หยุดการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งการหยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่การออก และไม่ใช่การพ้นจากตำแหน่ง เพียงแต่เป็นการหยุดก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นมา ซึ่งตรงนี้ศาลฯ อาจจะสั่งหรือไม่สั่ง ก็ได้ เป็นไปตาม ม.82 ของรธน.
"ทั้งหมดอยู่ที่ศาลฯ ว่าจะสั่ง หรือไม่สั่ง ทั้งหมดแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ 1. เราจะมาเจอขั้นตอนแรกตอนฟ้องแล้ว ว่าศาลฯจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหรือไม่ 2. หากเลยไปจนถึงขั้นศาลพิจารณาสืบพยานแล้วเห็นว่า ผิด หรือไม่ผิด ก็ไปชี้กันในตอนนั้น ส่วนระหว่างทางจากนี้ไป รัฐมนตรี ดอน จะคิดว่า จะขอหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง หรือท่านจะขอลาออก หรือท่านจะอยู่ต่อไป ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน กฎหมายไม่ได้พูดอะไรในส่วนเหล่านี้ ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ระบุว่า ทุกอย่างชัดเจนแล้ว มันต้องออกจากตำแหน่ง หรือพ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า ทำไมตอนที่ กกต. ชี้ถึงมีเสียง 2 ต่อ 2 จนสุดท้ายประธานกกต. ซึ่งต้องการให้ทุกอย่างเป็นบรรทัดฐาน จึงได้มาชี้ขาด มีเสียง 3 ต่อ 2 อย่างนี้ก็แสดงว่า กกต.เองก็ยังมีข้อสงสัย เพราะเรื่องนี้จะมีความเกี่ยวพันกับส.ส. และรัฐมนตรี ในอนาคตอีกจำนวนมาก ก็จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป" นายวิษณุ กล่าว และว่า ขั้นตอนต่างๆที่กล่าวมา น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
ทั้งนี้ นายดอน มีภารกิจที่ต้องเตรียมงานให้นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 8 ซึ่งนายดอน ต้องเตรียมข้อมูลให้เสร็จ และหลังจากปลอดโปร่งโล่งใจแล้ว ท่านจะคิด และตัดสินใจอย่างไร ก็เป็นเรื่องของท่าน
**"บิ๊กป้อม" ยันไม่ปรับครม.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม. ว่า “ไม่ปรับ ไม่มี” เมื่อถามว่าการปรับครม.ยังเป็ นแค่ข่าวลือ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้ ต้องถามนายกฯ ส่วนเรื่องของนายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีต รมว.ต่างประเทศ นั้นยังไม่มีความชัดเจน ต้องให้ศาลฯ วินิจฉัยมาก่อน
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม. ว่า คนที่จะตอบเรื่องนี้ได้ชัดเจน คือนายกฯ คนเดียว ซึ่งท่านก็ได้ตอบชัดเจนไปแล้วเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ว่าไม่ปรับ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะให้พลเรือนมานั่งในตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เพราะรัฐมนตรีที่มาจากพลเรือน จะใกล้ชิดกับประชาชนได้มากกว่าคนที่มาจากทหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการทำงานใกล้ชิดประชาชน เราพยายามอยู่แล้ว เพราะคสช.ไม่มีส.ส. ก็ต้องใช้เครื่องมือที่มีหรือกลไกที่เรียกว่า ประชารัฐเป็นตัวไปเชื่อมกับประชาชน และตอนนี้ทุกกระทรวง ก็ทำงานร่วมกัน เช่น โครงการไทยนิยมฯ มีทีมทำงานลงไปทุกกระทรวง ทุกท้องที่ ทำให้ใกล้ชิดประชาชนได้
"ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และผมก็คิดว่า ผมลงพื้นที่มาก ต้องทำงานทั้งสองทาง เพราะงานหลักอยู่ที่นโยบาย แต่ต้องไม่ทิ้งพื้นที่ ผมเองก็ลงพื้นที่ไม่น้อย ไปกับนายกฯ ก็ไป ดังนั้นจะวิพากษ์อย่างไร ก็เชิญ แต่ผมอยู่กับประชาชนแน่นอน ผมไม่มีพรรค ไม่มีผลประโยชน์"
เมื่อถามว่า หากจะมีการปรับครม. ควรมีการเพิ่มสัดส่วนพลเรือนเข้ามา หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่า อยู่ที่นายกฯ เพราะนายกฯ เป็นคนที่ดูคนที่ทำงานได้ ตอบสนองเรื่องงานได้เป็นหลัก จะเป็นใคร อย่างไร ก็แล้วแต่ ซึ่งนายกฯก็ไม่ได้มาเล่าให้ตนฟังว่าจะปรับใคร หรือไม่ อย่างไร และเราก็ควรเคารพสิทธินั้น ไม่ควรไปละลาบละล้วงถาม
*** บี้ "ดอน"หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
ที่ศูนย์บริการประชาชนบริเวณสำนักงานก.พ. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ขอให้ออกคำสั่งให้นายดอน ปรมัถต์วินัย รมว.ต่างประเทศ หยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจาก กกต. ลงมติว่า การถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ของนายดอนไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
พร้อมเรียกร้องให้ปฏิบัติเหมือนรัฐมนตรี 3 คนในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้แก่ นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีต รมว.มหาดไทย นายสิทธิชัย โภไคยอุดม อดีตรมว.ไอซีที นางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ ที่ป.ป.ช.ในขณะนั้นตรวจพบว่า ถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ได้แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งทันที