นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึง การปฏิรูปตำรวจว่า ผ่านมาเกือบ 4 ปี แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม ทั้งที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นหลายชุด นับตั้งแต่เกิดสปช. ขณะนี้เมื่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. จะเข้ามาดูแลก็หวังว่าจะทำให้การปฏิรูปตำรวจเป็นจริงตามที่สังคมคาดหวัง
ทั้งนี้นายมีชัย ยอมรับว่าการปฏิรูปที่ผ่านมายังมีการเกรงใจตำรวจ ซึ่งต้องยอมรับว่ามีหลายเรื่องที่เป็นปัญหาจำเป็น ต้องตรวจดูปัญหาที่แท้จริงอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้าย การสอบสวน การใช้อำนาจ การเป็นอยู่ของบุคลากรในวิชาชีพตำรวจ
สำหรับเรื่องการสอบสวน บางกรณีที่คนอาจคิดว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ อาทิ การสอบสวนในกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ถูกกล่าวหา ควรที่จะกำหนดให้มีอีกองค์กรหนึ่งที่มาทำหน้าที่ จะได้คานอำนาจซึ่งกันและกัน ไม่เช่นนั้น เมื่อมีคดีในลักษณะดังกล่าวขึ้น การสอบสวนในคดี ก็ยากที่จะเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะคนสั่งคดี จะมาสั่งคดีที่องค์กร หรือคนในองค์กรของตนเข้ามาเกี่ยวข้องโดยปราศจากอคติได้อย่างไร
"ยกตัวอย่างกรณีนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกตำรวจแจ้งความจับ เพราะตรวจสอบการทำงานวิ่งเต้นตำแหน่ง ถูก ผบ.ตร.แจ้งความต่อลูกน้องของตน แล้วลูกน้องจะสั่งคดีโดยไม่เกรงใจนายได้อย่างไร นี่เป็นอีกจุดสำคัญจุดหนึ่ง ที่ควรมีการปฏิรูป เพื่อเป็นหลักประกันให้กับประชาชนที่มีคดีที่เกี่ยวข้องกับองค์กรตำรวจ หรือบุคคลในองค์กรก็จะทำให้ตำรวจใช้อำนาจอย่างระวังมากขึ้นด้วย เมื่อจะปฏิรูป ก็ควรดูทั้งระบบ คนดีๆที่อยู่ในองค์กรตำรวจมีอยู่มาก ควรถามสภาพปัญหาเขาด้วย ว่ามีอะไรที่ต้องปฏิรูปให้ดีขึ้นหรือไม่ เรื่องการปฏิรูปตำรวจนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ศึกษาเก็บข้อมูลรอบด้าน เพื่อจะได้นำมาใช้ในการปฏิรูปตำรวจ ต่อไปในอนาคต" นายราเมศ กล่าว
ทั้งนี้นายมีชัย ยอมรับว่าการปฏิรูปที่ผ่านมายังมีการเกรงใจตำรวจ ซึ่งต้องยอมรับว่ามีหลายเรื่องที่เป็นปัญหาจำเป็น ต้องตรวจดูปัญหาที่แท้จริงอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้าย การสอบสวน การใช้อำนาจ การเป็นอยู่ของบุคลากรในวิชาชีพตำรวจ
สำหรับเรื่องการสอบสวน บางกรณีที่คนอาจคิดว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ อาทิ การสอบสวนในกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ถูกกล่าวหา ควรที่จะกำหนดให้มีอีกองค์กรหนึ่งที่มาทำหน้าที่ จะได้คานอำนาจซึ่งกันและกัน ไม่เช่นนั้น เมื่อมีคดีในลักษณะดังกล่าวขึ้น การสอบสวนในคดี ก็ยากที่จะเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะคนสั่งคดี จะมาสั่งคดีที่องค์กร หรือคนในองค์กรของตนเข้ามาเกี่ยวข้องโดยปราศจากอคติได้อย่างไร
"ยกตัวอย่างกรณีนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกตำรวจแจ้งความจับ เพราะตรวจสอบการทำงานวิ่งเต้นตำแหน่ง ถูก ผบ.ตร.แจ้งความต่อลูกน้องของตน แล้วลูกน้องจะสั่งคดีโดยไม่เกรงใจนายได้อย่างไร นี่เป็นอีกจุดสำคัญจุดหนึ่ง ที่ควรมีการปฏิรูป เพื่อเป็นหลักประกันให้กับประชาชนที่มีคดีที่เกี่ยวข้องกับองค์กรตำรวจ หรือบุคคลในองค์กรก็จะทำให้ตำรวจใช้อำนาจอย่างระวังมากขึ้นด้วย เมื่อจะปฏิรูป ก็ควรดูทั้งระบบ คนดีๆที่อยู่ในองค์กรตำรวจมีอยู่มาก ควรถามสภาพปัญหาเขาด้วย ว่ามีอะไรที่ต้องปฏิรูปให้ดีขึ้นหรือไม่ เรื่องการปฏิรูปตำรวจนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ศึกษาเก็บข้อมูลรอบด้าน เพื่อจะได้นำมาใช้ในการปฏิรูปตำรวจ ต่อไปในอนาคต" นายราเมศ กล่าว