xs
xsm
sm
md
lg

ปฏิวัติอินเดียด้วยมือถือ

เผยแพร่:   โดย: ดร.จิรยุทธ์ สินธุพันธุ์ และ จตุพร สุวรรณสุขุม

ดร.จิรยุทธ์ สินธุพันธุ์ คณะนิเทศศาสตร์ และศูนย์เอเชียใต้ศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จตุพร สุวรรณสุขุม ศูนย์เอเชียใต้ศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ในปัจจุบัน อินเดียถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางด้านอุตสาหกรรมการสื่อสารและโทรคมนาคมมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก หากเรามองย้อนไปในช่วงก่อนในช่วง 10 ถึง 15 ปีก่อนหน้านี้ การที่ครัวเรือนใดจะมีโทรศัพท์บ้านใช้สักเลขหมายหนึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่หรูหราอย่างยิ่ง มีข้อมูลว่ากระทั่งถึงราวปี ค.ศ.1993 ยังมีรายชื่อของผู้ที่ลงทะเบียนเพื่อรอขอติดตั้งคู่สายเพิ่มขึ้นกว่า 20 ล้านรายในแต่ละปี อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จำนวนรายชื่อผู้ลงทะเบียนขอใช้โทรศัพท์บ้านลดลงกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ด้วยผู้คนส่วนหนึ่งได้หันไปใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่กันมากขึ้น และจากการใช้ประกาศนโยบายการแข่งขันเสรีทางอุตสาหกรรมการสื่อสารโทรคมนาคมของรัฐบาล อัตราค่าใช้บริการก็ถูกลง การเข้าถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็เป็นสิ่งที่ง่ายขึ้น ทำให้อินเดียก็ได้กลายเป็นตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

นอกจากนี้แล้ว ในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ.2015 รัฐบาลอินเดียก็ได้เปิดตัวโครงการ "Digital India" อันมีจุดมุ่งหมายที่จะขยายโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ทุนและบริการของรัฐผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมีแผนที่จะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานออนไลน์และส่งเสริมความรู้ด้านระบบดิจิทัล เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ชนบทด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ในปี ค.ศ.2020 จะต้องมีชาวอินเดียจำนวน 140 ล้านคนที่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินบนมือถือ และอีก 75 ล้านคนที่มีสิทธิ์เข้าถึงการศึกษาออนไลน์ผ่านโครงข่ายเคเบิลใยแก้วแห่งชาติของรัฐบาล

หากโครงการ Digital India เกิดขึ้นได้จริง ก็จะยังผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองในอินเดียอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้คนจำนวนมากจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นในการเข้าถึงทุนและบริการของรัฐ ในการพัฒนาศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้แล้ว ข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมจากระบบดิจิทัลก็สามารถช่วยให้รัฐสามารถวางแผนในการให้บริการแก่ประชาชนได้ง่ายและทั่วถึงมากขึ้น ช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้ทำงานด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ได้เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น

การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมการสื่อสารและโทรคมนาคมของอินเดีย ตลอดจน โครงการ Digital India ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ แต่เกิดขึ้นจากการกำหนดนโยบายและวางแผนการพัฒนาที่มองไปข้างหน้ามาอย่างน้อยก็สองทศวรรษ นับตั้งแต่นโยบายสื่อเสรี นโยบายการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ และนโยบายการเตรียมความพร้อมผู้พัฒนาเนื้อหาและบริการ

มุมมองเชิงนโยบายและการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อในอินเดีย

รัฐธรรมนูญของอินเดียนั้นรับประกันสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารของประชาชน แต่กระนั้น รัฐก็ยังคงมีนโยบายสื่อแห่งชาติเพื่อใช้กำกับดูแลการทำงานของสื่อ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของภาคเอกชนและดำเนินงานในรูปแบบธุรกิจเช่นหน่วยงานภาคเอกชนอื่น ๆ สำหรับสื่ออิเล็กทรอนิกส์แห่งชาตินั้นจะอยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงของรัฐบาลผ่านกระทรวงข้อมูลและกระจายเสียง

ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียวางนโยบายสื่อของประเทศไว้ว่า สื่อมีหน้าที่สำคัญในการรักษาและเสริมสร้างวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย นอกจากนี้แล้ว สื่อก็จะมีหน้าที่ในการช่วยกระตุ้นให้ประชาชนสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการสร้างชาติความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจการพัฒนาสังคม ช่วยประสานงานและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายในประเทศและระหว่างประเทศ ช่วยส่งเสริมการคิดอย่างมีเหตุผลและการจัดการกับปัญหาในระดับชาติอย่างเป็นระบบ ซึ่งปัญหาที่สำคัญของอินเดียก็เห็นจะหนีไม่พ้น ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลและการสื่อสารของกลุ่มด้อยโอกาสในสังคม
ที่มา https://www.huffingtonpost.in/2016/07/08/india-slips-two-notches-i_n_10875402.html
โทรศัพท์เคลื่อนที่เข้ามายังประเทศอินเดียตั้งแต่ราวปี ค.ศ.1990 แต่จนกระทั่งถึงราวปี ค.ศ.2000 ราคาของโทรศัพท์เคลื่อนที่และอัตราค่าใช้บริการยังไกลเกินเอื้อมประชาชนส่วนใหญ่ของอินเดีย ด้วยอัตราค่าโทรเฉลี่ยสูงถึง 12 บาทต่อนาที ช่องว่างในการเข้าถึงข้อมูลจะยังคงกว้างขึ้นไปทุกปีตามอัตราเงินเฟ้อ เว้นแต่รัฐบาลจะมีกลยุทธ์เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวอย่างชัดเจน

เพื่อเป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านการสื่อสาร รัฐบาลอินเดียจึงใช้นโยบายเปิดเสรีทางการค้าของอินเดีย ที่มีทั้งหมด 7 ด้านดังนี้

1.การลดทอนกฎระเบียบและการควบคุม
2.การแก้ไขพระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการผูกขาดและข้อจำกัดทางการค้า (Monopolies and Restrictive Trade Practices)
3.การปฏิรูปการบริหารเงินตราต่างประเทศ
4.การเปิดเสรีทางการเงิน
5.การลงทุนจากต่างประเทศ
6.การรับเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
7.นโยบายภาครัฐที่มีความคล่องตัวและเอื้อต่อผู้ลงทุน

การเปิดเสรีทางการค้านี้ทำให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในการแข่งขันมากขึ้น มีการนำเข้าเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้ประเทศอินเดียอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นการการเปลี่ยนบทบาทของภาครัฐจากผู้ควบคุมและผู้ดำเนินการมาเป็นผู้อำนวยความสะดวก ทั้งในด้าน Information Technology และ Business Technology ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนประชากรของอินเดียทำให้อินเดียเป็นตลาดที่ดึงดูดความสนใจของผู้ประกอบการชาวต่างชาติ การแข่งขันอย่างเสรีทำให้ผู้ให้บริการเริ่มลดอัตราค่าบริการของตนลง จนปัจจุบันอัตราค่าใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอินเดียเหลือเพียง 40 สตางค์ต่อนาที จำนวนผู้ใช้บริการที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการยังสามารถคงกำไรได้ในอัตราค่าบริการที่ถูกลง

ในปี 2014 มีอินเดียมีประชากรกว่า 1.2 พันล้านคนแต่ก็มีเพียง 20% เท่านั้นที่ได้มีโอกาสใช้อินเทอร์เน็ต อุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงคือค่าใช้จ่าย ในเดือนกรกฎาคมปี 2015 รัฐบาลอินเดียได้เปิดตัวโครงการ "Digital India" เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการของรัฐบาลโดยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานออนไลน์ ในเดือนธันวาคม ปี 2016 โครงการ Digital India มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโครงข่ายบรอดแบนด์ซึ่งจะครอบคลุมชุมชน 250,000 แห่ง การบุกเบิกนี้จะทำให้บริการที่ใช้เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลในประเทศได้ รัฐบาลยังให้ความสนใจกับการเชื่อมต่อการศึกษาและธุรกิจผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยคาดหวังว่าภายในปี 2018 หมู่บ้านกว่า 40,000 แห่งจะสามารถใช้เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือเพื่อขยายโอกาสและความสามารถในการแข่งขันของตนเองในโลกดิจิทัล โดยรัฐบาลจะสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคให้แก่ประชาชนทุกคน การกำกับดูแลและการบริการจะเป็นไปตามความต้องการของประชาชน

นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลก็ยังหวังว่า Digital India จะช่วยพัฒนา e-governance ในอินเดีย กล่าวคือเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อการการสื่อสารจะสามารถช่วยให้การทำงานของรัฐโปร่งใสและเป็นธรรมมาภิบาลมากขึ้น การออกแบบแอปพลิเคชัน e-governance จะทำให้ข้อมูลและบริการทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้แบบเรียลไทม์ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนจึงเปิดตัวแพลตฟอร์มระดับประเทศชื่อว่า myGov ซึ่งขณะนี้มีสมาชิก 1.6 ล้านคน นี่เองเป็นเหมือนสัญญาณที่จะบอกว่าอินเดียพร้อมแล้วสำหรับการปฏิวัติดิจิทัล

ในช่วงระยะเวลาอันสั้น การปฏิวัติดิจิทัลได้ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ด้าน ทั้งการสาธารณสุข การเศรษฐกิจ และการศึกษา

การปฏิวัติระบบสาธารณสุข

แต่ไหนแต่ไรมา ระบบการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานของอินเดียเป็นสิ่งที่พัฒนาไปได้อย่างเชื่องช้ามากที่สุด อัตราการเสียชีวิตของทารกแรกเกิดจึงอยู่ในระดับที่สูง การใช้สมาร์ทโฟนเพื่อช่วยชีวิตและดูแลสุขภาพของสตรีผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือที่เรียกว่า mSakhi เพื่อช่วยให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับมารดาและทารกแรกเกิดที่มีสัญญาณอันตราย mSakhi ถูกใช้โดยตัวแทนสาธารณสุขจำนวน 329 คนเพื่อประโยชน์ของสตรีชาวอินเดีย 16,000 คน ผ่านโครงข่ายในแถบชนบทของอินเดีย ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียต้องการลดอัตราการตายของทารกแรกเกิดของอินเดียอยู่ที่ 29 ต่อ 1,000 ให้อัตราลดลงเหลือเลขเพียงตัวเดียว ในขณะเดียวกัน mSakhi ยังคงประสพปัญหา เนื่องจากแอ็พพลิเคชันนี้ออกแบบมาสำหรับการเชื่อมต่อในระดับที่ต่ำ ข้อมูลที่ป้อนลงในอุปกรณ์เคลื่อนที่จะถูกจัดเก็บแบบออฟไลน์ เมื่อมีเครือข่ายที่พร้อมใช้งานระบบจะอัพโหลดข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ mSakhi โดยรวมจะช่วยให้การทำงานภาคสนามมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามโครงการนี้ยังต้องการงบประมาณสนับสนุน เพื่อให้เกิดการพัฒนาขอแอพพลิเคชั่นให้ได้ประโยชน์สูงสุด

การปฏิวัติระบบเศรษฐกิจ

ปัญหาความยากจนของอินเดียนั้นมีปัจจัยที่สำคัญมาจากการขาดโอกาสในการเข้าถึงทุน การปฏิวัติดิจิทัลได้ทำให้ผู้ขาดโอกาสสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็กได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในปี ค.ศ.2014 คณะกรรมาธิการกิจการสาธารณะแห่งอินเดีย (Public Service Commission of India) ได้ร่วมมือกับบริษัทกิจการสารสนเทศ Qualcomm Wireless Reach ในการพัฒนาโครงข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายและเปลี่ยนรูปแบบกระบวนการให้สินเชื่อให้อยู่ในระบบดิจิทัล โดยสร้างโปรแกรมและแอปพลิเคชั่นมือถือที่เรียกว่า MicroLekha นี้สามารถใช้งานได้โดยไร้กระดาษ 100% ผ่านการใช้แท็บเล็ตที่เชื่อมต่อกับ 3G ทำให้คณะกรรมาธิการฯ สามารถทำงานได้รวดเร็วและโปร่งใสมากขึ้น และลดระยะเวลาการดำเนินการพิจารณาสินเชื่อจาก 17-18 วัน เหลือเพียง 3-4 วัน เนื่องจากเอกสารทั้งหมดได้รับการจัดเก็บแบบดิจิทัลจึงไม่จำเป็นต้องให้ลูกค้าส่งเอกสารทุกครั้งที่สมัครสินเชื่อ และเมื่อลูกค้าชำระคืนเงินกู้ พวกเขาได้รับใบเสร็จรับเงินและการปรับปรุงบัญชีผ่านทาง SMS

