อยากเป็นนักการเมือง แต่กลัวถูกมองว่าไปเร่หาเสียงโดยใช้งบหลวง เวลาราชการ จึงต้องมีฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ทำหน้าที่ปฏิเสธข้อสงสัย ข้อกล่าวหา และทำชี้แจงข้อเท็จจริงให้ชาวบ้านได้รู้ ดูแล้วจะเป็น “ข่าวปลอม” หรือ “โฆษณาชวนเชื่อ” ก็ได้
ประเด็นก็คือ คนชี้แจงมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ และคนชี้แจงเชื่อมั่นในคำพูดที่ตัวเองถูกสั่งให้ชี้แจงหรือไม่ ดังนั้นโฆษก หรือฆ้องปากแตก ต้องทำหน้าที่บอกกล่าวให้ชาวบ้านได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งก็มีทั้งจริง จริงครึ่งเดียว หรือข่าวแหกตาชาวบ้าน
ในยุคนี้การชี้แจง ป่าวร้องข่าว ผ่านสื่อทีวี หรือสื่ออื่นๆ ที่กระทำโดยหน่วยงานของรัฐนอกจากเชย ไม่ทันกินแล้ว ยังไม่เข้าถึงชาวบ้านซึ่งสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย แพร่กระจายเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ไม่มีทางระงับได้ จริงหรือไม่จริง ชาวบ้านได้รู้กันทั่ว
ทุกวันนี้คุณท่านผู้นำคงรู้สึกหนักอกไม่น้อย เกี่ยวกับข้อครหาว่าถือโอกาสหาเสียงโดยใช้งบประมาณของรัฐ เงินภาษีชาวบ้าน และส่วนหนึ่งอาจเป็นเงินกู้ ผ่านโครงการต่างๆ เรียกสวยหรูว่าโครงการประชารัฐ เข้าถึงชุมชนในจังหวัดฐานเสียงใหญ่
ส่วนใหญ่การใช้งบผ่าน ครม.สัญจรไปลงพื้นที่ พบปะชาวบ้านออดอ้อนตีกินขอคะแนนพอเป็นพิธี แต่ภารกิจหลักคือไปพบนักการเมืองระดับเจ้าพ่อ ขาใหญ่ ในจังหวัด ปิดห้องคุยกันก็มี ประกาศด้วยว่าจะเอางบมาให้เท่าไหร่เป็นการตกเขียวชัดๆ
นักการเมืองเรียงหินบ้านซื้อทรายแพงถึงกับประกาศว่า ถ้ามาจังหวัดของตัวเอง มีงบมาน้อยกว่า 5 พันล้าน ถือว่าขาดทุน คุณท่านจึงต้องจัดหนักประเคนงบให้ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท ไม่ใช่เงินของตัวเอง แต่ได้ตีกินคะแนน ได้ใจขาใหญ่ด้วย
ภูมิใจมากว่าสามารถดึงดูดนักการเมือง นักซื้อเสียง มาเป็นกองหนุนการเมืองได้ หลังจากกองหนุนเดิมกลายเป็นกองหนี บรรดากัลยาณมิตรไม่เหลือ โดนแปลงสภาพเป็นฝ่ายตรงข้ามไปหมดแล้ว เพราะถูกทอดทิ้ง ผู้นำมุ่งเอาใจนักธุรกิจ เจ้าสัว
แถมยังประกาศด้วยความภาคภูมิใจว่ามีความสุขทุกครั้งเมื่ออยู่ในกลุ่มคนรวย ดังนั้นพวกยากไร้ตากหน้าเข้าไปหา ขอความช่วยเหลือ ไม่ได้รับความสนใจ ถูกผลักไสไล่ส่งไปหาหน่วยงานรับเรื่องร้องทุกข์ ก่อนที่เรื่องจะถูกกลบ ไม่ได้รับการแก้ไข
การหาเสียงจึงเป็นภารกิจสำคัญเพื่อความอยากอยู่ยาว ภายใต้คำมั่นลมๆ แล้งๆ ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้านี้แล้ว โดยไม่มีคำรับประกันเป็นสาระอะไร แถมมีคำขู่อีกว่าถ้าบ้านเมืองยังวุ่นวาย อาจไม่มีการเลือกตั้งก็ได้นะ
ดังนั้น จึงเดินหน้าหาเสียงตีกินไปก่อน โดยไม่มีคำมั่นหรือวี่แววว่าจะเปิดทางให้พรรคการเมืองได้หาเสียงเมื่อไหร่ ยิ่งมีกลุ่มอยากเลือกตั้งรณรงค์ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ดำเนินคดี ทั้งๆ ที่การเมืองเป็นเรื่องธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย
มันแปลกตรงที่ว่าระบอบประชาธิปไตยบ้านนี้เมืองนี้เหมือนโรคลักปิด ลักเปิด มีก็ได้ หยุดก็ได้ พักก็ได้ สลับกับเผด็จการ ระบบแต่งตั้งก็ได้ มีเหมือนกันอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นระบอบไหน การโกงบ้านกินเมืองเป็นไปอย่างเข้มข้นทุกยุคสมัย
ยิ่งมีผู้นำแอคอาร์ตวางมาดเข้ม ว่าจะปราบการทุจริต คอร์รัปชันละก้อ รับประกันได้เลยว่ามหกรรมโกงกินจะเป็นระบบผ่านโครงการจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ กินคำเดียวก็คุ้มกับการเสี่ยง แต่ไม่มีชาวบ้านเสี่ยงกับอำนาจพิเศษที่ใช้กันทุกวันนี้
เมื่อมีเสียงค่อนแคะ มหกรรมดูด หาเสียง หรือตกปลาในบ่อคนอื่น จึงลดความเข้มข้น ระวังมากขึ้น เพราะไม่ใช่ว่าจะไปดูดที่ไหนก็ได้ มีนักการเมืองเขี้ยวยาวระดับไดโนเสาร์เต่าล้านปีอ่านเกมออกว่าคนอยากอยู่ต่อยาวๆ ไม่มีฐานแข็งแกร่ง
ถ้าไม่มีใครเอาด้วยมากๆ การฝันเฟื่องอยู่ต่อยาวๆ อาจกลายเป็นฝันร้าย!
แต่ก็ยังต้องฝันต่อไป เดินหน้าหาเสียง ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง อ้างว่าไปพบปะประชาชน ใครก็ทำอย่างนั้น ยิ่งไปพื้นที่ใหญ่ คะแนนเยอะ มีเจ้าพ่อ ผู้มีอิทธิพลกุมคะแนนเสียงต้องทุ่มให้หนัก อย่างที่ทำในสุรินทร์ บุรีรัมย์ เป็นมหกรรมตีกินเอิกเกริก
แต่ก็ยังมีเสียงเถียงคอเป็นเอ็น “ไม่ใช่มาหาเสียงนะ มาประชุม ครม.สัญจรพบปะประชาชน” เถียงหน้าซื่อตาใส นึกว่าชาวบ้านมีเขางอกจากหัว ตัวเองก็เป็นนักการเมืองใหม่ ควรรู้ว่านักการเมือง นักซื้อเสียง ไปหาเสียง ก็บอก “ไม่ไปหาเสียง”
ที่ไม่กล้ารับว่าไปหาเสียงเพราะถ้ายอมรับโดยพฤตินัยและคำประกาศ ก็จะถูกพรรคการเมืองรุมประณามว่าเอาเปรียบคนอื่น ทุกวันนี้นอกจากเสียงค่อนแคะว่าเป็นนักตกปลาในบ่อคนอื่นแล้ว ก็ยังไม่ยอมปลดล็อกให้พรรคอื่นทำกิจกรรมหาเสียงได้
มีข้ออ้างตลกปนน่าสมเพชว่า “ยังเป็นห่วงเรื่องปัญหาความมั่นคง” แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นความมั่นคงของใคร ของประเทศ ของรัฐบาล หรือของก๊วนที่กุมอำนาจรัฐตีกินบริหารบ้านเมือง ใช้งบหลวงหาเสียงเพื่อทอดยาวอำนาจ เอาเปรียบคนอื่นอยู่
ตอบไม่ได้หรอกว่ายังมีปัญหาความมั่นคง เพราะจะมีชาวบ้าน นักการเมืองย้อนถามว่า “แล้วอยู่มานาน 4 ปี ทำไมไม่จัดการปัญหาความมั่นคง” มัวทำอะไรอยู่ แม้แต่การปฏิรูปก็เป็นเพียงคำคุยโม้ตีกินแหกตา เป่าหูให้ชาวบ้านหลงคารมซ้ำซาก
ชาวบ้านรอดูว่าทันทีที่ปลดล็อก กลุ่มการเมืองอื่นๆ หาเสียงได้แล้ว คนอยากอยู่ต่อในอำนาจจะทนต่อแรงเสียดทาน คำพูดเสียดสีแสลงแทงใจเรื่องการเสียของ เสียโอกาส ท่าดีทีเหลว หรือไม่ นักการเมืองคงได้จังหวะเช็กบิลย้อนหลังตีไม่เลี้ยง
คนที่เคยแต่ตะคอกใส่หน้าคนอื่น ถึงคราวจะโดนสาวไส้เรื่องความล้มเหลว จะรู้ซึ้งว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นนั้นไม่ถูกโฉลกกับพวกมีความคิดเผด็จการ การถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะคนมีแผลสะสมนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์แน่