ผู้จัดการรายวัน 360 - เฟซบุ๊ก เผยมีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ไทยอยู่บนระบบเกิน 2.5 ล้านราย ตัวเลขนี้คิดเป็นสัดส่วนเกิน 80% เมื่อเทียบกับการศึกษาของสสว.ที่พบว่า SME ไทยปี 2017 มีจำนวนรวม 3 ล้านราย เบื้องต้นเฟซบุ๊กไม่เปิดเผยเม็ดเงินการลงทุนที่เตรียมไว้ให้ตลาดไทย แต่ระบุถึง 3 พันธกิจที่จะเน้นส่วนอื่นนอกเหนือจาก SME รวมถึงการขยายสำนักงานแห่งใหม่ที่ตอกย้ำว่าเฟซบุ๊กลงทุนเพิ่มขึ้นในปีนี้
จอห์น แวกเนอร์ กรรมการผู้จัดการ เฟซบุ๊ก ประเทศไทย เปิดเผยถึง แผนการดำเนินงานในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ว่า เฟซบุ๊กจะเน้นสนับสนุน 3 ด้าน คือด้าน SME ด้านองค์กรขนาดใหญ่ และด้านสังคมดิจิทัล แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขการลงทุนในตลาดไทยช่วงปีนี้
“3 ด้านนี้เกิดขึ้นบน 2 พันธกิจหลัก คือ 1 เฟซบุ๊กจะเป็นแสงส่องนำทางให้ไทยเข้าสู่สังคมดิจิทัล 2 คือเฟซบุ๊กพร้อมช่วยเหลือธุรกิจและทุกคนในประเทศให้ธุรกิจสำเร็จตามที่ตั้งใจ”
แกนหนุน SME ของเฟซบุ๊กไทยนั้นเกิดขึ้นเพราะพลังของ Social Commerce ในเมืองไทย เฟซบุ๊กระบุว่า 98% ของธุรกิจไทยวันนี้เป็นธุรกิจ SME และ 51% ของอีคอมเมิร์ซไทย เกิดขึ้นผ่านช่องทางโซเชียล ขณะเดียวกัน ไทยก็เป็น 1 ใน 5 ประเทศที่ผู้คนส่งข้อความถึง SME บนเฟซบุ๊กมากที่สุดปี 2017 และเป็นประเทศอันดับ 1 ของเอเชียแปซิฟิก
ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เคยระบุว่าจำนวนธุรกิจ SME ไทยเพิ่มขึ้นเป็น 3,004,679 ราย (ณ วันที่ 11 ก.ค. 2017) จากปีก่อนที่มี 2,765,966 ราย สัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 238,713 ราย คำนวณว่าเพิ่มขึ้น 8.63%
โดยเฟซบุ๊กจะส่งเสริม SME แบ่งได้เป็น 3 แนวทาง คือการเตรียมคุณสมบัติบนเฟซบุ๊กให้รองรับการพฤติกรรมการชอปของคนไทยมากขึ้น รวมถึงการจ่ายเงินที่จะทำได้เร็วขึ้น และการทำให้คนได้ค้นพบสินค้าง่ายขึ้น ผลจากการรุกแนวทางนี้คือระบบ Marketplace ที่เปิดทดสอบในประเทศไทยเป็นประเทศแรก ขณะที่แนวทางที่ 2 คือการให้ความรู้ให้ธุรกิจใช้เฟซบุ๊กต่อยอดได้มากที่สุด และแนวทางที่ 3 คือการแก้ปัญหาที่ธุรกิจอาจพบเจอเมื่อใช้งาน
ผู้บริหารเฟซบุ๊ก ระบุว่า ไม่สามารถให้ความเห็นกรณีการเก็บภาษีจากการขายสินค้าบนเฟซบุ๊ก แต่ยืนยันว่าบริษัทพร้อมดำเนินการตามกฎหมายของทุกประเทศ สำหรับประเด็นการถูกล่อลวงซื้อขายสินค้าบนเฟซบุ๊ก ผู้บริหารระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงระบบ เพื่อให้สามารถปราบปรามและต่อต้านการขายสินค้าปลอมที่ไม่มีคุณภาพบนเฟซบุ๊ก
*** หนุนแกนอื่นนอกจาก SME
นอกจาก SME แกนที่ 2 ที่เฟซบุ๊กไทยจะให้ความสำคัญคือการหนุนธุรกิจขนาดใหญ่ของไทย ที่ยังบางส่วนไม่พร้อมปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล ทำให้เกิดช่องว่างในตลาดดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน ซึ่งคาดว่าช่องว่างนี้จะนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในประเทศไทย หรือประมาณ 3.2 แสนล้านบาท (ตามการประเมินจากบริษัทที่ปรึกษา BCG)
แผนดำเนินงานอีกส่วนของเฟซบุ๊กไทย คือการสนับสนุนสังคมดิจิทัลในประเทศ สถิติล่าสุดคือวันนี้คนไทยสร้างกลุ่มบนเฟซบุ๊กมากกว่า 1 ล้านกลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มเพื่อการกุศลหลายด้าน จุดนี้ เฟซบุ๊กระบุว่าจะลงทุนเพื่อช่วยสังคม ทั้งการจัดอีเวนท์งานประกวด และอีกหลายแคมเปญ