ด้วยการทำงานในรูปแบบดังกล่าว คณะกรรมาธิการฯ สามารถช่วยเหลือให้กลุ่มสตรีในพื้นที่ห่างไกลสามารถได้รับสินเชื่อเพื่อสร้างธุรกิจของตนเองโดยไม่ต้องเดินทางเข้ามาในเมือง พวกเธอสามารถที่จะมีรายได้ที่นำมาสร้างบ้านใหม่ พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งลูกไปโรงเรียนได้ เมื่อ Digital India สามารถเจาะลึกพื้นที่ชนบทของประเทศได้อย่างเต็มที่หวังว่าเทคโนโลยีด้านโทรศัพท์มือถือที่ได้รับการออกแบบมาจะสามารถอำนวยความสะดวกในโอกาสทางธุรกิจขนาดเล็กเพิ่มขึ้น

จากการคาดการณ์จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี ค.ศ.2019 ที่มี ถึง 730.7 ล้านคน ตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นเหล่านี้เองเป็นตัวผลักดันให้อินเดียกลายเป็น เครือข่าย Digital Revolution- Telecom ระดับโลก เมืองระดับ Tier 1 และ Tier 2 โดยจะมีจุดบริการ WIFI ตามที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น สนามบิน สถานีรถไฟ สถานีรถรถโดยสารสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ การปฏิวัติดิจิทัลก็จะเป็นกลไกหลักสำคัญในการช่วยเพิ่มศักยภาพทางการตลาดให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่จะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แอปพลิเคชันออกแบบมาเพื่อธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยลดปัญหาการทำธุรกิจและการจัดเก็บภาษี อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาวิกฤติด้านเครดิตสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจค้าปลีกของอินเดีย และช่วยเปิดตลาดลู่ทางใหม่ ๆ สำหรับ SMEs
ที่มา http://lastlocal.in/2017/01/12/india-2017-the-digital-revolution/
จากตารางข้างต้น เราจะเห็นถึงโอกาสการเติบโตของตลาดแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนของอินเดียว่ามีมากถึง 477% โดยการเติบโตของสังคมเมืองจะทำให้คนอินเดียใช้เวลากับสื่อบนมือถือเพิ่มขึ้น 90% การค้าขายออนไลน์จะเป็นช่องทางในการสร้างแบรนด์ที่สำคัญที่ผู้คนให้ความสนใจเพิ่มถึง 61% และเพียงแค่ระยะเริ่มต้นของการทำธุรกิจออนไลน์ ยอดการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้นถึง 25%

ในส่วนของข้อมูลด้านประชากร คนอินเดียจะเข้าสู่โลกออนไลน์เพิ่มขึ้นอีก 50% ผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้น 54% ซึ่งในจำนวนนี้ 9 ใน 10 ของคนอินเดียจะพิจารณาสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ หากพิจารณาสถิติตัวเลขข้างต้นจะเห็นได้ว่าตลาดการแข่งขันด้านสมาร์ทโฟนจะเป็นตลาดที่มีส่วนแบ่งมหาศาล เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้คนอินเดียมีอำนาจการใช้จ่ายสูงขึ้น คนจำนวนกว่า 200 ล้านคนจะเลื่อนสถานะจากรายได้น้อยมาเป็นชนชั้นกลาง สภาพสังคมรูปแบบเดิม ๆ ที่เป็นภาพจำของอินเดียจะเปลี่ยนไป การเข้าถึงทรัพยากร สาธารณูปโภค การบริการต่าง ๆ จากรัฐจะเป็นไปได้มากขึ้น ทำให้สังคมวัฒนธรรมเป็นในรูปแบบเมืองมากขึ้น ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าวิถีชีวิตความเป็นอยู่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย

การปฏิวัติระบบการศึกษา

ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศอินเดียอาศัยอยู่ตามเขตชนบท จากการสำรวจรายงานสถานการณ์การศึกษาของประเทศอินเดียระบุว่าแม้จำนวนโรงเรียนในชนบทจะเพิ่มขึ้น แต่คุณภาพการศึกษากลับสวนทางกัน เด็กนักเรียนระดับชั้นประถมปีที่ 5 ไม่สามารถอ่านหนังสือของระดับชั้นปีที่ 2 ได้ และคุณภาพการศึกษาด้านวิชาคณิตศาสตร์ก็ยังน่าเป็นห่วง สาเหตุของปัญหาส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากการสอนหนังสือของระดับชั้นต่าง ๆ แบบรวมห้อง ทำให้นักเรียนสับสนเพราะเรียนรู้แบบไม่เป็นไปตามขั้นตอน

