เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (21 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม นายวัฒนา เมืองสุข นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายนพดล ปัทมะ นายชัยเกษม นิติสิริ นายภูมิธรรม เวชยชัย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ และ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง 8 แกนนำพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา จากกรณีจัดแถลงข่าว วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล และคสช. ในหัวข้อ " 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาลและคสช.นำไปสู่ความมืดมนและอันตราย" เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มมวลชนกว่า 30 คน เดินทางมาให้กำลังใจ
พ.ต.ท.พิทักษ์ วาฤทธิ์ รอง ผกก.ฝอ.บก.ป. กล่าวว่า การสอบปากคำผู้ต้องหา จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ตามจำนวนข้อกล่าวหาที่ต่างกัน โดยกลุ่มที่ 1 มี นายวัฒนา นายจาตุรนต์ นายชูศักดิ์ ฐานความผิด “ร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป โดยไม่รับอนุญาตจากหัวหน้าคสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย”และความผิด ป.อาญา มาตรา 116
กลุ่มที่ 2 นายนพดล นายชัยเกษม นายภูมิธรรม พล.ต.ท.วิโรจน์ และ นายกิตติรัตน์ ในฐานะความผิดร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป โดยไม่รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย”
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มแอดมินเพจ ในฐานะความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 14 รวมทั้งสิ้น 4 ข้อหา
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาร่วมทำการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ด้วยตนเอง โดยข้อหาจะแตกต่างกันไป โดย 3 คน ที่เป็นผู้นั่งแถลง ก็จะต้องทำการแจ้งข้อหา ความผิด ป.อาญา มาตรา 116 เพิ่มเติม ส่วนที่เหลือ จะโดนในข้อหาร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ ที่มีจำนวน 5 คนขึ้นไป โดยไม่รับอนุญาตจากหัวหน้าคสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
หลังการสอบปากคำ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ทั้ง 8 คนให้การปฏิเสธ และจะขอทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร มายื่นเพิ่มเติมในภายหลัง ซึ่งตามกรอบระยะเวลาสามารถมายื่นได้ก่อนครบกำหนดผัดฟ้องต่อศาลแขวงไม่เกิน 4 ผัด โดยในวันนี้ หลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จได้อนุญาตให้แกนนำทั้ง 8 คน เดินทางกลับได้ โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์และไม่มีเงื่อนไขการปล่อยตัว เนื่องจากเดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวภายหลังได้รับการปล่อยตัวว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกต หลังจากได้ดูเอกสารการแจ้งข้อหาแล้ว พบว่า ขั้นตอนทุกอย่างที่เกิดขึ้น มีความรวบรัด พนักงานสอบสวนรับแจ้งความ และไม่หาหลักฐานเพิ่มเติม แต่กลับตั้งข้อหาร้ายแรงเกินจริง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เป็นธรรมกับพวกตน มีการเลือกปฏิบัติ เพราะข้อความและเนื้อหา ที่มีการแถลงข่าว ไม่สามารถจัดว่า เป็นชุมนุมทางการเมือง หรือมั่วสุม และไม่เป็นการแถลงเพื่อยุยงประชาชนให้กระด้างกระเดื่อง แต่อย่างใด
"สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ควรตั้งข้อหาใดๆได้เลย สิ่งเหล่านี้พวกผมเอง ได้พูดต่อหน้าพล.ต.อ.ศรีวราห์ว่า ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ควรให้เกิดสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะ ตำรวจที่เป็นต้นทางการสอบสวน ต้นทางกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และหวังว่าการกระทำแบบนี้ จะไม่เกิดกับประชาชนทั่วไป ส่วนจะมีการจะฟ้องกลับบุคคลใดหรือไม่ คงเป็นขั้นตอนต่อไป " นายจาตุรนต์ กล่าว