การประกาศแผนดำเนินงานของเฟซบุ๊กประเทศไทยนี้เกิดขึ้นในงานเปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่เฟซบุ๊กที่ย่านราชประสงค์ สำนักงานแห่งนี้ถูกย้ายมาจากแห่งแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2015 การขยายสำนักงานที่ใหญ่กว่า สวยกว่า สะท้อนว่าเฟซบุ๊กกำลังเพิ่มการลงทุนในประเทศไทยเพื่อรองรับการขยายตัว
จอห์น แวกเนอร์ กรรมการผู้จัดการ เฟซบุ๊ก ประเทศไทย เปิดเผยถึง แผนการดำเนินงานในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ว่า เฟซบุ๊กจะเน้นสนับสนุน 3 ด้าน คือด้าน SME ด้านองค์กรขนาดใหญ่ และด้านสังคมดิจิทัล แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขการลงทุนในตลาดไทยช่วงปีนี้
“3 ด้านนี้เกิดขึ้นบน 2 พันธกิจหลัก คือ 1 เฟซบุ๊กจะเป็นแสงส่องนำทางให้ไทยเข้าสู่สังคมดิจิทัล 2 คือเฟซบุ๊กพร้อมช่วยเหลือธุรกิจและทุกคนในประเทศให้ธุรกิจสำเร็จตามที่ตั้งใจ”
แกนหนุน SME ของเฟซบุ๊กไทยนั้นเกิดขึ้นเพราะพลังของ Social Commerce ในเมืองไทย เฟซบุ๊กระบุว่า 98% ของธุรกิจไทยวันนี้เป็นธุรกิจ SME และ 51% ของอีคอมเมิร์ซไทย เกิดขึ้นผ่านช่องทางโซเชียล ขณะเดียวกัน ไทยก็เป็น 1 ใน 5 ประเทศที่ผู้คนส่งข้อความถึง SME บนเฟซบุ๊กมากที่สุดปี 2017 และเป็นประเทศอันดับ 1 ของเอเชียแปซิฟิก
ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เคยระบุว่าจำนวนธุรกิจ SME ไทยเพิ่มขึ้นเป็น 3,004,679 ราย (ณ วันที่ 11 ก.ค. 2017) จากปีก่อนที่มี 2,765,966 ราย สัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 238,713 ราย คำนวณว่าเพิ่มขึ้น 8.63%
โดยเฟซบุ๊กจะส่งเสริม SME แบ่งได้เป็น 3 แนวทาง คือการเตรียมคุณสมบัติบนเฟซบุ๊กให้รองรับการพฤติกรรมการชอปของคนไทยมากขึ้น รวมถึงการจ่ายเงินที่จะทำได้เร็วขึ้น และการทำให้คนได้ค้นพบสินค้าง่ายขึ้น ผลจากการรุกแนวทางนี้คือระบบ Marketplace ที่เปิดทดสอบในประเทศไทยเป็นประเทศแรก ขณะที่แนวทางที่ 2 คือการให้ความรู้ให้ธุรกิจใช้เฟซบุ๊กต่อยอดได้มากที่สุด และแนวทางที่ 3 คือการแก้ปัญหาที่ธุรกิจอาจพบเจอเมื่อใช้งาน
ผู้บริหารเฟซบุ๊ก ระบุว่า ไม่สามารถให้ความเห็นกรณีการเก็บภาษีจากการขายสินค้าบนเฟซบุ๊ก แต่ยืนยันว่าบริษัทพร้อมดำเนินการตามกฎหมายของทุกประเทศ สำหรับประเด็นการถูกล่อลวงซื้อขายสินค้าบนเฟซบุ๊ก ผู้บริหารระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงระบบ เพื่อให้สามารถปราบปรามและต่อต้านการขายสินค้าปลอมที่ไม่มีคุณภาพบนเฟซบุ๊ก
*** หนุนแกนอื่นนอกจาก SME
นอกจาก SME แกนที่ 2 ที่เฟซบุ๊กไทยจะให้ความสำคัญคือการหนุนธุรกิจขนาดใหญ่ของไทย ที่ยังบางส่วนไม่พร้อมปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล ทำให้เกิดช่องว่างในตลาดดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน ซึ่งคาดว่าช่องว่างนี้จะนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในประเทศไทย หรือประมาณ 3.2 แสนล้านบาท (ตามการประเมินจากบริษัทที่ปรึกษา BCG)
แผนดำเนินงานอีกส่วนของเฟซบุ๊กไทย คือการสนับสนุนสังคมดิจิทัลในประเทศ สถิติล่าสุดคือวันนี้คนไทยสร้างกลุ่มบนเฟซบุ๊กมากกว่า 1 ล้านกลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มเพื่อการกุศลหลายด้าน จุดนี้ เฟซบุ๊กระบุว่าจะลงทุนเพื่อช่วยสังคม ทั้งการจัดอีเวนท์งานประกวด และอีกหลายแคมเปญ
การประกาศแผนดำเนินงานของเฟซบุ๊กประเทศไทยนี้เกิดขึ้นในงานเปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่เฟซบุ๊กที่ย่านราชประสงค์ สำนักงานแห่งนี้ถูกย้ายมาจากแห่งแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2015 การขยายสำนักงานที่ใหญ่กว่า สวยกว่า สะท้อนว่าเฟซบุ๊กกำลังเพิ่มการลงทุนในประเทศไทยเพื่อรองรับการขยายตัว