xs
xsm
sm
md
lg

ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม

เผยแพร่:   โดย: นพ นรนารถ


พระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้า
ใบลานบังพระธรรม
ลูกชาวบ้านบังพระสงฆ์

พระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้าหมายถึง การที่เคารพกราบไหว้พระพุทธรูปอย่างที่คนทั้งหลายนับถือ ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งเหล่านี้ ว่าขลังว่าศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็สามารถจะบันดาลสิ่งต่างๆ ให้ได้อย่างนั้น เป็นการบังไม่ให้เห็นพระพุทธเจ้าองค์จริง คือว่า ไปติดอยู่เพียงแค่นั้น ก็ไปไม่ถึงพระพุทธคุณ มีพระปัญญาคุณ พระกรุณาคุณ พระบริสุทธิคุณ ที่เรียกว่า กราบพระไม่ถึงพระ ติดอยู่ที่พระพุทธรูปปางนั้นๆ

ใบลานบังพระธรรม คือถ้ามัวแต่อ่านคัมภีร์ ศึกษาคัมภีร์ ยึดมั่นถือมั่นแต่คัมภีร์ แต่ว่าไม่ได้ปฏิบัติธรรม ให้รู้แจ้งเห็นจริง ทำให้คัมภีร์นั้นมาบังพระธรรม คือว่าหลงอยู่ในคัมภีร์ ติดอยู่ในคัมภีร์ คิดว่าการได้เล่าเรียนนักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอก เปรียญ 1 ถึงเปรียญ 9 ได้เรียนอะไรต่ออะไรที่เขาเรียนกันอยู่มากมาย ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว ก็เลยนอนกอดคัมภีร์อยู่อย่างนั้น ไม่ได้ปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม คือว่าไม่ได้เอาธรรมที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาปฏิบัติให้บังเกิดผลขึ้น ก็เรียกว่า คัมภีร์มาบังพระธรรมตัวจริง เพราะว่าพระธรรมตัวจริงนั้นอยู่ที่การปฏิบัติ แต่ว่าการศึกษาเล่าเรียนเป็นเข็มทิศ เป็นแผนที่บอกทางให้ว่าเราควรจะไปทางไหน ควรจะไปอย่างไร อันนี้ถ้าเผื่อไม่ได้นำมาปฏิบัติก็เป็นการว่า เอาคัมภีร์มาบังพระธรรม

ลูกชาวบ้านบังพระสงฆ์ สุดท้ายถ้าคนนับถือพระสงฆ์ที่เพียงแต่นุ่งเหลืองห่มเหลือง โกนศีรษะเป็นพระสงฆ์ โดยไม่คำนึงถึงข้อวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ ไม่ได้คำนึงถึงสังฆคุณที่ว่าสุปฏิปันโน ปฏิบัติดี อุชุปฏิปันโน ปฏิบัติตรง ญายปฏิปันโน ปฏิบัติเพื่อญายธรรม คือธรรมที่ควรรู้ หรือนิพพาน สามีจิปฏิปันโน ปฏิบัติชอบ ไม่มีคุณสมบัติอย่างนี้ แล้วก็ไปบำรุงลูกชาวบ้านที่มาบวชเป็นพระสงฆ์เพื่ออาชีพ หรือเพื่ออะไรก็แล้ว แต่โดยไม่มีคุณสมบัติของพระสงฆ์ที่แท้จริง อย่างนี้เขาเรียกว่าลูกชาวบ้าน บังพระสงฆ์

(จากหนังสือเรือนธรรม โดย อ.วศิน อินทสระ)

พระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้า ใบลานบังพระธรรม ลูกชาวบ้านบังพระสงฆ์ คือ สรุปความรวบยอดของปาฐกถาธรรมเรื่อง ภูเขาเห่งวิถีพุทธธรรม โดยภิกษุหนุ่มฉายา “พุทธทาส” ที่พุทธสมาคมเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2491

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือ ภูเขา 3 ลูกที่ขวางกั้นวิถีแห่งพุทธธรรม คือ ความหลุดพ้น

ท่านพุทธทาสพูดถึงพระสงฆ์ ว่า

“ทีนี้ก็มาถึงพระสงฆ์ ซึ่งถ้าเราพิจารณาดูให้ถี่ถ้วน ก็พอจะมองเห็นได้บ้างเหมือนกันว่า ถ้าเกิดมีความยึดมั่นสำคัญผิดแล้ว “พระสงฆ์ของบุคคลผู้นั้น” ก็จะเกิดเป็นภูเขาขวางทางของเขาได้ อย่างไม่น้อยกว่าพระพุทธหรือพระธรรมเหมือนกัน

ที่นับถือพระสงฆ์ ไปยึดถือที่ผ้าเหลืองก็มี ที่แบบวิธีของการบวชก็มี ที่กิริยาท่าทางอันเคร่งครัด ตลอดจนกำหนดชาติตระกูลของผู้ที่บวชนั้นก็มี. มีการเลือกพระสงฆ์ที่ตัวจะทำบุญด้วย ด้วยวิธีอันแปลกๆ. คนไหน รู้จักเพียงแค่ไหน ในลักษณะไหน ก็ยึดถือพระสงฆ์ในลักษณะนั้น เพียงนั้น แล้วยังเคยดูหมิ่นผู้อื่นว่าไม่รู้จักพระสงฆ์ไปก็มี

ในที่บางแห่งนับถือพระสงฆ์อย่างผู้วิเศษ สำหรับขับผีไล่เสนียดจัญไร หรือเป็น อาจารย์ผู้นำในเรื่องของขลัง อีกทางหนึ่งนับถือในฐานะเป็นสื่อหรือตัวแทนของสวรรค์หรือโลกหน้า หรือซึ่งถือว่าถ้าไม่ได้บวชสักนิดหนึ่ง ก็ไม่ใช่ญาติของพระศาสนาดังนี้เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่ทำให้หยุดชะงักอยู่ที่ระดับนั้น ไม่มีความเห็นอย่างแจ่มแจ้ง รู้จักพระสงฆ์ตามที่เป็นจริง

กล่าวคือเห็นแจ้งพุทธธรรม อันเป็นตัวธรรมะที่ทำให้คนเป็นพระสงฆ์หรือเป็นหัวใจของพระสงฆ์.

