ผู้จัดการรายวัน 360 - "ศิริ" รับหารือมหาดไทยหาแนวทางบริหารจัดการโรงไฟฟ้าขยะ ยันไม่เพิ่มปริมาณรับซื้อ ยืนราคารับซื้อที่ 5.78 บาท/หน่วย ส่วน Fit จะทบทวนหรือไม่ต้องรอโครงการระยะแรก แต่สูงกว่า 2.44 บาทต่อหน่วยแน่นอน เผยยื่น PQ ชิง “เอราวัณ-บงกช” คึก 5 รายพร้อมชิงเอราวัณ 4 รายชิงบงกช ลุ้นวันนี้ผู้ค้ารายใหญ่จ่อขึ้นนำมัน 50 สต./ลิตร พร้อมเตรียมหามาตรการแก้แอลพีจีขาขึ้น
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ยกเลิกประกาศ ราคาแนะนำราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ที่เคยกำหนดเพดานถังครัวเรือน 15 กิโลกรัม (กก.)ไม่เกิน 353 บาทต่อถังแล้ว ภายหลังราคาแอลพีจีขายปลีกภายในประเทศได้มีการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามทิศทางตลาดโลก โดยภายใน 2 สัปดาห์จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบซึ่งยังไม่สามารถระบุชัดได้ว่าจะมีการอุดหนุนราคาแอลพีจีหรือไม่
สำหรับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับขึ้นนั้นในส่วนของการลดผลกระทบนั้นภายในปลายเดือนมิ.ย.เตรียมที่จะออกน้ำมันไบโอดีเซล (บี 20 ) ซึ่งมีราคาถูกกว่าบี 7 ที่จำหน่ายอยู่ 3 บาทต่อลิตรเพื่อให้บริการกับจุดจอดหรือ Fleed รถบรรทุกโดยไม่ได้จำหน่ายในปั๊มทั่วไปเพราะรถยนต์ทั่วไปไม่สามารถใช้ได้จึงวอนขอให้รถบรรทุกได้เตรียมความพร้อมในการใช้บริการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 พ.ค. ) มีแนวโน้มผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่จะมีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด 50 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นอี 85 เพิ่มขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร ในส่วนของแอลพีจีครัวเรือนได้ปรับขึ้นไปแล้วมีผลวันที่ 16 พ.ค.โดยแอลพีจีครัวเรือน ปตท.ปรับขึ้น 0.5714 บาท/กก. (รวม VAT) และราคาหน้าปั๊มปรับขึ้น 0.31 บาท/ลิตร ส่งผลราคาแอลพีจีขนาดถังละ15 กก.ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 372 บาทนับเป็นการขยับขึ้นต่อเนื่องตามทิศทางราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และเป็นราคาที่สูงกว่าที่เพดานควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 353 บาทต่อถัง 15 กก.
นายศิริ ยังกล่าวถึงการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะว่า ยอมรับได้มีการหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเมื่อเร็วๆ นี้เพื่อพิจารณาแนวทางความร่วมมือในการบริหารปริมาณขยะโดยยืนยันว่าไม่ได้หารือถึงแนวทางที่จะขยายกรอบการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะที่กำหนดไว้ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า(PDP2015) เมื่อสิ้นสุดปี'79 ที่ 500 เมกะวัตต์โดยขณะนี้ยังยืนยันที่จะคงจำนวนการรับซื้อไว้เช่นเดิม ส่วนราคารับซื้อนั้นยังคงไว้ที่ 5.78 บาทต่อหน่วยสำหรับการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนรูปแบบ Feed in Tariff (FiT) ซึ่งเป็นโครงการระยะแรก (Quick Win Projects)แต่จากนั้นจะมีการทบทวนหรือไม่อย่างไรก็คงจะต้องรอดูระยะแรกเป็นสำคัญ แต่ราคา FiT นั้นจะไม่ลดไปถึงระดับ 2.44 บาทต่อหน่วยเหมือนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอื่นๆ เพราะเป้าหมายของการส่งเสริมคือบริหารจัดการขยะ
สำหรับกรณีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้เปิดให้มีการยื่นหลักฐานแสดงคุณสมบัติเบื้องต้น (PQ) ในการเข้าประมูลแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณ-บงกชที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 65-66 ในรูปแบบระบบแบ่งปันผลผลิต(PSC) ว่า กรมเชื้อเพลิงได้เปิดให้ยื่นระหว่าง 15-16 พ.ค. พบว่ามีผู้ยื่น PQ ในแหล่งเอราวัณ(แปลงG1/61)จำนวน 5 บริษัท แหล่งบงกช(แปลงG2/61) จำนวน 4 บริษัท โดยกรมเชื้อเพลิงฯจะใช้เวลาประมาณ 10 วันในการพิจารณาและจะประกาศผลผู้ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นในวันที่ 28 พ.ค.นี้ทางเว็บไซต์กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
โดยแหล่งเอราวัณ 5 บริษัท ได้แก่ 1.บ.เชฟรอน ไทยแลนด์ โฮลดิ้ง 2.บ.MP G2(ไทยแลนด์)หรือมูบาดาลาปิโตรเลียม 3.บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(ปตท.สผ.) 4.โททาล อีแอนด์พี ไทยแลนด์ 5. OMV Aktiengesellshaft จากออสเตรีย
ส่วนแหล่งบงกช มี 4 ราย ได้แก่ 1.บ.เชฟรอน ไทยแลนด์ โฮลดิ้ง 2.บมจ.ปตท.สผ. 3. MP L21 หรือมูบาดาลาปิโตรเลียม (ไทยแลนด์) 4. OMV Aktiengesellschaft