xs
xsm
sm
md
lg

ขอบคุณ! ที่ทำให้ “วงการพระสงฆ์” สะอาดขึ้น!

เผยแพร่:   โดย: ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย


เขียนจาก “ใจ” ชาวพุทธคนหนึ่ง...

พระสงฆ์-นักการเมือง-ข้าราชการ! ถ้า “มีอำนาจ” แต่ไร้คุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ฯลฯ ย่อมเป็นภัยร้ายแรงต่อชาติและประชาชน!

พระสงฆ์-ต้องเป็น “ผู้นำแห่งความดี” ทั้งปวง เพื่อสอนและนำพาผู้คนให้ทำความดีละความชั่ว!

นักการเมือง-ต้องเป็น “คนดี” เหนือคนทั่วไป เพื่อเป็น “ผู้มีอำนาจ” บริหารชาติบ้านเมือง!

ข้าราชการ-ต้อง “ซื่อสัตย์สุจริต” ในการรับใช้ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์และประชาชน!

โชคร้ายที่แม้ชาติไทยมี-“พระสงฆ์-นักการเมือง-ข้าราชการดี” เยอะ! แต่ที่ “เลว-มีอำนาจ” ก็ไม่น้อย!

การ “บวช-เป็น-พระสงฆ์” ทั้งชั่วครั้งชั่วคราวจะด้วยเหตุใดก็ตามหรือจะบวชจนสิ้นอายุขัย ในห้วงที่ “ครองกายด้วยผ้าเหลือง” ล้วนต้องละการทำความชั่วหันมาทำความดีสถานเดียว

เพราะหาก “บวช” หรือ “ครองกายด้วยผ้าเหลือง” แล้ว แต่ยังคง “ทำความชั่ว” ไม่ “ทำความดี” ก็ควร “สึก” จาก “ผ้าเหลือง” ไปเสีย เพราะได้เปลี่ยนสภาพจากการเป็น “นักบวช” กลายเป็น “มารศาสนา” ที่ทำให้ “วงการพระสงฆ์” เสื่อมเสีย ซึ่งก่อผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อศาสนา

เพราะ “พระสงฆ์ครองผ้าเหลือง” เพื่อเดินตามรอย “พระพุทธองค์” สู่การเรียนรู้ในพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์ให้ถ่องแท้และปฏิบัติตนอยู่ใน “พระธรรมวินัย 227 ข้อ” อันจะนำสู่ “วิเวกธรรม” โดย “ละวาง” ในรัก-โลภ-โกรธ-หลงนั่นเอง

พระสงฆ์-จึงมีหน้าที่เรียนรู้ธรรมและปฏิบัติธรรม ก่อนจะเผยแผ่ “ธรรมอันสูงส่ง” ของพระพุทธเจ้า เพื่อนำพาชีวิตผู้คนทั้งหลายให้ “ทำดี-ละทำชั่ว”

ใคร “บวชพระ” แล้ว! เรียน “รู้ธรรม” แล้ว! แต่ “ปฏิบัติ” ตาม “พระธรรมวินัย 227 ข้อ” ไม่ได้! ก็ควรสึกจาก “การครองกายด้วยผ้าเหลือง” โดยไว เพราะบวชได้แต่ “บาปมหันต์” ไร้ “บุญสนอง” แม้แต่น้อย

โดยเฉพาะบรรดา “กลุ่มคนชั่ว” ทั้งหลาย ที่เข้ามา “รู้ธรรม” เพียงให้ “กายได้ห่อผ้าเหลือง” ใช้ผ้าเหลืองหลอกลวงต้มตุ๋น “พุทธศาสนิกชน” ด้วย “พุทธเทียม” เพื่อแสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์ ทั้งอำนาจ-ลาภยศ-เงินทอง-ทรัพย์สิน ฯลฯ ให้ “ตน-ญาติพี่น้อง-พวกพ้อง” อย่างสามานย์

ถือเป็นการทำลาย “วงการพระสงฆ์” และทำลายความมั่นคงต่อชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชนอย่างใหญ่หลวง

โชคร้ายจริงๆ! แค่ “วงการพระสงฆ์ไทย” เต็มไปด้วยบรรดา “แก๊งต้มตุ๋นและโจรผ้าเหลือง” มากมายก็ทำให้ “วงการพระสงฆ์ไทย” ย่ำแย่สุดๆ แล้ว! แต่การณ์กลับร้ายแรงเกินคาดเพราะบรรดา “คนชั่วในคราบผ้าเหลือง” เหล่านั้น ยังดัน “มีอำนาจใหญ่โต” แทบทุกมิติ ในการบริหารวงการพระสงฆ์ไทยอีกด้วย

การที่ “ฝูงพระมิใช่พระ” หรือ “แก๊งต้มตุ๋น” และ “โจรผ้าเหลือง” ที่เป็น “มารศาสนา” จำนวนไม่น้อยได้เป็นใหญ่อยู่ในวงการปกครองพระสงฆ์ไทยจึงเป็น “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด” เป็นความ “ซวยซ้ำสอง” ของวงการพระสงฆ์ไทยโดยแท้

แถมเครือข่าย “กลุ่มคนชั่วพวกนี้” ยังจวนเจียนจะ “ยึดอำนาจทางธรรม” ไว้ในกำมือได้แบบเบ็ดเสร็จอยู่รอมร่อจากการดันพวกพ้องขึ้นเป็น “ผู้นำสูงสุด” ในวงการพระสงฆ์ไทย!

