**ถ้าบอกว่าร้องกันจ๊ากก็คงไม่ผิดนัก สำหรับอาการของบรรดานักการเมือง จากพรรคการเมืองต่างๆในเวลานี้ โดยเฉพาะพรรคใหญ่ ทั้งพรรคเพื่อไทยและ พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากได้เห็นการเคลื่อนไหวล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ได้เห็น "พลังดูด" เริ่มออกฤทธิ์ ที่สำคัญทั้งสองพรรคต่าง "ถูกดูด" กันถ้วนหน้า
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ทั้งสองพรรคดังกล่าวจะประสานเสียงกันโวยวาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาในทางการเมืองที่ต้องมีการเสนอ และแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ หากอดีต ส.ส. หรือพวกก๊วนการเมืองทั้งหลายเห็นว่าเมื่อย้ายไปซบอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในวันหน้าจะได้ประโยชน์มากกว่าอยู่ที่เดิม หรือยังอยู่กับพรรคเดิม อีกทั้งที่ผ่านมาพอใกล้จะมีการเลือกตั้ง ก็มักเห็นแบบนี้จนชินตา ไม่เห็นแปลกอะไร
** ทุกพรรคก็เคยทำ ทั้งพรรคเพื่อไทย ที่ตั้งแต่ใช้ชื่อไทยรักไทย ในยุค ทักษิณ ชินวัตร ก็ดูดมาเหมือนกัน ยิ่งกว่านี้เสียด้วยซ้ำ เพราะนั่น"ดูด" หรือ "ซื้อ" มายกพรรค หากไม่เชื่อก็ลองไปถามนักการเมืองที่ความจำสั้นๆ อย่าง เสนาะ เทียนทอง หรือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ดูก็ได้ น่าจะมีคำตอบได้ดี
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็มีแบบนี้เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ดูดเข้ามาแบบชุดใหญ่ อาจเป็นเพราะเคยพยายามดูดไปแล้ว เพียงแต่พลังมีไม่พอก็ได้
เอาเป็นว่าเรื่องดูดแบบนี้เป็นเรื่องที่เห็นจนธรรมดา ส่วนเรื่องอุดมการณ์อะไรนั่น เป็นแค่เพียงข้ออ้างให้สวยหรูสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เห็นภาพก็น่าจะพิจารณาจากคำพูดของ จาตุรนต์ ฉายแสง จากพรรคเพื่อไทย ที่สันนิษฐานถึงความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้อย่างตรงตัวไม่น้อย กับคำพูดที่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ "เปลี่ยนแผนใหม่" จากเดิมที่คิดจะเดินในเส้นทาง "นายกฯคนนอก" แล้วเปลี่ยนมาเป็น "นายกฯคนใน" ในเวลานี้ โดยวิเคราะห์ให้เห็นเป็นฉากๆ ว่า เป็นเพราะสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่คิดว่าจะเดินเข้ามาแบบนายกฯ คนนอก โดยมีพรรคการเมืองสนับสนุน แต่จนแล้วจนรอดจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีพรรคการเมืองใดตอบรับชัดเจน โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดใหญ่
ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างกลไกบั่นทอนพรรคการเมืองให้เล็กลง หรือประสบปัญหายุ่งยากมากมายอย่างที่เห็นกันอยู่ และที่สำคัญก็คือ การจะเข้ามาแบบ "คนนอก" มันไม่หมู กระแสต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะมีปัญหาเรื่องความชอบธรรม แม้ว่า จาตุรนต์ ไม่ได้พูดอธิบายให้เห็นแบบนี้ แต่ก็ถือว่ามีความหมายอย่างนั้น
ส่วนความเคลื่อนไหวหลังจากที่เปลี่ยนแผนมาสำหรับ "นายกฯคนใน" นั้น แน่นอนว่าต้องเตรียมการเรื่องพรรคการเมืองรองรับ นั่นคือ การตั้งพรรคขึ้นมา รวมไปถึงการหว่านล้อมพรรคอื่นๆ เข้ามาสนับสนุน ซึ่งเขาเชื่อว่า น่าจะมาแบบที่มีบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ทำทุกทางให้ได้รับการโหวตเป็นนายกฯก่อน จากนั้นค่อยมาเจรจาต่อรอง ขอการสนับสนุนจากพรรคการเมืองเพิ่มเติมในการตั้งรัฐบาล
ขณะฝ่ายประชาธิปัตย์ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" ก็วิจารณ์ว่า การดูดกลุ่ม "คุณปลื้ม" จากชลบุรี ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย และสะท้อนให้เห็นว่า คสช.ต้องการสืบทอดอำนาจ
**เชื่อว่านับจากนี้ต่อเนื่องกันไป บรรดาพรรคการเมือง และนักการเมืองจะต้องออกมารุมถล่มใส่รัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบหนักหน่วงรุนแรงกว่านี้หลายเท่า แต่ขณะเดียวกัน หากมองในทางการเมืองถือว่าธรรมดา ไม่วิจารณ์นี่สิแปลกยิ่งกว่า เพราะกระทบกับพวกเขาโดยตรง ดังนั้นถึงต้องร้องจ๊าก เพราะโดนเข้าไปเต็มๆ !!
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ทั้งสองพรรคดังกล่าวจะประสานเสียงกันโวยวาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาในทางการเมืองที่ต้องมีการเสนอ และแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ หากอดีต ส.ส. หรือพวกก๊วนการเมืองทั้งหลายเห็นว่าเมื่อย้ายไปซบอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในวันหน้าจะได้ประโยชน์มากกว่าอยู่ที่เดิม หรือยังอยู่กับพรรคเดิม อีกทั้งที่ผ่านมาพอใกล้จะมีการเลือกตั้ง ก็มักเห็นแบบนี้จนชินตา ไม่เห็นแปลกอะไร
** ทุกพรรคก็เคยทำ ทั้งพรรคเพื่อไทย ที่ตั้งแต่ใช้ชื่อไทยรักไทย ในยุค ทักษิณ ชินวัตร ก็ดูดมาเหมือนกัน ยิ่งกว่านี้เสียด้วยซ้ำ เพราะนั่น"ดูด" หรือ "ซื้อ" มายกพรรค หากไม่เชื่อก็ลองไปถามนักการเมืองที่ความจำสั้นๆ อย่าง เสนาะ เทียนทอง หรือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ดูก็ได้ น่าจะมีคำตอบได้ดี
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็มีแบบนี้เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ดูดเข้ามาแบบชุดใหญ่ อาจเป็นเพราะเคยพยายามดูดไปแล้ว เพียงแต่พลังมีไม่พอก็ได้
เอาเป็นว่าเรื่องดูดแบบนี้เป็นเรื่องที่เห็นจนธรรมดา ส่วนเรื่องอุดมการณ์อะไรนั่น เป็นแค่เพียงข้ออ้างให้สวยหรูสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เห็นภาพก็น่าจะพิจารณาจากคำพูดของ จาตุรนต์ ฉายแสง จากพรรคเพื่อไทย ที่สันนิษฐานถึงความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้อย่างตรงตัวไม่น้อย กับคำพูดที่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ "เปลี่ยนแผนใหม่" จากเดิมที่คิดจะเดินในเส้นทาง "นายกฯคนนอก" แล้วเปลี่ยนมาเป็น "นายกฯคนใน" ในเวลานี้ โดยวิเคราะห์ให้เห็นเป็นฉากๆ ว่า เป็นเพราะสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่คิดว่าจะเดินเข้ามาแบบนายกฯ คนนอก โดยมีพรรคการเมืองสนับสนุน แต่จนแล้วจนรอดจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีพรรคการเมืองใดตอบรับชัดเจน โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดใหญ่
ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างกลไกบั่นทอนพรรคการเมืองให้เล็กลง หรือประสบปัญหายุ่งยากมากมายอย่างที่เห็นกันอยู่ และที่สำคัญก็คือ การจะเข้ามาแบบ "คนนอก" มันไม่หมู กระแสต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะมีปัญหาเรื่องความชอบธรรม แม้ว่า จาตุรนต์ ไม่ได้พูดอธิบายให้เห็นแบบนี้ แต่ก็ถือว่ามีความหมายอย่างนั้น
ส่วนความเคลื่อนไหวหลังจากที่เปลี่ยนแผนมาสำหรับ "นายกฯคนใน" นั้น แน่นอนว่าต้องเตรียมการเรื่องพรรคการเมืองรองรับ นั่นคือ การตั้งพรรคขึ้นมา รวมไปถึงการหว่านล้อมพรรคอื่นๆ เข้ามาสนับสนุน ซึ่งเขาเชื่อว่า น่าจะมาแบบที่มีบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ทำทุกทางให้ได้รับการโหวตเป็นนายกฯก่อน จากนั้นค่อยมาเจรจาต่อรอง ขอการสนับสนุนจากพรรคการเมืองเพิ่มเติมในการตั้งรัฐบาล
ขณะฝ่ายประชาธิปัตย์ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" ก็วิจารณ์ว่า การดูดกลุ่ม "คุณปลื้ม" จากชลบุรี ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย และสะท้อนให้เห็นว่า คสช.ต้องการสืบทอดอำนาจ
**เชื่อว่านับจากนี้ต่อเนื่องกันไป บรรดาพรรคการเมือง และนักการเมืองจะต้องออกมารุมถล่มใส่รัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบหนักหน่วงรุนแรงกว่านี้หลายเท่า แต่ขณะเดียวกัน หากมองในทางการเมืองถือว่าธรรมดา ไม่วิจารณ์นี่สิแปลกยิ่งกว่า เพราะกระทบกับพวกเขาโดยตรง ดังนั้นถึงต้องร้องจ๊าก เพราะโดนเข้าไปเต็มๆ !!