ผู้จัดการรายวัน360-กองปราบฯ สืบพบพระสงฆ์วิ่งเต้นขอสมณศักดิ์ ผ่าน "พระพรหมดิลก" อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา ส่งข้อมูลสำนักพุทธฯ จัดการต่อแล้ว เผยยังพบมีความสนิทสีกาเจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ในจังหวัดนนทบุรี แถมสั่งวัดในปกครองกว่า 10 วัด ต้องซื้อจากร้านนี้เท่านั้น ตำรวจเตรียมพิจารณาเรียกสีกาพร้อมสามีมาสอบปากคำ พร้อมเผยเหตุ "พระพรหมเมธี" ถูกรวบ เหตุอมเงิน 5 ล้าน ผบ.ตร.ขีดเส้น 7 วันต้องจับตัวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 พ.ค.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนกองปราบปราม เร่งสืบสวนติดตามจับกุมตัวสองพระผู้ใหญ่ ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดอย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. จัดชุดสืบสวนติดตามตัวพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ที่น่าเชื่อว่าจะยังคงซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และมอบหมายให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. นำทีมสืบสวนติดตามตัวพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร โดยในส่วนของพระพรหมเมธีนั้น จากการสืบสวนมีการคาดกันว่า อาจจะหลบหนีด้วยการพรางตัวในชุดฆราวาสก็เป็นได้
ทั้งนี้ ในส่วนของการสืบสวนขยายผล พบว่า พระพรหมดิลก ยังเกี่ยวพันกับการวิ่งเต้นขอเลื่อนสมณศักดิ์ในแต่ละปี เพราะในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามบุกเข้าจับกุมตัว และตรวจค้นภายในกุฏิ ได้พบเอกสารที่เกี่ยวกับการเลื่อนสมณศักดิ์ของพระสงฆ์จำนวนหลายรูป ซึ่งทางตำรวจได้มีการส่งหลักฐานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนา เพื่อส่งต่อไปยังมหาเถรสมาคม เพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งของพระสงฆ์แต่ละรูปต่อไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า พระพรหมดิลก มีความสนิทสนมกับโยมสีกา เจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ที่ค้าขายเกี่ยวกับเครื่องอัฐบริขารใน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี สามารถเข้านอกออกในกุฎิได้มานานกว่า 10 ปี มีการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกันมากกว่า 10 ครั้ง และล่าสุด ได้ส่งลูกเขยคนหนึ่งมาบวชที่วัดสามพระยา เพื่อปรนนิบัติรับใช้พระพรหมดิลกโดยตรง
โดยจากการตรวจสอบเส้นทางเงิน พบว่า บัญชีของสีกามีความสัมพันธ์ในการโยกย้ายถ่ายเงินกับวัดสามพระยา และวัดอื่นๆ ภายใต้การปกครองของพระพรหมดิลก โดยมีวัดอย่างน้อย 10 แห่ง ในกรุงเทพฯ ที่ซื้อเครื่องสังฆภัณฑ์จากร้านของสีกาคนนี้นานนับ 10 ปี ทั้งใช้เงินของวัด และเงินที่ได้รับอุดหนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนา และวัดแต่ละแห่งที่มีการสั่งซื้อสินค้า เจ้าอาวาสผู้ปกครองวัด หรือผู้ช่วยเจ้าอาวาส ก็มีความสนิทสนมกับพระพรหมดิลก และพระอรรถกิจโกศล เลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพฯ ที่ถูกจับกุมพร้อมกับพระพรหมดิลก
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า พระสงฆ์ที่สั่งซื้อสินค้าจากร้านสังฆภัณฑ์แห่งนี้ ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ ตั้งแต่ระดับเจ้าคุณชั้นสามัญขึ้นไปอย่างต่อเนื่องในรอบเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา และการสืบสวนยังพบว่า มีอีกหลายวัดในกรุงเทพฯ สั่งซื้อสินค้าจากร้านสังฆภัณฑ์แห่งนี้ แม้ว่าวัดจะไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีการติดต่อผ่านพระอรรถกิจโกศล ที่ทำหน้าที่เลขานุการ
