คดี “แจ๊ส ปืนจิ๋ว” หรือคดีพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่พกปืนขึ้นเครื่องบินไปญี่ปุ่น ถูกเป่าจนเงียบหายไปแล้ว และคดีพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กู้เงินจำนวน 300 ล้านบาทจากนายกำพล วีระเทพสุภรณ์ เจ้าของอาบ อบ นวด วิคตอเรีย ซีเครทกำลังถูกเป่าตามมาอีกคดี
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ถูกตำรวจญี่ปุ่นจับกุมตัวพร้อมอาวุธปืนจิ๋วที่พกขึ้นเครื่องบินจากประเทศไทย และแม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะยอมปล่อยตัว แต่นายตำรวจใหญ่รายนี้ ต้องถูกสอบสวนดำเนินคดีในประเทศไทย ตามความผิดฐานพกพาอาวุธขึ้นเครื่องบิน
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ในช่วงที่รับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เคยประกาศว่า จะเรียกพล.ต.ท.คำรณมาสอบ ก่อนจะแจ้งข้อหา
แต่กระทั่งพล.ต.ท.อำนวยเกษียณอายุราชการ ปรากฏว่า ไม่มีการแจ้งข้อหาพล.ต.ท.คำรณวิทย์แต่อย่างใด
ส่วนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีการสอบถามหรือสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คำเนินคดีกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์แต่อย่างใด ทั้งที่มีการกระทำความผิด และสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยอย่างรุนแรง
ทุกวันนี้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังลอยนวลจากคดี “แจ๊ส ปืนจิ๋ว” และไม่มีตำรวจคนใดถูกดำเนินคดีในมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เป่าคดี “แจ๊ส ปืนจิ๋ว” เสียด้วย
เช่นเดียวกับคดีเงินกู้ 300 ล้านบาทที่พล.ต.อ.สมยศกู้มาจากนายกำพล ซึ่งกำลังหลบหนีคดีค้ามนุษย์ และอยู่ระหว่างถูกตรวจสอบการนำเงินจากการค้ามนุษย์มาฟอกในตลาดหุ้น
คดีเงินกู้ 300 ล้านบาทของพล.ต.อ.สมยศ ตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ เพราะการที่คนระดับ ผบ.ตร.กู้เงินจากเจ้าของอาบ อบ นวด ซึ่งถูกดำเนินคดีค้ามนุษย์ และถูกแกะรอยเงินที่ได้จากการค้ามนุษย์ที่นำเข้ามาในตลาดหุ้น ไม่ใช่เรื่องปกติ โดยเฉพาะเมื่อพล.ต.อ.สมยศเป็นนักลงทุนขาใหญ่ในตลาดหุ้น และมีธุรกรรมซื้อขายหุ้นกับนายกำพล
แรงกดดันจากกระแสสังคมที่พุ่งจับตาสายสัมพันธ์ระหว่างพล.ต.อ.สมยศกับนายกำพล ทำให้พล.ต.อ.สมยศต้องออกมาเปิดเผยถึงการกู้เงินจากเจ้าของอาบ อบ นวด โดยอ้างว่า รู้จักกันมานานในฐานะคนในวงการพระเครื่อง และเงิน 300 ล้านบาทที่กู้มา ได้ใช้คืนนายกำพลไปแล้ว
พล.ต.อ.สมยศประกาศว่า เงินที่กู้จากนายกำพล ได้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว
แต่การตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของพล.ต.อ.สมยศ ไม่พบว่า มีการแจ้งรายการเงินกู้ 300 ล้านบาทจากนายกำพลกับ ป.ป.ช.แต่อย่างใด
พฤติกรรมที่น่าสงสัยในเงินกู้ 300 ล้านบาท ทำให้พล.ต.อ.สมยศถูกผู้ร้องยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของอดีต ผบ.ตร.รายนี้
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เรียกตัวพล.ต.อ.สมยศไปสอบสวนผลเงินกู้จากนายกำพล เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 แต่ผ่านไป 3 เดือนแล้ว กลับไม่มีคำแถลงใดๆ จากดีเอสไอเกี่ยวกับคดีพล.ต.อ.สมยศ
คดีอดีต ผบ.ตร.กู้เงินเจ้าของอาบ อบ นวด ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ และอยู่ระหว่างการสอบสวนการนำเงินจากธุรกิจสีเทามาฟอกในตลาดหุ้น กำลังจะถูกเป่าให้เงียบหาย เช่นเดียวกับคดีพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ทั้งที่เป็นคดีใหญ่อยู่ในความสนใจของประชาชน
นายตำรวจระดับสูง ซึ่งมีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำความผิดร้ายแรง กำลังถูกปล่อยให้ลอยนวลโดยหน่วยงาน
กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่เคยแถลงให้ประชาชนรับรู้ว่า พล.ต.อ.สมยศมีความเกี่ยวพันอย่างไรกับเจ้าของอาบ อบ นวดที่ถูกดำเนินคดีข้อหาค้ามนุษย์ และอยู่ระหว่างตามแกะรอยการนำเงินจากการค้ามนุษย์มาฟอกในตลาดหุ้น รวมทั้งความพัวพันกับแก๊งปั่นหุ้นรายใหญ่
เพราะนายกำพลมีธุรกรรมที่เกี่ยวพันกับแก๊งปั่นหุ้นรายใหญ่ และยังมีธุรกรรมซื้อขายหุ้นกับพล.ต.อ.สมยศด้วย
เงิน 300 ล้านบาทที่พล.ต.อ.สมยศกู้จากนายกำพล ยังเป็นผลอยู่ว่า ถูกนำไปที่ไหน ถูกใช้ทำธุรกรรมในตลาดหุ้นรูปแบบใด ถูกนำไปทำธุรกรรมที่เข้าข่ายความผิดหรือไม่
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ที่ทำท่าฮึดฮัดกับคดีค้ามนุษย์ของกลุ่มนายกำพล แต่กลับไม่มีการกำชับหรือสั่งการใดๆ กับกรณีที่พล.ต.อ.สมยศเข้าไปเกี่ยวพันกับผู้ต้องหาค้ามนุษย์
การลาออกจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ของพล.ต.อ.สมยศ เพื่อลดกระแสกดดันจากสังคมนั้น ไม่อาจกลบเกลื่อนคดีเงินกู้ 300 ล้านบาทที่อาจเกี่ยวพันกับการฟอกเงินหรือการทำธุรกรรมที่ไม่ถูกต้องในตลาดหุ้นได้
ถ้าไม่ร่วมกันทวงถาม ไม่ร่วมกันติดตาม คดีเงินกู้ระหว่างอดีต ผบ.ตร.กับเจ้าของอาบ อบ นวด ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะถูกเป่าจนเงียบหาย
ดีเอสไอเคยเป่าคดีปั่นหุ้นนับสิบคดี ช่วยให้แก๊งปั่นหุ้นรายใหญ่ลอยนวลมาแล้ว และอาจเตรียมเป่าคดีเงินกู้ 300 ล้านบาทจากเจ้าพ่ออาบ อบ นวด ช่วยให้พล.ต.อ.สมยศลอยนวลอีกคนก็ได้