ชาวบ้านนี้เมืองนี้ ทั้งกลุ่มคนรู้ทัน และชุมชนนักมองโลกสวย ต้องอดเหลือกตาด้วยความตื่นเต้นสุดขีด เมื่อได้ยินนักค้าวาทกรรมประดิดประดอยคำใหม่กระตุ้นอารมณ์สังคมเหยื่อการเมืองน้ำเน่าว่า บัดนี้ว่าที่ไทยแลนด์ 4.0 มีสโลแกนสะท้านโลกันตร์อีก
ชาวบ้านมักได้ยินคำว่า “วิน วิน” บรรยายกิจกรรมโครงการต่างๆ หรือการชักจูงนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามากอบโกยความมั่งคั่งในแผ่นดินไทย หรือโครงการประชานิยมถมไม่เต็มขนเงินภาษีไปซื้อใจชาวบ้านก่อนฤดูกาลซื้อเสียงต้นปีหน้า
บริหารบ้านเมืองกันกี่รุ่นก็เห็นแต่พึ่งพาเงินนักลงทุนต่างชาติ มีสิทธิพิเศษเหนือพ่อค้าแม่ค้าคนไทยสารพัด จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหลายแผน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือนักลงทุนส่วนใหญ่ “วิน” ขนเงินกลับบ้าน ทิ้งมลพิษไว้
“วิน” ในประเทศคือ “วินมอเตอร์ไซค์” มีทั่วทุกหัวระแหง เป็นคนหนุ่มวัย 20-40 ปี ซึ่งควรเป็นทรัพยากรมนุษย์มีค่า ทำงานอยู่ในสำนักงานภาครัฐหรือภาคเอกชน แต่กลายเป็นกลุ่มคนที่อยู่ตามเพิง ใต้กันสาดในเมือง ขับจักรยานยนต์รับส่งคนทั่วไป
เป็นชีวิตไม่มีหลักประกันด้านรายได้ สุขภาพ เสี่ยงภัยทุกเวลาที่อยู่บนถนน ไม่มีอนาคตมั่นคง ถ้าไม่สามารถเก็บเงินไว้ทำอาชีพอื่น ผลสุดท้ายก็จะมีแต่เรื่องปัญหาสุขภาพสารพัดหลังจากสูดดมควันพิษบนถนนหลายปี นี่คือ “วิน” แบบไทยๆ ของแท้
ทุกวันนี้ยังมีคำว่า “วิน วิน” พรรณนาให้คนบ้องตื้นและคนในชุมชนโลกสวยได้เชื่อว่ารัฐบาลปัจจุบันที่ผู้นำอยากอยู่ต่อตามยุทธศาสตร์ 20 ปีนั้นจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ลูกหลานทายาทเจ้าสัว เศรษฐีจะทำธุรกิจช่วยเหลือคนยากจน
มีโครงการอีอีซีพัฒนา 3 จังหวัดใกล้ชายทะเลฝั่งตะวันออกหลังจากแปลงสภาพมาบตาพุด ระยอง และพื้นที่ใกล้เคียงให้เป็นแหล่งสะสมมลพิษเป็นพิษ น้ำทะเลเสีย คราวนี้จะขยายพื้นที่เพื่ออวยนักลงทุนต่างชาติรอบใหม่เพื่อ “วิน วิน” อีก
ก่อนมีนิคมอุตสาหกรรม บริษัทต่างชาติกำลังจะ “วิน” นั้น จะมี “วิน” มอเตอร์ไซค์รับวิ่งส่งพนักงาน คนงานในพื้นที่อีอีซีอีกแน่ ชะตากรรมบ้านเมืองนี้ต้องพึ่งพาเงินทุนต่างชาติ แลกกับการถูกครอบงำ โดนกอบโกยทรัพยากรแผ่นดินต่อเนื่อง
มาบัดนี้ออคุณท่านผู้อยากอยู่เป็นผู้นำอีก ได้มีแนวคิดใหม่กว่า “วิน วิน” นั่นคือ “ควิก วิน” หรือ “ชนะไว” มีโครงการอลังการมาเปิดตาชาวบ้านให้เหลือกกว่าเดิม เหนือว่า “มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล” ที่เคยสร้างมา คือ 5 โครงการต้องสำเร็จใน 8 เดือน
ออคุณท่านให้โฆษกมาแถลงถึงแผนงานสุดยอดแห่งความทะเยอทะยาน ซึ่งชาวบ้านมองก็รู้ว่านอกจาก 8 เดือนจะสำเร็จได้ยากแล้ว เอาบั้งไฟยิงไปให้ถึงดวงจันทร์น่าจะเป็นไปได้มากกว่า แต่ละเรื่องชาวบ้านได้ทวงถาม ขอให้ทำมานานแล้ว