มีรายงานข่าวว่า พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาว่า จะเรียกสีกาคนนี้ พร้อมด้วยสามี มาสอบปากคำหรือไม่ และหากมีหลักฐานเพียงพอในการกระทำความผิด ก็อาจจะพิจารณาออกหมายจับเพิ่มเติม รวมทั้งพระสงฆ์บางรูป ตั้งแต่ระดับเจ้าคุณชั้นสามัญขึ้นไป ที่พบความเกี่ยวพันก็อาจจะถูกเรียกตัวมาสอบปากคำด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้พระพรหมเมธี ถูกกองปราบฯ เสนอศาลอาญาออกหมายจับ เนื่องจากตรวจสอบพบว่า ได้ทุจริตโอนเงินงบประมาณการจัดทำโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรม จำนวน 5 ล้านบาท ที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มอบให้กับทางวัด โดยอาศัยช่วงที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวรมหาเถร) เจ้าอาวาสกำลังอาพาธอยู่ และเป็นช่วงที่ตัวเองได้เข้ามาดูแลบริหารจัดการทุกอย่างภายในวัดแทนชั่วคราว ทำการโอนเงินจำนวนดังกล่าว เข้าสู่บัญชีธนาคารส่วนตัวของตนเอง เพื่อนำไปใช้จ่ายส่วนตัว และพบว่ามีการโอนให้กับสีกาคนสนิท โดยที่ไม่ได้นำไปใช้ในการจัดทำโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรม ตามที่สำนักพุทธฯ มอบหมายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรวบรวมพยาน หลักฐาน จนนำไปสู่การขออำนาจศาลออกหมายจับดังกล่าว
วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมด่วนผู้บัญชาการทุกหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศ และได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยไปสืบสวนติดตามจับกุมพระพรหมสุทธิ และพระพรหมเมธี ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดที่ยังหลบหนี ให้ได้โดยเร็ว ขีดเส้นตายล่าตัวให้ได้ภายใน 7 วัน และต้องรายงานความคืบหน้าทุกวัน พร้อมแจกหมายจับพระทั้ง 2 รูปแก่ผู้เข้าร่วมประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอุทธรณ์ ได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไม่ให้ประกันตัว 5 พระเถระ ที่ถูกจับกุม 5 รูป ทั้งพระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ , พระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ , พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ , พระพรหมดิลก และพระอรรถกิจโสภณ เลขาเจ้าคณะกรุงเทพ วัดสระสามพระยา จึงยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 พ.ค.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนกองปราบปราม เร่งสืบสวนติดตามจับกุมตัวสองพระผู้ใหญ่ ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดอย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. จัดชุดสืบสวนติดตามตัวพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ที่น่าเชื่อว่าจะยังคงซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และมอบหมายให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. นำทีมสืบสวนติดตามตัวพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร โดยในส่วนของพระพรหมเมธีนั้น จากการสืบสวนมีการคาดกันว่า อาจจะหลบหนีด้วยการพรางตัวในชุดฆราวาสก็เป็นได้
ทั้งนี้ ในส่วนของการสืบสวนขยายผล พบว่า พระพรหมดิลก ยังเกี่ยวพันกับการวิ่งเต้นขอเลื่อนสมณศักดิ์ในแต่ละปี เพราะในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามบุกเข้าจับกุมตัว และตรวจค้นภายในกุฏิ ได้พบเอกสารที่เกี่ยวกับการเลื่อนสมณศักดิ์ของพระสงฆ์จำนวนหลายรูป ซึ่งทางตำรวจได้มีการส่งหลักฐานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนา เพื่อส่งต่อไปยังมหาเถรสมาคม เพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งของพระสงฆ์แต่ละรูปต่อไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า พระพรหมดิลก มีความสนิทสนมกับโยมสีกา เจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ที่ค้าขายเกี่ยวกับเครื่องอัฐบริขารใน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี สามารถเข้านอกออกในกุฎิได้มานานกว่า 10 ปี มีการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกันมากกว่า 10 ครั้ง และล่าสุด ได้ส่งลูกเขยคนหนึ่งมาบวชที่วัดสามพระยา เพื่อปรนนิบัติรับใช้พระพรหมดิลกโดยตรง