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า ข้อกล่าวหาทั้ง 4 ข้อที่แจ้งเอาผิด สะท้อนให้เห็นว่า มีการใช่กฎหมายอย่างไม่ยุติธรรม และไม่เสมอภาค ส่วนข้อกล่าวหาที่แจ้งจับ จะโยงไปถึงการยุบพรรค หรือไม่นั้น ตนได้นั่งดูทุกเรื่องที่แถลง ยังไม่เห็นมีข้อไหน ที่เข้าข่ายความผิด จนนำไปสู่การยุบพรรค เพราะการสะท้อนการทำงานของรัฐบาลในรอบ 4 ปี ไม่ใช่เรื่องที่จะไปล้มล้าง สร้างปัญหาให้กับประเทศ จนถึงขั้นจะแจ้งความให้ยุบพรรคเพื่อไทยได้ และไม่คิดว่า รัฐบาลจะกล้าทำในสิ่งนี้
พ.ต.ท.พิทักษ์ วาฤทธิ์ รอง ผกก.ฝอ.บก.ป. กล่าวว่า การสอบปากคำผู้ต้องหา จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ตามจำนวนข้อกล่าวหาที่ต่างกัน โดยกลุ่มที่ 1 มี นายวัฒนา นายจาตุรนต์ นายชูศักดิ์ ฐานความผิด “ร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป โดยไม่รับอนุญาตจากหัวหน้าคสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย”และความผิด ป.อาญา มาตรา 116
กลุ่มที่ 2 นายนพดล นายชัยเกษม นายภูมิธรรม พล.ต.ท.วิโรจน์ และ นายกิตติรัตน์ ในฐานะความผิดร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป โดยไม่รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย”
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มแอดมินเพจ ในฐานะความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 14 รวมทั้งสิ้น 4 ข้อหา
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาร่วมทำการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ด้วยตนเอง โดยข้อหาจะแตกต่างกันไป โดย 3 คน ที่เป็นผู้นั่งแถลง ก็จะต้องทำการแจ้งข้อหา ความผิด ป.อาญา มาตรา 116 เพิ่มเติม ส่วนที่เหลือ จะโดนในข้อหาร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ ที่มีจำนวน 5 คนขึ้นไป โดยไม่รับอนุญาตจากหัวหน้าคสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
หลังการสอบปากคำ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ทั้ง 8 คนให้การปฏิเสธ และจะขอทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร มายื่นเพิ่มเติมในภายหลัง ซึ่งตามกรอบระยะเวลาสามารถมายื่นได้ก่อนครบกำหนดผัดฟ้องต่อศาลแขวงไม่เกิน 4 ผัด โดยในวันนี้ หลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จได้อนุญาตให้แกนนำทั้ง 8 คน เดินทางกลับได้ โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์และไม่มีเงื่อนไขการปล่อยตัว เนื่องจากเดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวภายหลังได้รับการปล่อยตัวว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกต หลังจากได้ดูเอกสารการแจ้งข้อหาแล้ว พบว่า ขั้นตอนทุกอย่างที่เกิดขึ้น มีความรวบรัด พนักงานสอบสวนรับแจ้งความ และไม่หาหลักฐานเพิ่มเติม แต่กลับตั้งข้อหาร้ายแรงเกินจริง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เป็นธรรมกับพวกตน มีการเลือกปฏิบัติ เพราะข้อความและเนื้อหา ที่มีการแถลงข่าว ไม่สามารถจัดว่า เป็นชุมนุมทางการเมือง หรือมั่วสุม และไม่เป็นการแถลงเพื่อยุยงประชาชนให้กระด้างกระเดื่อง แต่อย่างใด
"สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ควรตั้งข้อหาใดๆได้เลย สิ่งเหล่านี้พวกผมเอง ได้พูดต่อหน้าพล.ต.อ.ศรีวราห์ว่า ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ควรให้เกิดสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะ ตำรวจที่เป็นต้นทางการสอบสวน ต้นทางกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และหวังว่าการกระทำแบบนี้ จะไม่เกิดกับประชาชนทั่วไป ส่วนจะมีการจะฟ้องกลับบุคคลใดหรือไม่ คงเป็นขั้นตอนต่อไป " นายจาตุรนต์ กล่าว
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า ข้อกล่าวหาทั้ง 4 ข้อที่แจ้งเอาผิด สะท้อนให้เห็นว่า มีการใช่กฎหมายอย่างไม่ยุติธรรม และไม่เสมอภาค ส่วนข้อกล่าวหาที่แจ้งจับ จะโยงไปถึงการยุบพรรค หรือไม่นั้น ตนได้นั่งดูทุกเรื่องที่แถลง ยังไม่เห็นมีข้อไหน ที่เข้าข่ายความผิด จนนำไปสู่การยุบพรรค เพราะการสะท้อนการทำงานของรัฐบาลในรอบ 4 ปี ไม่ใช่เรื่องที่จะไปล้มล้าง สร้างปัญหาให้กับประเทศ จนถึงขั้นจะแจ้งความให้ยุบพรรคเพื่อไทยได้ และไม่คิดว่า รัฐบาลจะกล้าทำในสิ่งนี้