คุณภาพและการเข้าถึงการศึกษาถือเป็นปัญหาหลักในโรงเรียนแถบชนบท เนื่องจากขาดแคลนหนังสือเรียนและสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมในโรงเรียน ครูผู้สอนมีความมุ่งมั่นน้อยลง การลดลงของจำนวนครูก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลกระทบสูง เมื่อเทียบกับโรงเรียนเอกชนแล้วคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนรัฐบาลถือว่าไม่สามารถเทียบเคียงได้เลย คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านเข้าใจถึงความสำคัญของการศึกษาและรู้ว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดความยากจน แต่เนื่องจากขาดแคลนทุนทรัพย์จึงไม่สามารถส่งบุตรหลานไปเรียนที่โรงเรียนเอกชนได้ ดังนั้นจึงต้องฝากอนาคตทางการศึกษาให้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของโรงเรียนรัฐบาล

โรงเรียนรัฐบาลบางแห่งในชนบทของอินเดียมีจำนวนนักเรียนมากจนทำให้สัดส่วนครูต่อนักเรียนไม่พอดี ในหมู่บ้านที่ห่างไกล เช่น ในรัฐอรุณาจัลประเทศ มีนักเรียนมากกว่า 300 คนในชั้นเรียน ซึ่งทำให้มีนักเรียนเกือบ 100 คนในแต่ละห้องเรียน ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่ครูจะให้ความสนใจต่อนักเรียนแต่ละคนอย่างเต็มที่ ความแตกต่างระหว่างการศึกษาในเมืองและชนบทนั้นไม่ใช่เรื่องของมันสมองของเด็กนักเรียน แต่เป็นทักษะการเรียนการสอน โครงสร้างพื้นฐานและการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ต้องพิจารณาในการจัดทำหลักสูตรให้ไม่มีความแตกต่างกัน

ระยะทางก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็ก ๆ ในชนบทของอินเดียไม่ได้รับการศึกษา โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงหากต้องเดินทางไปโรงเรียนนอกหมู่บ้าน พ่อแม่เด็กก็จะเลือกที่ไม่ส่งลูกสาวไปโรงเรียนอัตราการรู้หนังสือในหมู่สตรีชาวอินเดียจึงอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศด้านการจัดหาโอกาสทางการศึกษาพบว่า หญิงอินเดียมีเพียง 48% เท่านั้นที่ได้รับศึกษาจนถึงชั้นประถมห้า และในปี 2015 พบว่ามีเพียงร้อยละ 22 เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงความรู้ในโลกออนไลน์

โครงการ Digital India ได้ริเริ่มทดลองใช้แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วย m-learning (การใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อการศึกษาทุกที่ทุกเวลา) เพื่อปฏิวัติการศึกษาในชนบทของอินเดีย เป้าหมายก็คือการนำการนำหารศึกษาให้เข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากด้วยการลงทุนที่จำกัด เนื่องจากอินเดียมีฐานผู้ใช้โทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับสองของโลกโดยมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมากกว่า 900 ล้านราย โทรศัพท์มือถือจึงเป็นตัวเลือกที่ดี แม้ในพื้นที่ชนบทในอินเดียจะยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีนัก การขยายตัวของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในชนบท การยอมรับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตบนมือถือ และการเกิดขึ้นของสมาร์ทโฟนต้นทุนต่ำ ถือเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับการใช้เทคโนโลยีมือถือเพื่อการศึกษาในอินเดีย

รัฐบาลของอินเดียได้จัดตั้ง "National Program on Technology Enhanced Learning (NPTEL)" ในกระทรวงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จุดมุ่งหมายของ NPTEL คือการพัฒนาหลักสูตรวิดีโอทางไกลและหลักสูตรที่สอนทางเว็บไซต์เพื่อเพิ่มคุณภาพการศึกษาด้านวิศวกรรมในอินเดีย การใช้เทคโนโลยี Web 2.0 เช่นเว็ปบล็อกและโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างชุมชนทางการศึกษาก็เป็นช่องทางหนึ่งในการอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ การทำงานร่วมกันและแบ่งปันความรู้ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดียเช่น LinkedIn และ Twitter ได้เปิดโอกาสในนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลได้เรียนรู้จากกับผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในเมือง โครงการดังกล่าวได้กลายเป็นตัวอย่างของความสำเร็จ อย่างมากซึ่งทำให้เกิดการใช้โปรแกรมดังกล่าวทั่วทั้งอินเดียโดยทั้งภาครัฐและเอกชน

นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลอินเดียร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างบริษัท Qualcomm ที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ในการพัฒนาแอปพลิเคชันเกมดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้บนอุปกรณ์ดิจิทัล ซึ่งผลการวิจัยก็ชี้ให้เห็นว่า เด็กนักเรียนที่ได้เรียนรู้ผ่านเกมดิจิทัลมีพัฒนาการด้านทักษะภาษาฮินดีและทักษะในการคำนวณเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ นอกจากนี้แล้ว เกมดิจิทัลยังช่วยปรับปรุงการเข้าชั้นเรียนและช่วยให้ครูคุ้นเคยกับเทคโนโลยีมากขึ้นในฐานะเครื่องมือการสอนได้อีกด้วย

ถึงจุดนี้ ท่านผู้อ่านอาจจะคิดว่าการปฏิวัติดิจิทัลนั้นเป็นยาขนานวิเศษสำหรับการพัฒนาประเทศในยุคปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริงนั้น การปฏิวัติดิจิทัลนี้ก็มีภยันตรายซุ่มซ่อนอยู่ในมุมมืด เหมือนงูจงอาจที่นอนขดตัวอยู่ในท้องทุ่งดอกผักกาดสีเหลืองอร่ามแสนงามในอินเดีย อันผู้เขียนจะได้พูดถึงต่อไปในบทความคราวหน้า

รายการอ้างอิง
https://www.thequint.com/voices/blogs/isnt-it-time-india-gets-a-national-communication-policy เมื่อ 2 มีนาคม 2561
B V Krishnamurthy https://hbr.org/2008/05/indias-mobile-revolution เข้าถึงข้อมูลเมื่อ 2 มีนาคม 2561
https://techcrunch.com/2017/02/19/how-mobile-technology-is-transforming-lives-in-rural-india/
Arvind Gupta and Philip Auerswald https://hbr.org/2017/11/how-india-is-moving-toward-a-digital-first-economy
Rahul Munot http://lastlocal.in/2017/01/12/india-2017-the-digital-revolution/
http://www.streetdirectory.com/travel_guide/132290/phones/mobile_revolution_in_india.html
https://blogs.economictimes.indiatimes.com/et-commentary/51120/
https://timesofindia.indiatimes.com/india/National-communication-and-information-policy-on-anvil/articleshow/55917899.cms 26/4/2561
http://socialsciences.in/article/media-policy-and-governance 26/4/2561
https://thewire.in/media/smriti-irani-reveals-modi-government-plan-to-monitor-regulate-online-news 26/4/2561
Economic Policy of Liberalization in India: 7 Elements http://www.yourarticlelibrary.com/india-2/liberalization/economic-policy-of-liberalization-in-india-7-elements/69403 27/4/61
MEDIA POLICY AND GOVERNANCE http://socialsciences.in/article/media-policy-and-governance 27/4/61
Melissa Jun Rowley https://newsroom.cisco.com/feature-content?type=webcontent&articleId=1742038 30/4/61
Melissa Jun Rowley https://techcrunch.com/2017/02/19/how-mobile-technology-is-transforming-lives-in-rural-india/ 30/4/61
Ramandeep Kaur https://www.mapsofindia.com/my-india/education/india-needs-education-especially-rural-education 3/5/61
Anupama Raman http://www.forbesindia.com/blog/business-strategy/mobile-learning-smart-education-system-for-india/ 3/5/61
SASHWATI BANERJEE https://www.dailyo.in/politics/digital-india-narendra-modi-education-technology-students-teachers-schools/story/1/4829.html 10/5/61
Alisha Sachdev https://thediplomat.com/2018/04/how-fake-news-spreads-in-india/ 10/5/61
Pradeep Ramanayake https://www.wsws.org/en/articles/2018/03/08/cens-m08.html 10/5/61



กำลังโหลดความคิดเห็น