อยู่มาครบ 4 ปีไม่ขยับเขยื้อนให้เห็น แต่อีก 8 เดือนจะมีเลือกตั้งตามโรดแหม็บๆ ดันจะมาขยับเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้รายละเอียด ใครจะเป็นคนทำ คนทำมีฝีมือสติปัญญามากแค่ไหน ดังนั้นชาวบ้านสงสัยว่านี่เป็นเพียงแผนหาเสียงตีกินอีก
มาดูก็แล้วกันถึงความเป็นไปได้ ว่ามีมากน้อยเพียงใด ทั้ง 5 เรื่องเร่งด่วน หรือ “วินไวๆ” ที่จะดำเนินการให้เห็นผลภายใน 8 เดือนก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นปีหน้า
1. การปฏิรูประบบราชการและการอำนวยความสะดวก 2. การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน 3. การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน 4. การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน 5. การลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม
ต่อให้ 8 ชาติก็ยาก ถ้าทำบั้งไฟไปดวงจันทร์ได้ ก็หาบันไดไต่ขึ้นสวรรค์ได้เลย!
โอ! ออคุณท่านยังมีลีลาวาทกรรมให้ชาวบ้านตาเหลือกอีก ด้วยการย้ำแบบกำปั้นทุบดินว่า “ไม่มีการปฏิรูปไหน ที่สามารถทำสำเร็จได้ในระยะสั้น เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง เช่น วิธีคิดและค่านิยมของคนในสังคม หรือกฎระเบียบที่ยุ่งยาก เป็นต้น...
“... แต่จะต้องลงมือทำตั้งแต่วันนี้ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ทุกคนในสังคมมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง โดยต้องรู้จักบทบาทและทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เช่น การปฏิรูปตำรวจต้องเริ่มที่ทุกคนให้ความเคารพกฎหมาย หากพบการทุจริตก็ต้องร้องทุกข์กล่าวโทษ และปรับปรุงกฎหมายให้เป็นธรรมกับคนทุกกลุ่ม”
ชุมชนมองโลกสวยและมวลชนบ้องตื้นคงหลั่งน้ำตายิ่งกว่าเผาเต่า! อภิโธ่! ให้ทำเรื่องไหนก็ได้ สำเร็จสัก 50 เปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าเป็นความพิสดารมหัศจรรย์พันลึกสุดๆ แล้ว ยิ่งต้องทำ 5 เรื่องให้เสร็จใน 8 เดือน ใครต้องสรุปว่า “เพ้อเจ้อ” ชัดๆ!
ดูเรื่องการปฏิรูปตำรวจขณะนี้ ยังมีลีลาโยกโย้ยักแย่ยักยันยึกยักกับการปกป้องผลประโยชน์ของเฉพาะกลุ่ม ไม่มีใครพูดถึงสิ่งที่ประชาชนควรได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ บ้านเมืองนี้มีปัญหาทุกวันนี้เพราะข้าราชการไม่ทำหน้าที่
ทั้ง 5 ข้อนั้นเกิดจากปัญหาคนมีอำนาจบริหารจัดการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมาย ชาวบ้านเรียกร้องให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่คนมีอำนาจเอาหูทวนลม ไม่ใส่ใจ มาตาเหลือกตาโตก่อนเลือกตั้งนี้
คงเป็นลีลาให้ชาวบ้านเห็นความกระดี้กระด้า เข้าแผนหาเสียงเสริมโครงการตระเวนดูด สูบ นักการเมืองน้ำเน่า นักซื้อเสียงให้เข้าสังกัด จะอยู่ต่อสืบทอดอำนาจ
โธ่! ถ้าผู้กุมอำนาจมีเจตนาดี ใจซื่อ มือสะอาด มุ่งทำงานให้บ้านเมืองแท้จริง คงไม่ปล่อยปละละเลยแน่! แค่ “ศาสตร์พระราชา” ยังดัดแปลงให้เป็นประชารัฐได้ ชาวบ้านแนะว่าควรเลิกใช้คำนั้น เปลี่ยนเป็น “ประยุทธ์ศาสตร์” น่าจะเข้าท่ากว่ามั้ง!