ความที่ตนมายึดมั่นตัวรู้จักพระสงฆ์ แล้วยึดถือพระสงฆ์ในรูปนั้นในลักษณะอย่างนั้น ย่อมเป็นเครื่องปิดกั้นทางดำเนินไปสู่ภูมิธรรมขั้นสูงสุดของตนได้ขนาดภูเขาขวางหน้าทีเดียว. และตามที่มันเป็นอยู่จริงๆ ในวงพวกพุทธบริษัทเรา ใครก็ต้องยอมรับว่าลักษณะดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ล้วนแต่มีอยู่จริงๆ อย่างครบถ้วนในวงพุทธบริษัท แม้เพียงในประเทศไทยเราไม่ต้องกล่าวถึงพุทธบริษัทในต่างประเทศ. และมีได้ตั้งแต่ชั้นที่มีการศึกษาน้อยขึ้นไปจนถึงชั้นที่มีการศึกษามาก หรือเลยขึ้นไปถึงชั้นพระอริยเจ้าขั้นต้นๆ ที่ยังมีอุปาทานบางอย่างที่ยังตัดไม่ได้ในขณะนั้น. และข้อนี้เมื่อสรุปความแล้วก็คือว่า อัตตวาทุปาทานหรือความยึดมั่น ด้วยวาทะว่าตัวตนนั่นแหละเป็นมูลฐานของสิ่งที่ปิดกั้น ปานประหนึ่งว่าภูเขาทั้งหลายเหล่านั้น. ความยึดมั่นว่ามีตัวตน ว่าตัวตนนั้นเป็นนั่นเป็นนี่ เป็นเครื่องบังอันหนาแน่นยิ่งกว่าเครื่องบังทั้งหลาย.

ถ้าจะเปรียบด้วยวัตถุก็อย่างกับภูเขาหิมาลัยทีเดียว ซึ่งเป็นกำแพงใหญ่สามารถที่บังคนในประเทศอินเดียให้ไม่รู้ได้ว่าทางประเทศไซบีเรียก็มีคนอยู่ หรือถึงกับเข้าใจว่าแผ่นดินผืนนี้ของตนไปสิ้นสุดลงเพียงที่ภูเขาอันสูงนั้น และสูงเลยขึ้นไปในเมืองฟ้าเมืองสวรรค์

ท่านทั้งหลายอย่าได้นึกไปถึงว่า เป็นการขอร้องให้ปฏิเสธหรือละทิ้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ขอให้เข้าใจว่า การยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตามทัศนะของตน ชนิดที่เลยขอบเขตจนกลายเป็นภูเขาหิมาลัยขวางหน้าไปเสียแล้วนั้น มันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงๆ. และการที่เราจะก้าวหน้าไปจนถึงขั้นหลุดพ้นสิ้นเชิงนั้น จำเป็นที่จะต้องละวางความยึดถือทุกสิ่งทุกอย่างไปตามลำดับจนกระทั่งความยึดถือในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างถูกต้องก็ต้องละกันในที่สุด. ถึงแม้การยึดถือที่ควรยึดถือในขั้นต้นนั้นก็ไม่ควรจะเป็นการยึดถือชนิดตัวตน, ควรเป็นเพียงการยึดถือเอาในฐานะเป็นเครื่องมือ หรือเรื่องนำทาง ก็เป็นการมากเต็มที่อยู่แล้ว.

อย่ายึดถือในพระพุทธ ในทำนองที่จะก่อการวิวาทกันด้วยเรื่องพระพุทธ.

อย่ายึดถือในพระธรรม อันเป็นนามที่สมมติขึ้นแทนชื่อของความบริสุทธิ์หลุดพ้นปล่อยวาง ขึ้นเป็นตัวตนเป็นรูปแบบต่างๆ จนแตกร้าวกัน เพราะพระธรรม.

อย่าขัดกันในหลักเรื่องพระสงฆ์ ซึ่งเป็นเพียงชื่อของผู้ที่หลุดพ้นหรือกำลังพยายามเพื่อหลุดพ้น จนต้องเกิดแบ่งแยกแตกร้าวกันอย่างไม่มีหลักเกณฑ์ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ยังยึดถือตึงเครียดอยู่ด้วยกันทั้งนั้น.”

ปาฐกถาธรรม “ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม” นี้ ทำให้ท่านพุทธทาสถูกโจมตีอย่างรุนแรงว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นผู้มีเจตนาทำลายศาสนาพุทธ เพราะสอนคนว่า ไม่ต้องไหว้พระพุทธรูป ไม่ต้องกราบพระสงฆ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฏการณ์ในวงการพุทธศาสนาบ้านเราอธิบายได้ด้วยปาฐกถาธรรมนี้

อีกไม่กี่วัน ปาฐกถาธรรม “ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม” จะมีอายุครบ 70 ปี ประจวบกับวงการผ้าเหลืองตกเป็นข่าวอื้อฉาว เป็นเรื่องของคนห่มผ้าเหลืองที่สมมติว่าเป็นพระสงฆ์


กำลังโหลดความคิดเห็น