แต่ด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสยามประเทศมีจริง !“พระสยามเทวาธิราช” จึงปกปักรักษา “วงการพระสงฆ์ไทย” ไว้ได้แบบฉิวเฉียด...

ทำให้ “พระสงฆ์” และ “ชาวพุทธ” ทั้งชาติ ได้ “สมเด็จพระสังฆราช” ที่เปี่ยมธรรมและสง่างาม ทั้งยังได้พระเถระองค์ใหม่ ผู้เชี่ยวในแก่นธรรมและทรงคุณความดีเป็นที่ประจักษ์กว้างไกล ส่งผลให้เกิดเสียงแซ่ซร้องสรรเสริญยินดีปรีดาทั่วหล้าฟ้าไทย

ตามด้วยเหตุการณ์ “กรรมติดจรวดตามสนอง” ลงทัณฑ์บรรดา “ขบวนการพระเทียม-แก๊งต้มตุ๋น-โจรผ้าเหลือง” อย่างต่อเนื่อง เช่น ขบวนการหลอก “ขายสวรรค์” และโกงเงินวัดอ่อนแอลงเพราะหัวหน้าใหญ่ “นายไชโยโห่ฮิ้ว” ต้องหลบหนีคดีความ หายตัวเข้ากลีบเมฆไปจนทุกวันนี้!

ขบวนการ “มารศาสนาบิ๊กเบิ้ม” อีกหลายคนก็ไปเกี่ยวพันกับการทุจริตเงินของแผ่นดิน ในโครงการเผยแผ่คุณธรรมบ้าง! ในโครงการโรงเรียนพระบ้าง! ในโครงการหาประโยชน์ในวัดที่ตนปกครองบ้าง! ในโครงการเกี่ยวกับพระ-วัด-ญาติโยมอีกสารพัดบ้าง ฯลฯ

จน “มารศาสนาบิ๊กเบิ้มสองราย” ต้องเผ่นหนีไปอย่างไร้ร่องรอย! “มารศาสนาบิ๊กเบิ้มหลายราย” ถูก “จับถอดผ้าเหลือง” ย้ายที่นอนจากวัดไปอยู่ในคุก! ขณะที่ “มารศาสนา” ที่ยังเหลืออยู่ก็ใจระทึกไม่เป็นส่ำ เพราะไม่รู้ว่า “กรรมติดจรวด” จะถล่มใส่ตนเมื่อไหร่!

แถม “พระมิใช่พระ” ยังเปิดศึกชิงอำนาจกันเอง เปิดโปงความชั่วกันเอง จนผู้แพ้พ่ายต้อง “ฆ่าตัวตาย” ละสังขารจากผ้าเหลืองห่อกาย!

ทว่าวันนี้! “กลุ่มคนชั่วในคราบผ้าเหลือง” ยังคงแอบแฝงอยู่ในวงการพระสงฆ์!ยังคงบิดเบือนพุทธธรรมคำสอนอันแท้จริงหลอกผู้คนให้หลงในคำสอน “พุทธพาณิชย์อันต่ำช้า” ที่ว่า...

เงินทองสำคัญเหนือสิ่งใด! แค่ “ทำบุญ” กับ “วัด” ของ “มารศาสนาพวกนี้” ก็ “หนีนรก” ไป “ขึ้นสวรรค์” ด้วยการใช้ “ทรัพย์สินเงินทองซื้อหา” ได้สบายบรื๋อ

ดังนั้น “แก๊งต้มตุ๋น-โจรผ้าเหลือง” ที่เคยยากจนภายหลัง “ห่มผ้าเหลือง” ชีวิตก็สุขแสนสบาย! บ้างมีเงินทองสะสมมากกว่าร้อยล้านพันล้าน! บ้างมีสีกา “ไฮโซ-ไฮซ้อ” คอยปรนนิบัติใกล้ชิดเป็นพิเศษ! บ้างทนกิเลสยั่วใจไม่ไหวต้องสึกไป “จ้ำจี้มะเขือเปาะ” อยู่กับสีกาหน้าตาเฉย! ฯลฯ

น่าเสียดาย! ที่ “พระสงฆ์ดี” มิใช่น้อย “จิตละวาง” พ่ายแพ้ต่อ “จิตมิรู้จักพอ” จึงถูก “อสรพิษ-รัก-โลภ-โกรธ-หลง-ฉกกัด” จน “ผ้าเหลือง” ต้องหลุดจากร่าง...!

“วงการพระสงฆ์ไทย” ยังต้องมีการสะสาง กำจัดบรรดา “พระมิใช่พระ-แก๊งต้มตุ๋น-โจรผ้าเหลือง” กันต่อไป...

ขอขอบคุณ! ผู้ที่ช่วยทำให้ “วงการพระสงฆ์” สะอาดขึ้นไว้ ณ ที่นี้!


กำลังโหลดความคิดเห็น