โดยจากการตรวจสอบเส้นทางเงิน พบว่า บัญชีของสีกามีความสัมพันธ์ในการโยกย้ายถ่ายเงินกับวัดสามพระยา และวัดอื่นๆ ภายใต้การปกครองของพระพรหมดิลก โดยมีวัดอย่างน้อย 10 แห่ง ในกรุงเทพฯ ที่ซื้อเครื่องสังฆภัณฑ์จากร้านของสีกาคนนี้นานนับ 10 ปี ทั้งใช้เงินของวัด และเงินที่ได้รับอุดหนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนา และวัดแต่ละแห่งที่มีการสั่งซื้อสินค้า เจ้าอาวาสผู้ปกครองวัด หรือผู้ช่วยเจ้าอาวาส ก็มีความสนิทสนมกับพระพรหมดิลก และพระอรรถกิจโกศล เลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพฯ ที่ถูกจับกุมพร้อมกับพระพรหมดิลก
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า พระสงฆ์ที่สั่งซื้อสินค้าจากร้านสังฆภัณฑ์แห่งนี้ ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ ตั้งแต่ระดับเจ้าคุณชั้นสามัญขึ้นไปอย่างต่อเนื่องในรอบเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา และการสืบสวนยังพบว่า มีอีกหลายวัดในกรุงเทพฯ สั่งซื้อสินค้าจากร้านสังฆภัณฑ์แห่งนี้ แม้ว่าวัดจะไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีการติดต่อผ่านพระอรรถกิจโกศล ที่ทำหน้าที่เลขานุการ
มีรายงานข่าวว่า พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาว่า จะเรียกสีกาคนนี้ พร้อมด้วยสามี มาสอบปากคำหรือไม่ และหากมีหลักฐานเพียงพอในการกระทำความผิด ก็อาจจะพิจารณาออกหมายจับเพิ่มเติม รวมทั้งพระสงฆ์บางรูป ตั้งแต่ระดับเจ้าคุณชั้นสามัญขึ้นไป ที่พบความเกี่ยวพันก็อาจจะถูกเรียกตัวมาสอบปากคำด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้พระพรหมเมธี ถูกกองปราบฯ เสนอศาลอาญาออกหมายจับ เนื่องจากตรวจสอบพบว่า ได้ทุจริตโอนเงินงบประมาณการจัดทำโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรม จำนวน 5 ล้านบาท ที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มอบให้กับทางวัด โดยอาศัยช่วงที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวรมหาเถร) เจ้าอาวาสกำลังอาพาธอยู่ และเป็นช่วงที่ตัวเองได้เข้ามาดูแลบริหารจัดการทุกอย่างภายในวัดแทนชั่วคราว ทำการโอนเงินจำนวนดังกล่าว เข้าสู่บัญชีธนาคารส่วนตัวของตนเอง เพื่อนำไปใช้จ่ายส่วนตัว และพบว่ามีการโอนให้กับสีกาคนสนิท โดยที่ไม่ได้นำไปใช้ในการจัดทำโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรม ตามที่สำนักพุทธฯ มอบหมายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรวบรวมพยาน หลักฐาน จนนำไปสู่การขออำนาจศาลออกหมายจับดังกล่าว
วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมด่วนผู้บัญชาการทุกหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศ และได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยไปสืบสวนติดตามจับกุมพระพรหมสุทธิ และพระพรหมเมธี ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดที่ยังหลบหนี ให้ได้โดยเร็ว ขีดเส้นตายล่าตัวให้ได้ภายใน 7 วัน และต้องรายงานความคืบหน้าทุกวัน พร้อมแจกหมายจับพระทั้ง 2 รูปแก่ผู้เข้าร่วมประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอุทธรณ์ ได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไม่ให้ประกันตัว 5 พระเถระ ที่ถูกจับกุม 5 รูป ทั้งพระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ , พระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ , พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ , พระพรหมดิลก และพระอรรถกิจโสภณ เลขาเจ้าคณะกรุงเทพ วัดสระสามพระยา จึงยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป