ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กป้อม" โต้ปมนักการเมืองรุมจวก คสช. ดูดส.ส. ย้ำชัดไม่ได้ทำ แต่นักการเมืองมารุมเอง ยันไม่ขัดรธน. พร้อมออกตัวหนุน"ลุงตู่" ไปต่อ "มาร์ค" หวัง 3 ข้อ ทำการเมืองก้าวไปข้างหน้า ไม่ควรหมกมุ่นใครเป็นพวกใคร จะมาอ้างวัฒนธรรมไม่ได้ ถ้าคิดอนุรักษ์แบบเดิม ก็ต้องยอมรับสภาพเดิมๆ "นิพิฏฐ์" เตือนนายกฯ กำลังทำน้ำเน่าการเมือง สวนทางปฏิรูป ตอกทฤษฎีโจรปราบโจร ได้โจรปกครองประเทศ เตรียมตัวถูกปล้น ลั่นยึดมั่นแนวทางพรรค ยอมแพ้เลือกตั้ง ดีกว่าชนะแล้วตายเมืองนอก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.จากกลุ่มการเมืองต่างๆเข้ามารุมล้อม คสช.มากขึ้นว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ และที่มีนักการเมืองวิจารณ์ว่า การกระทำดังกล่าว จะขัดรธน.นั้น ตนคิดว่าไม่เกี่ยว เมื่อถามว่า มองปรากฏการณ์นักการเมือง รุมวิพากษ์วิจารณ์ คสช. นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องฝ่ายการเมือง ที่มารุมคสช.เอง เพราะ คสช.ก็ทำงานไป ขณะที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า คสช.เสนอว่า จะช่วยเหลือคดีความให้นั้น ตนคิดว่า ก็ให้พูดไป เพราะตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว ยังไม่ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.
เมื่อถามว่า ยืนยันว่า คสช.ไม่ได้ดูด ส.ส. อย่างที่นักการเมืองกล่าวหา หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำ จะให้มายืนยันได้อย่างไร และคนอื่นในคสช. ก็ไม่ได้ทำ เมื่อถามต่อว่า เมื่อไม่ได้ทำ แล้วนักการเมืองพูดได้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ให้ไปถามนักการเมืองสิ มาถามตนได้อย่างไร เพราะตนไม่รู้
ส่วนที่นายกฯ แสดงท่าทีว่าจะตั้งพรรคการเมือง จนทำให้เป็นสาเหตุว่า ต้องดูด ส.ส. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ
เมื่อถามถึงกรณี"โหรวารินทร์" ออกมาทำนายว่า ลุงตู่จะเป็นนายกฯ อีกสมัย และจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ รองนายกฯ ประวิตร กล่าวว่า “เป็นเรื่องของลุงตู่สิ ไม่ใช่เรื่องของลุงป้อม และ ผมพร้อมจะสนุบสนันท่าน แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำงานร่วมกัน"
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในยุคคสช. ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ผมอายุเยอะแล้ว"
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลใช้วิธี ดูดส.ส. ให้มาเข้าร่วมว่า นายกฯระบุว่า พูดแบบนั้นมันไม่ถูก และถ้าจะเรียกว่า ดูด มันดูดได้หลายวิธี ทั้งสร้างความเข้าใจ สร้างแรงจูงใจ เพียงแต่เราสมมุติคำว่า ดูด เพื่อเป็นวาทกรรมให้สะใจ แต่ความจริงอาจจะเป็นการชักชวนเข้ามาร่วมอุดมการณ์ ส่วนที่มีการมองว่าขัดครรลองประชาธิปไตยนั้น ตนคงไม่ขอตอบ เพราะวันนี้มันกลายเป็นวาทกรรมทางการเมือง ที่กล่าวหากัน และยังตอบกันไม่ถูก ว่ามันคืออะไร
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเมืองของไทยจะก้าวไปข้างหน้า สิ่งที่คาดหวัง คือ
1. เป็นการเมืองแก้ปัญหาของประเทศไทย แต่วันนี้ทำไมเราถึงมาหมกมุ่นว่า ใครจะเป็นพวกใคร จับมือใคร ไปเอาใครมาอยู่ตรงไหน มากกว่าที่จะบอกว่า คนที่เสนอตัวเข้ามาสู่การเมือง มองปัญหาของประเทศอย่างไร และ มีแนวทางแก้ปัญหาประเทศอย่างไร จะสร้างสรรค์กว่าเยอะ แทนที่จะมาตอบโต้กันอย่างขณะนี้ สมมุติเอาเรื่องระบบราชการ แต่ละฝ่ายคิดอย่างไร มีใครบ้างสนับสนุนการกระจายอำนาจไปถึงขั้นที่จะเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด การที่มองว่าการเมืองระบบราชการ ต้องรวมศูนย์ เพื่อเกิดความเข้มแข็งในส่วนกลาง หรือเศรษฐกิจเราจะจัดการกับทุนต่างชาติขนาดใหญ่กันอย่างไร ระบบการศึกษา ความเหลื่อมล้ำ เป็นต้น ทำไมเราไม่เอาการเมืองมาถกถียงเรื่องเหล่านี้ เพราะการเมือง มีไว้เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ ไม่ได้มีไว้เพื่อแย่งชิงกัน
2. การเมืองที่ลดความขัดแย้ง ถ้าเอาปัญหาของประเทศเป็นตัวตั้ง ก็ลดความขัดแย้งลงได้ แต่พอเราทำการเมืองเป็นเรื่องของตัวบุคคล ในที่สุด ก็เป็นเรื่องพวก กลายเป็นพวกเรา พวกเขา ก็เกิดความขัดแย้งกันเอง และที่บอกว่าเรื่อง ดูด เป็นวัฒนธรรมที่เคยทำมา ซึ่งปกติ จะใช้คำว่าวัฒนธรรม คือ เรื่องเจริญงอกงาม แต่อะไรที่เคยๆ ทำมาแล้วเรียกว่าวัฒนธรรม ก็ควรเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง หรือยกเลิกวัฒนธรรมนั้น เพราะเราจะเอาทั้งสองอย่างไม่ได้ วันหนึ่งบอกว่าอยากให้การเมืองดี ก้าวหน้า ถึงเวลาแล้วมาบอกว่า เรื่องที่ทำกันมาเป็นวัฒนธรรม เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ก็ต้องทำอย่างนี้ต่อไป ถ้าคิดจะอนุรักษ์แบบเดิม ก็ต้องยอมรับสภาพว่าทุกอย่าง ก็จะเป็นแบบเดิม แต่ถ้าอยากได้ของใหม่ ก็ต้องกล้าที่จะบอกว่า บางเรื่องที่เคยทำมาต้องเลิกทำแล้ว ก็จะช่วยลดความขัดแย้ง ไปได้ส่วนหนึ่ง
3. การเมืองที่สุจริต คือ ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน ต้องเหลือน้อยที่สุด หรือหมดไป เป็นประเด็นที่ควรจะเป็นจุดร่วมของทุกฝ่าย ตนมองว่า การเมืองที่สร้างสรรค์ในเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น วันนี้เลยเรื่องที่จะไปคิดมาตรการทางกฎหมายแล้วไปฝากความหวังไว้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เราต้องหาวิธีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาขน สังคม ความโปร่งใส และคนที่กล้าออกมาตรวจสอบ โดยไม่ไปปิดปากเขา และต้องให้รางวัล เพื่อเป็นการถ่วงดุล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้การเมืองเดินไปได้
เมื่อถามว่า หากนักการเมืองเข้ามาแล้วมีการทุจริต แต่ประชาชนก็ได้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนถึงบอกว่าของเก่าแบบเดิมเราเคยเห็นกันมากแล้ว ถ้ายังจะเอาแบบเดิมๆ อีก เราเข็ดหรือยัง ถามว่าจะมีคนที่ทำแบบเก่าๆ หรือไม่ ก็มีแน่ เดิมก็มีนักการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่ทำอย่างนั้น วันนี้ถ้าจะมาสร้างการเมืองใหม่ หรือเคยพูดเอาไว้ว่า มีหน้าที่สร้างการเมืองใหม่ มาทำเองก็เป็นการเมืองเก่า ฉะนั้นวันนี้ ก็ต้องให้สังคมเป็นคนตัดสินต่อว่าจะเอาการเมืองเก่า หรือการเมืองใหม่
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า การดูด ส.ส.เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยของไทย ว่า ตอนนี้มีโรคพิษสุนัขบ้าระบาด แต่ต้องระวังโรคระบาดที่จะอุบัติขึ้นใหม่ คือ โรคไข้เลือดออก เนื่องจากยุงชุมเพราะน้ำเน่า และคนที่ทำให้น้ำเน่าขึ้นมาก็คือ คสช. และรัฐบาล ซึ่งตนเคยบอกแล้วว่า ติดกระดุมเม็ดแรกผิด ไม่สนใจที่มาต้องการแต่มือที่จะได้ ไม่ใช่แนวทางปฏิรูป เป็นตรรกกะที่ผิด ทำให้ไม่ได้คำตอบที่ถูกต้อง เสื้อที่ใส่ก็จะเอียงไม่เสมอกัน ยาวข้างหนึ่งสั้นข้างหนึ่ง สวนทางกับการปฏิรูป จะอ้างว่าเป็นวัฒนธรรมที่เขาทำกันมานานแล้วคงไม่ได้ เพราะถ้าต้องการปฏิรูป ต้องเปลี่ยนแปลง ไม่ทำเหมือนเดิม แต่ตอนนี้กำลังเอาน้ำเน่ามาไล่น้ำเน่า ก็จะได้น้ำเน่าเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม การที่นายกฯ พูดเช่นนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าจะเดินตามแนวทางนี้
" มีบางคนบอกว่าต้องเอาโจรปราบโจร ผมขอบอกว่า ถ้าทำอย่างนั้นโจรก็ชนะ เราก็จะได้โจรมาปกครอง คนที่เป็นเจ้าของบ้านก็เตรียมตัวถูกปล้นได้เลย ทฤษฎีโจรปราบโจร จึงไม่ควรนำมาใช้ แต่ควรให้ความรู้ประชาชนเพื่อให้เลือกคนดีมาปกครอง ไม่ใช่ทำตัวเป็นโจรเพื่อไปปราบโจร ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จะยึดมั่นแนวทางของพรรคโดยไม่กลัวว่าจะแพ้เลือกตั้ง เพราะผมยอมแพ้ แล้วตายเมืองไทย ดีกว่าชนะแล้วต้องไปตายเมืองนอก ผมไม่เอาหรอกชนะแล้วตายเมืองนอก กระดูกผมต้องฝังเมืองไทย ผมไม่ไปสูดอากาศที่ดูไบ" นายนิพิฏฐ์ กล่าว
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. กล่าวถึงเรื่อง พลังดูดส.ส. ว่า ไม่ทราบว่าใครดูดใคร เข้าใจว่าเป็นการเตรียมการไปสู่การเลือกตั้งของแต่ละฝ่าย ซึ่งทางฝ่ายรัฐบาล ก็ออกมาบอกว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ตนขอใช้ประโยคนี้ว่า ใครก็ตามที่ถูกดูดได้ เราไม่น่าจะเลือกเขา แปลว่า เขาไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่แน่นอน เพราะถ้าหากคุณเป็นนักการเมือง คุณจะต้องมีจุดยืนว่า จะอยู่กับกลุ่มใด พรรคใด เจตนาที่จะอยู่กับพรรคการเมือง คือ อุดมการณ์ร่วมกันในการที่จะร่วมกันทำงานทางการเมืองให้เกิดความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องเพียงแค่ว่า อยากจะดูว่า ตัวเองจะมีโอกาสไปร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ ตรงไหนไปได้ ก็จะเฮไปทางซีกนั้น ซึ่งตนมองว่า สิ่งนี้ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อการเมืองไทย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.จากกลุ่มการเมืองต่างๆเข้ามารุมล้อม คสช.มากขึ้นว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ และที่มีนักการเมืองวิจารณ์ว่า การกระทำดังกล่าว จะขัดรธน.นั้น ตนคิดว่าไม่เกี่ยว เมื่อถามว่า มองปรากฏการณ์นักการเมือง รุมวิพากษ์วิจารณ์ คสช. นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องฝ่ายการเมือง ที่มารุมคสช.เอง เพราะ คสช.ก็ทำงานไป ขณะที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า คสช.เสนอว่า จะช่วยเหลือคดีความให้นั้น ตนคิดว่า ก็ให้พูดไป เพราะตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว ยังไม่ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.
เมื่อถามว่า ยืนยันว่า คสช.ไม่ได้ดูด ส.ส. อย่างที่นักการเมืองกล่าวหา หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำ จะให้มายืนยันได้อย่างไร และคนอื่นในคสช. ก็ไม่ได้ทำ เมื่อถามต่อว่า เมื่อไม่ได้ทำ แล้วนักการเมืองพูดได้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ให้ไปถามนักการเมืองสิ มาถามตนได้อย่างไร เพราะตนไม่รู้
ส่วนที่นายกฯ แสดงท่าทีว่าจะตั้งพรรคการเมือง จนทำให้เป็นสาเหตุว่า ต้องดูด ส.ส. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ
เมื่อถามถึงกรณี"โหรวารินทร์" ออกมาทำนายว่า ลุงตู่จะเป็นนายกฯ อีกสมัย และจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ รองนายกฯ ประวิตร กล่าวว่า “เป็นเรื่องของลุงตู่สิ ไม่ใช่เรื่องของลุงป้อม และ ผมพร้อมจะสนุบสนันท่าน แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำงานร่วมกัน"
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในยุคคสช. ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ผมอายุเยอะแล้ว"
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลใช้วิธี ดูดส.ส. ให้มาเข้าร่วมว่า นายกฯระบุว่า พูดแบบนั้นมันไม่ถูก และถ้าจะเรียกว่า ดูด มันดูดได้หลายวิธี ทั้งสร้างความเข้าใจ สร้างแรงจูงใจ เพียงแต่เราสมมุติคำว่า ดูด เพื่อเป็นวาทกรรมให้สะใจ แต่ความจริงอาจจะเป็นการชักชวนเข้ามาร่วมอุดมการณ์ ส่วนที่มีการมองว่าขัดครรลองประชาธิปไตยนั้น ตนคงไม่ขอตอบ เพราะวันนี้มันกลายเป็นวาทกรรมทางการเมือง ที่กล่าวหากัน และยังตอบกันไม่ถูก ว่ามันคืออะไร
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเมืองของไทยจะก้าวไปข้างหน้า สิ่งที่คาดหวัง คือ
1. เป็นการเมืองแก้ปัญหาของประเทศไทย แต่วันนี้ทำไมเราถึงมาหมกมุ่นว่า ใครจะเป็นพวกใคร จับมือใคร ไปเอาใครมาอยู่ตรงไหน มากกว่าที่จะบอกว่า คนที่เสนอตัวเข้ามาสู่การเมือง มองปัญหาของประเทศอย่างไร และ มีแนวทางแก้ปัญหาประเทศอย่างไร จะสร้างสรรค์กว่าเยอะ แทนที่จะมาตอบโต้กันอย่างขณะนี้ สมมุติเอาเรื่องระบบราชการ แต่ละฝ่ายคิดอย่างไร มีใครบ้างสนับสนุนการกระจายอำนาจไปถึงขั้นที่จะเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด การที่มองว่าการเมืองระบบราชการ ต้องรวมศูนย์ เพื่อเกิดความเข้มแข็งในส่วนกลาง หรือเศรษฐกิจเราจะจัดการกับทุนต่างชาติขนาดใหญ่กันอย่างไร ระบบการศึกษา ความเหลื่อมล้ำ เป็นต้น ทำไมเราไม่เอาการเมืองมาถกถียงเรื่องเหล่านี้ เพราะการเมือง มีไว้เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ ไม่ได้มีไว้เพื่อแย่งชิงกัน
2. การเมืองที่ลดความขัดแย้ง ถ้าเอาปัญหาของประเทศเป็นตัวตั้ง ก็ลดความขัดแย้งลงได้ แต่พอเราทำการเมืองเป็นเรื่องของตัวบุคคล ในที่สุด ก็เป็นเรื่องพวก กลายเป็นพวกเรา พวกเขา ก็เกิดความขัดแย้งกันเอง และที่บอกว่าเรื่อง ดูด เป็นวัฒนธรรมที่เคยทำมา ซึ่งปกติ จะใช้คำว่าวัฒนธรรม คือ เรื่องเจริญงอกงาม แต่อะไรที่เคยๆ ทำมาแล้วเรียกว่าวัฒนธรรม ก็ควรเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง หรือยกเลิกวัฒนธรรมนั้น เพราะเราจะเอาทั้งสองอย่างไม่ได้ วันหนึ่งบอกว่าอยากให้การเมืองดี ก้าวหน้า ถึงเวลาแล้วมาบอกว่า เรื่องที่ทำกันมาเป็นวัฒนธรรม เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ก็ต้องทำอย่างนี้ต่อไป ถ้าคิดจะอนุรักษ์แบบเดิม ก็ต้องยอมรับสภาพว่าทุกอย่าง ก็จะเป็นแบบเดิม แต่ถ้าอยากได้ของใหม่ ก็ต้องกล้าที่จะบอกว่า บางเรื่องที่เคยทำมาต้องเลิกทำแล้ว ก็จะช่วยลดความขัดแย้ง ไปได้ส่วนหนึ่ง
3. การเมืองที่สุจริต คือ ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน ต้องเหลือน้อยที่สุด หรือหมดไป เป็นประเด็นที่ควรจะเป็นจุดร่วมของทุกฝ่าย ตนมองว่า การเมืองที่สร้างสรรค์ในเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น วันนี้เลยเรื่องที่จะไปคิดมาตรการทางกฎหมายแล้วไปฝากความหวังไว้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เราต้องหาวิธีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาขน สังคม ความโปร่งใส และคนที่กล้าออกมาตรวจสอบ โดยไม่ไปปิดปากเขา และต้องให้รางวัล เพื่อเป็นการถ่วงดุล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้การเมืองเดินไปได้
เมื่อถามว่า หากนักการเมืองเข้ามาแล้วมีการทุจริต แต่ประชาชนก็ได้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนถึงบอกว่าของเก่าแบบเดิมเราเคยเห็นกันมากแล้ว ถ้ายังจะเอาแบบเดิมๆ อีก เราเข็ดหรือยัง ถามว่าจะมีคนที่ทำแบบเก่าๆ หรือไม่ ก็มีแน่ เดิมก็มีนักการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่ทำอย่างนั้น วันนี้ถ้าจะมาสร้างการเมืองใหม่ หรือเคยพูดเอาไว้ว่า มีหน้าที่สร้างการเมืองใหม่ มาทำเองก็เป็นการเมืองเก่า ฉะนั้นวันนี้ ก็ต้องให้สังคมเป็นคนตัดสินต่อว่าจะเอาการเมืองเก่า หรือการเมืองใหม่
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า การดูด ส.ส.เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยของไทย ว่า ตอนนี้มีโรคพิษสุนัขบ้าระบาด แต่ต้องระวังโรคระบาดที่จะอุบัติขึ้นใหม่ คือ โรคไข้เลือดออก เนื่องจากยุงชุมเพราะน้ำเน่า และคนที่ทำให้น้ำเน่าขึ้นมาก็คือ คสช. และรัฐบาล ซึ่งตนเคยบอกแล้วว่า ติดกระดุมเม็ดแรกผิด ไม่สนใจที่มาต้องการแต่มือที่จะได้ ไม่ใช่แนวทางปฏิรูป เป็นตรรกกะที่ผิด ทำให้ไม่ได้คำตอบที่ถูกต้อง เสื้อที่ใส่ก็จะเอียงไม่เสมอกัน ยาวข้างหนึ่งสั้นข้างหนึ่ง สวนทางกับการปฏิรูป จะอ้างว่าเป็นวัฒนธรรมที่เขาทำกันมานานแล้วคงไม่ได้ เพราะถ้าต้องการปฏิรูป ต้องเปลี่ยนแปลง ไม่ทำเหมือนเดิม แต่ตอนนี้กำลังเอาน้ำเน่ามาไล่น้ำเน่า ก็จะได้น้ำเน่าเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม การที่นายกฯ พูดเช่นนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าจะเดินตามแนวทางนี้
" มีบางคนบอกว่าต้องเอาโจรปราบโจร ผมขอบอกว่า ถ้าทำอย่างนั้นโจรก็ชนะ เราก็จะได้โจรมาปกครอง คนที่เป็นเจ้าของบ้านก็เตรียมตัวถูกปล้นได้เลย ทฤษฎีโจรปราบโจร จึงไม่ควรนำมาใช้ แต่ควรให้ความรู้ประชาชนเพื่อให้เลือกคนดีมาปกครอง ไม่ใช่ทำตัวเป็นโจรเพื่อไปปราบโจร ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จะยึดมั่นแนวทางของพรรคโดยไม่กลัวว่าจะแพ้เลือกตั้ง เพราะผมยอมแพ้ แล้วตายเมืองไทย ดีกว่าชนะแล้วต้องไปตายเมืองนอก ผมไม่เอาหรอกชนะแล้วตายเมืองนอก กระดูกผมต้องฝังเมืองไทย ผมไม่ไปสูดอากาศที่ดูไบ" นายนิพิฏฐ์ กล่าว
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. กล่าวถึงเรื่อง พลังดูดส.ส. ว่า ไม่ทราบว่าใครดูดใคร เข้าใจว่าเป็นการเตรียมการไปสู่การเลือกตั้งของแต่ละฝ่าย ซึ่งทางฝ่ายรัฐบาล ก็ออกมาบอกว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ตนขอใช้ประโยคนี้ว่า ใครก็ตามที่ถูกดูดได้ เราไม่น่าจะเลือกเขา แปลว่า เขาไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่แน่นอน เพราะถ้าหากคุณเป็นนักการเมือง คุณจะต้องมีจุดยืนว่า จะอยู่กับกลุ่มใด พรรคใด เจตนาที่จะอยู่กับพรรคการเมือง คือ อุดมการณ์ร่วมกันในการที่จะร่วมกันทำงานทางการเมืองให้เกิดความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องเพียงแค่ว่า อยากจะดูว่า ตัวเองจะมีโอกาสไปร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ ตรงไหนไปได้ ก็จะเฮไปทางซีกนั้น ซึ่งตนมองว่า สิ่งนี้ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อการเมืองไทย