**อาจเป็นไปตามคาดหมายที่เรียกกันแบบเข้าใจว่า "ม็อบคนอยากเลือกตั้ง" ต้องฝ่อ และล่าถอยกลับไปอยู่ในพื้นที่ชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามที่มีการขีดวงเอาไว้ เพราะไม่ว่าจะพยายามสร้างกระแส สร้างแรงส่งออกมาจากข้างนอก จากพวก "เขี้ยวทางการเมือง" บางพรรค ที่ผสมโรงคอยยั่วยุ กดดัน มันก็ดันไม่ขึ้น
แม้ว่าจะพยายาม "ตามน้ำ" ฉวยจังหวะครบรอบ 4 ปี ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม แล้วก็ตาม แต่ปริมาณผู้ชุมนุมก็ได้แค่หลักร้อยต้น ๆ
แน่นอนว่าที่จำนวนคนมาน้อยคงไม่ใช่เป็นเพราะชาวบ้านกลัวเจ้าหน้าที่ ที่ระดมกันมามากกว่าผู้ชุมนุมถึง 3-4 เท่าตัว เพราะตามที่แถลงออกมา มีการระบุว่า มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ถึง 3 พันนาย และคงไม่ใช่เพราะเกรงขามกับมาตรการของ 2 นายตำรวจอนาคตไกล อย่าง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ "รับงาน" และเข้ารายงานตรงทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. รวมทั้ง "พี่ใหญ่" อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จนทั้งสองคนข้างต้นบอกว่า "สบายใจ" หรอก
สาเหตุที่มาน้อย น่าจะเป็นเพราะ "เงื่อนไขยังไม่ได้" และเชื่อว่าชาวบ้านยังไม่ได้ "อยากเลือกตั้ง" ตามที่บรรดาเด็กๆ พวกนี้เรียกร้องแบบไม่ดูตาม้า ตาเรือแบบนี้ มันจึงได้เห็นการทำกิจกรรมนอกรั้วมหาวิทยาลัย โดยที่พวก "หัวหงอก" แอบดันหลังกันออกมา
**หากพิจารณาจากสภาพของม็อบ มันก็เป็นลักษณะที่ค่อนไปทางการชุมนุมของพวก "คนเสื้อแดง" บางกลุ่ม กับเครือข่ายแนวร่วมนักศึกษาหน้าเดิมๆ ทั้งเงื่อนไข และกระแสมันยังไม่ได้ ผลจึงต้องลงเอยแบบที่ว่าต้องมี "แกนนำถูกควบคุมตัว" ไปดำเนินคดี แต่ถึงอย่างไร มันก็ยังปลุกกระแสไม่ขึ้นอยู่ดี
ขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่งฝ่ายที่คุมอำนาจรัฐอยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ อย่างรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นาทีนี้ อย่างที่บอกในตอนต้นแล้วว่า "เงื่อนไข" มันยังไม่มา เมื่อยังไม่มา มันจึงไม่มีกระแสได้เต็มที่ให้ออกมาร่วมชุมนุม ซึ่งที่จริงมันก็เป็นสูตรสำเร็จพื้นๆ ทั่วไป และเงื่อนไขสำคัญหากพูดถึงเรื่อง "การเลือกตั้ง" ที่ล่าสุด คนที่มีอำนาจสั่งการสูงสุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ "พี่ใหญ่" พล.อ .ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รีบ "ตัดเกม" ด้วยการย้ำถี่ยิบว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นใน "เดือนกุมภาพันธ์ 2562" ไม่มีเลื่อนออกไปอีกแล้ว ซึ่งหากนับจากเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ก็ช้าไปเพียงแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น
การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า ตามที่ประกาศเอาไว้ ชาวบ้านส่วนใหญ่เขารอได้ เพราะมันไม่ได้นานเกินไป ขณะเดียวกันกันหากพิจารณากันตามความเป็นจริงตามขั้นตอนกฎหมายที่เวลานี้ ทั้งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับ ยังไม่เสร็จ หรือกำลังอยู่ในขั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ได้ "ปลดล็อก" เพราะขั้นตอนหลังจากนี้ แต่ละพรรคการเมืองจะต้องมีการประชุมเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ตามกฎหมายใหม่ นี่คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
** อย่างไรก็ดี "เงื่อนไขเกิดแน่" หากมีรายการ "ยึกยัก" เกิดขึ้น นั่นคือ เลื่อนการเลือกตั้งออกไปจากเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ออกไปอีก หากเป็นแบบนั้นจริง มันจะดูไม่จืด เพราะไม่ว่าจะเป็นเพราะมีอุปสรรคที่อยู่เหนือการควบคุมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ก็ตาม ถึงจะอธิบายอย่างไร คนจะก็จะไม่เชื่ออีกแล้ว
ดังนั้น มีทางเดียว เขาก็ต้องคัดท้ายให้ทุกอย่างเป็นตามกำหนดให้ได้เท่านั้น
แม้ว่าคราวนี้จะสามารถควบคุมการชุมนุมได้แบบอยู่หมัด ไม่ยืดเยื้อ ดำเนินคดีกับแกนนำได้ครบจำนวน ทำให้ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีอาการ "สบายใจ" ก็ตาม แต่ขอเตือนว่าอย่าเพิ่งวางใจเป็นอันขาด
เพราะหากพิจารณาจากสัญญาณที่ปรากฏออกมาให้เห็น ในช่วงเวลา 4 ปี คสช. ชาวบ้านมีเสียงบ่นที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ในทำนองว่า แทบทุกเรื่องไม่ทำตามสัญญา เช่น เรื่องวาระการปฏิรูป การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ที่สำคัญเรื่องปากท้องที่สอบถามทุกครั้งผลยังออกมาแบบเดิม แม้ว่าจะพยายามชี้ให้เห็นแบบเน้นๆ แล้วว่าเศรษฐกิจขยายตัวแรงก็ตาม
**ดังนั้น เวลาที่เหลืออันจำกัดนั้น เขาต้องเร่งทำแต้มให้กลับมาโดยเร็ว นั่นคือ ต้องทำทันที ทำตามสัญญา คืนความสุขให้ได้ !!
แม้ว่าจะพยายาม "ตามน้ำ" ฉวยจังหวะครบรอบ 4 ปี ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม แล้วก็ตาม แต่ปริมาณผู้ชุมนุมก็ได้แค่หลักร้อยต้น ๆ
แน่นอนว่าที่จำนวนคนมาน้อยคงไม่ใช่เป็นเพราะชาวบ้านกลัวเจ้าหน้าที่ ที่ระดมกันมามากกว่าผู้ชุมนุมถึง 3-4 เท่าตัว เพราะตามที่แถลงออกมา มีการระบุว่า มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ถึง 3 พันนาย และคงไม่ใช่เพราะเกรงขามกับมาตรการของ 2 นายตำรวจอนาคตไกล อย่าง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ "รับงาน" และเข้ารายงานตรงทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. รวมทั้ง "พี่ใหญ่" อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จนทั้งสองคนข้างต้นบอกว่า "สบายใจ" หรอก
สาเหตุที่มาน้อย น่าจะเป็นเพราะ "เงื่อนไขยังไม่ได้" และเชื่อว่าชาวบ้านยังไม่ได้ "อยากเลือกตั้ง" ตามที่บรรดาเด็กๆ พวกนี้เรียกร้องแบบไม่ดูตาม้า ตาเรือแบบนี้ มันจึงได้เห็นการทำกิจกรรมนอกรั้วมหาวิทยาลัย โดยที่พวก "หัวหงอก" แอบดันหลังกันออกมา
**หากพิจารณาจากสภาพของม็อบ มันก็เป็นลักษณะที่ค่อนไปทางการชุมนุมของพวก "คนเสื้อแดง" บางกลุ่ม กับเครือข่ายแนวร่วมนักศึกษาหน้าเดิมๆ ทั้งเงื่อนไข และกระแสมันยังไม่ได้ ผลจึงต้องลงเอยแบบที่ว่าต้องมี "แกนนำถูกควบคุมตัว" ไปดำเนินคดี แต่ถึงอย่างไร มันก็ยังปลุกกระแสไม่ขึ้นอยู่ดี
ขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่งฝ่ายที่คุมอำนาจรัฐอยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ อย่างรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นาทีนี้ อย่างที่บอกในตอนต้นแล้วว่า "เงื่อนไข" มันยังไม่มา เมื่อยังไม่มา มันจึงไม่มีกระแสได้เต็มที่ให้ออกมาร่วมชุมนุม ซึ่งที่จริงมันก็เป็นสูตรสำเร็จพื้นๆ ทั่วไป และเงื่อนไขสำคัญหากพูดถึงเรื่อง "การเลือกตั้ง" ที่ล่าสุด คนที่มีอำนาจสั่งการสูงสุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ "พี่ใหญ่" พล.อ .ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รีบ "ตัดเกม" ด้วยการย้ำถี่ยิบว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นใน "เดือนกุมภาพันธ์ 2562" ไม่มีเลื่อนออกไปอีกแล้ว ซึ่งหากนับจากเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ก็ช้าไปเพียงแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น
การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า ตามที่ประกาศเอาไว้ ชาวบ้านส่วนใหญ่เขารอได้ เพราะมันไม่ได้นานเกินไป ขณะเดียวกันกันหากพิจารณากันตามความเป็นจริงตามขั้นตอนกฎหมายที่เวลานี้ ทั้งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับ ยังไม่เสร็จ หรือกำลังอยู่ในขั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ได้ "ปลดล็อก" เพราะขั้นตอนหลังจากนี้ แต่ละพรรคการเมืองจะต้องมีการประชุมเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ตามกฎหมายใหม่ นี่คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
** อย่างไรก็ดี "เงื่อนไขเกิดแน่" หากมีรายการ "ยึกยัก" เกิดขึ้น นั่นคือ เลื่อนการเลือกตั้งออกไปจากเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ออกไปอีก หากเป็นแบบนั้นจริง มันจะดูไม่จืด เพราะไม่ว่าจะเป็นเพราะมีอุปสรรคที่อยู่เหนือการควบคุมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ก็ตาม ถึงจะอธิบายอย่างไร คนจะก็จะไม่เชื่ออีกแล้ว
ดังนั้น มีทางเดียว เขาก็ต้องคัดท้ายให้ทุกอย่างเป็นตามกำหนดให้ได้เท่านั้น
แม้ว่าคราวนี้จะสามารถควบคุมการชุมนุมได้แบบอยู่หมัด ไม่ยืดเยื้อ ดำเนินคดีกับแกนนำได้ครบจำนวน ทำให้ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีอาการ "สบายใจ" ก็ตาม แต่ขอเตือนว่าอย่าเพิ่งวางใจเป็นอันขาด
เพราะหากพิจารณาจากสัญญาณที่ปรากฏออกมาให้เห็น ในช่วงเวลา 4 ปี คสช. ชาวบ้านมีเสียงบ่นที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ในทำนองว่า แทบทุกเรื่องไม่ทำตามสัญญา เช่น เรื่องวาระการปฏิรูป การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ที่สำคัญเรื่องปากท้องที่สอบถามทุกครั้งผลยังออกมาแบบเดิม แม้ว่าจะพยายามชี้ให้เห็นแบบเน้นๆ แล้วว่าเศรษฐกิจขยายตัวแรงก็ตาม
**ดังนั้น เวลาที่เหลืออันจำกัดนั้น เขาต้องเร่งทำแต้มให้กลับมาโดยเร็ว นั่นคือ ต้องทำทันที ทำตามสัญญา คืนความสุขให้ได้ !!