ตามที่รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตได้อย่างยั่งยืนและลดปัญหาผลผลิตด้านการเกษตรที่ขาดเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยรัฐมนตรีว่าการฯ นายกฤษฎา บุญราช ได้กำหนดนโยบาย “การตลาดนำการผลิต”
ตามที่รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตได้อย่างยั่งยืนและลดปัญหาผลผลิตด้านการเกษตรที่ขาดเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยรัฐมนตรีว่าการฯ นายกฤษฎา บุญราช ได้กำหนดนโยบาย “การตลาดนำการผลิต” และมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้แทนฯ ทำหน้าที่ในการเร่งรัด ติดตาม ช่วยเหลือ และให้ความแนะนำ สร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและเกษตรกรอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 7-8 พ.ค.61 นายมีศักดิ์ ภักดีคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต 7,8 ได้ลงพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.ยะลา โดยมีเป้าหมายหลักในการติดตามการดำเนินงานด้านการวิเคราะห์แนวโน้มสินค้าด้านการเกษตรรายชนิดที่มีความโดดเด่นและยั่งยืนด้านการตลาด การผลิตและคุณภาพ ด้วยการวิเคราะห์จากฐานข้อมูลจากปริมาณการผลิต ปริมาณการบริโภค ปัจจัยและโอกาสที่ส่งผลต่อสภาวะการตลาดรายสินค้าของเกษตรกรผู้ผลิต ควบคู่กับการวางแผนด้านการตลาด การจับคู่ทางธุรกิจ
นายมีศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ จ.สงขลา พบว่า อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลของคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญและการแก้ปัญหาภาคการเกษตรระดับจังหวัด ทั้งนี้ได้เร่งรัดให้เกิดแผนการผลิตและแผนการตลาดที่ชัดเจนในระดับจังหวัดต่อไป สำหรับ จ.ยะลา เป็นที่น่ายินดีว่าคณะกรรมการดังกล่าวได้ดำเนินการมีความก้าวหน้าไปมาก ในระดับขั้นการลงนามจับคู่ธุรกิจระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตและผู้ค้า โดยผู้ว่าฯยะลาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อน จนได้สินค้าที่สำคัญของจังหวัด คือ ทุเรียนสด และทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็ง ซึ่งประมาณการในปีการผลิต 2561 พื้นที่ จ.ยะลา
ประมาณ 30,788 ตัน มูลค่าประมาณ 1,539 ล้านบาท (ราคาประมาณการเฉลี่ย 50 บาท/กิโลกรัม) การลงนามจับคู่ทางธุรกิจครั้งนี้ถือเป็นการนำร่องตลาดนำการผลิตในพื้นที่ จ.ยะลา
“การวางระบบการผลิตด้านการเกษตรแผนใหม่ในยุคประเทศไทย 4.0 โดยระบบตลาดนำการผลิตและสร้างโอกาสให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตเข้าถึงตลาดช่องทางใหม่ในราคาที่เป็นธรรมถือเป็นการสร้างรากฐานที่สำคัญให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง สามารถวางแผนการผลิต การตลาด และการคาดการณ์รายสินค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคตต่อไป” นายมีศักดิ์ ระบุ.
ตามที่รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตได้อย่างยั่งยืนและลดปัญหาผลผลิตด้านการเกษตรที่ขาดเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยรัฐมนตรีว่าการฯ นายกฤษฎา บุญราช ได้กำหนดนโยบาย “การตลาดนำการผลิต” และมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้แทนฯ ทำหน้าที่ในการเร่งรัด ติดตาม ช่วยเหลือ และให้ความแนะนำ สร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและเกษตรกรอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 7-8 พ.ค.61 นายมีศักดิ์ ภักดีคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต 7,8 ได้ลงพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.ยะลา โดยมีเป้าหมายหลักในการติดตามการดำเนินงานด้านการวิเคราะห์แนวโน้มสินค้าด้านการเกษตรรายชนิดที่มีความโดดเด่นและยั่งยืนด้านการตลาด การผลิตและคุณภาพ ด้วยการวิเคราะห์จากฐานข้อมูลจากปริมาณการผลิต ปริมาณการบริโภค ปัจจัยและโอกาสที่ส่งผลต่อสภาวะการตลาดรายสินค้าของเกษตรกรผู้ผลิต ควบคู่กับการวางแผนด้านการตลาด การจับคู่ทางธุรกิจ
นายมีศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ จ.สงขลา พบว่า อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลของคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญและการแก้ปัญหาภาคการเกษตรระดับจังหวัด ทั้งนี้ได้เร่งรัดให้เกิดแผนการผลิตและแผนการตลาดที่ชัดเจนในระดับจังหวัดต่อไป สำหรับ จ.ยะลา เป็นที่น่ายินดีว่าคณะกรรมการดังกล่าวได้ดำเนินการมีความก้าวหน้าไปมาก ในระดับขั้นการลงนามจับคู่ธุรกิจระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตและผู้ค้า โดยผู้ว่าฯยะลาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อน จนได้สินค้าที่สำคัญของจังหวัด คือ ทุเรียนสด และทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็ง ซึ่งประมาณการในปีการผลิต 2561 พื้นที่ จ.ยะลา
ประมาณ 30,788 ตัน มูลค่าประมาณ 1,539 ล้านบาท (ราคาประมาณการเฉลี่ย 50 บาท/กิโลกรัม) การลงนามจับคู่ทางธุรกิจครั้งนี้ถือเป็นการนำร่องตลาดนำการผลิตในพื้นที่ จ.ยะลา
“การวางระบบการผลิตด้านการเกษตรแผนใหม่ในยุคประเทศไทย 4.0 โดยระบบตลาดนำการผลิตและสร้างโอกาสให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตเข้าถึงตลาดช่องทางใหม่ในราคาที่เป็นธรรมถือเป็นการสร้างรากฐานที่สำคัญให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง สามารถวางแผนการผลิต การตลาด และการคาดการณ์รายสินค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคตต่อไป” นายมีศักดิ์ ระบุ.