xs
xsm
sm
md
lg

ยกย่องและปกป้องคนเลว : ทำลายคนดี

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

“ข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง” (นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ” นี่คือพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ได้สอนให้ชาวพุทธ พึงกระทำต่อคนเลวและคนดี

คำว่า คนดี ในทางพุทธศาสนาหมายถึงคนที่คิดดี พูดดี และทำดี ไม่แสดงพฤติกรรมใดๆ ทั้งทางกาย และทางวาจา ซึ่งจะก่อให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อนแก่ตนเองหรือผู้อื่น หรือทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น

ในทางกลับกัน คนชั่วหรือคนเลวหมายถึงคนที่คิดชั่ว พูดชั่ว และทำชั่ว อันเป็นเหตุให้ตนเองหรือผู้อื่น หรือทั้งตนเองและผู้อื่นมีความทุกข์ มีความเดือดร้อน

โดยนัยแห่งคำนิยามข้างต้น คนจะดีหรือเลวมิได้ขึ้นอยู่กับเพศภาวะ และสถานะทางสังคมใดๆ แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำทั้งทางกาย และวาจา หรือที่เรียกว่า กายกรรม และวจีกรรม

ดังนั้น พระเลวกับคฤหัสถ์เลว อันเนื่องมาจากการกระทำของตนเอง จึงมีสถานะแห่งความเป็นคนเลวเท่ากัน จะนำเอาเพศภาวะนักบวชมาเป็นข้อยกเว้นจากการกระทำผิดแล้วไม่ต้องรับผิดไม่ได้ ทั้งในทางกฎหมายและศีลธรรม ซึ่งมีโทษทางกรรมเช่น ฆ่าสัตว์ และลักทรัพย์ เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนในฐานะเป็นชาวพุทธ จึงประหลาดใจเมื่อได้อ่านข่าวเกี่ยวกับชาวพุทธกลุ่มหนึ่งได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องพระ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตเงินช่วยเหลือการศึกษาของวัด โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันพระพุทธศาสนา และที่ทำให้ประหลาดใจก็ด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้

1. ไม่ว่าจะเป็นคฤหัสถ์หรือพระ เมื่อตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ก็จะถูกเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการทำคดีเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา และทำการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ตามกระบวนการยุติธรรมโดยเสมอภาคกัน โดยไม่มีข้อยกเว้น

2. เงินช่วยเหลือการศึกษา ซึ่งวัดที่มีสำนักเรียนขอจากรัฐโดยผ่านทางสำนักพุทธศาสนา เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ทางสำนักพุทธจะส่งมอบให้วัดเท่าจำนวนที่ได้รับอนุมัติ และเงินจำนวนนี้จะเป็นของสงฆ์ และมีไวยาวัจกรเป็นผู้ดูแลตามพระวินัย ดังนั้น เจ้าอาวาสหรือผู้ที่เจ้าอาวาสมอบหมายไม่สามารถโอนให้ใครได้ ถ้าไม่ขออนุมัติจากสงฆ์ก่อน

อีกประการหนึ่ง ในแง่ของกฎหมายงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ เพื่อวัตถุประสงค์ใด จะต้องใช้เพื่อวัตถุประสงค์นั้น จะใช้ผิดประเภทไม่ได้ เว้นไว้แต่มีการขอเปลี่ยนแปลงงบจากสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่เจ้าอาวาสหรือผู้ที่เจ้าอาวาสมอบหมาย ยินยอมโอนเงินที่วัดได้รับอนุมัติมา ส่วนหนึ่งให้แก่เจ้าหน้าที่ของสำนักพุทธหรือใครคนใดคนหนึ่ง จึงเท่ากับกระทำผิดพระวินัยและกฎหมายเข้าข่ายทุจริตร่วมกันโกงเงินวัด

3. การปกป้องพระพุทธศาสนา ก็คือการเคารพพระธรรมวินัย แต่การที่คนกลุ่มนี้ออกมาปกป้องผู้ที่เข้าข่ายกระทำผิดพระวินัย จึงเท่ากับไม่ปกป้องพระพุทธศาสนาให้หลุดพ้นจากคนทำลายศาสนาด้วยการล่วงละเมิดพระวินัย

จากเหตุปัจจัย 3 ประการดังกล่าวข้างต้น พอจะอนุมานได้ว่า การออกมาของคนกลุ่มนี้ มิได้เป็นผู้ปกป้องศาสนา แต่ปกป้องปัจเจกบุคคลซึ่งตนเองเคารพนับถือเป็นการส่วนบุคคลเสียมากกว่า

ด้วยเหตุนี้ ทาง ผอ.สำนักพุทธ และรัฐบาลจึงมีความชอบธรรมที่จะไม่ฟังเสียงคัดค้าน และเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป ด้วยเจตนาและศรัทธาอันแน่วแน่ เพื่อจะขจัดสิ่งแปลกปลอมในพุทธศาสนาออกไป เฉกเช่นที่พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ และพระเจ้าอโศกมหาราช ได้กระทำมาแล้วเมื่อ พ.ศ. 234 โดยการทำสังคายนาครั้งที่ 3 และผลจากการกระทำในครั้งนั้น มีส่วนช่วยให้พระพุทธศาสนาอยู่รอดมาได้ถึงวันนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น